Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยระบบหัวใจและหลอดเลือดดำ, นางสาวพิชญาภา น้อยเงิน เลขที่ 58…
การพยาบาลผู้ป่วยระบบหัวใจและหลอดเลือดดำ
ภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure)
กลุ่มอาการที่เป็นผลมาจากความผิดปกติทางโครงสร้างหรือการทำงานของหัวใจ
ทำให้ มีผลต่อ
hemodynamic
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
1.Abnormal loading condition
เป็นภาวะที่หัวใจต้องรับภาวะหนักอย่างผิดปกติ
pressure load/ volume overload
2.Abnormal muscle function
เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจทำหน้าที่ผิดปกติ
cardiomyopathy
3.Limited ventricular filling
เป็นความจำกัดในการคลายตัวรับเลือดของ ventricle
hypertrophic obstructive cardiomyopathy
สาเหตุและปัจจัยที่มีผลจากโรคและภาวะต่างๆ
2.ความดันโลหิตสูง
3.ลิ้นหัวใจผิดปกติ (VHD)
1.ACS; MI
4.Dilated cardiomyopathy (DCM)
5.หัวใจพิการแต่กำเนิด
6.โรคอ้วน เบาหวาน
7.หยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea)
8.ยาที่มีพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
9.Right ventricular pacing
10.โลหิตจาง ติดเชื้อ ตั้งครรภ์
11.Specific cardiomyopathy
atrial fibrillation induced cardiomyopathy
diabetes cardiomyopathy (ischemia)
alcohol cardiomyopathy
ชนิดของภาวะหัวใจล้มเหลว
ชนิดหัวใจล้มเหลวในการบีบตัวและคลายตัว
systolic heart failure
diastolic heart failure
ชนิดหัวใจล้มเหลวข้างซ้ายข้างขวา
Left ventricle failure
Right ventricle failure
ชนิดหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเรื้อรัง
Acute & Chronic heart failure
การจำแนกระดับความรุนแรงและอาการ
NYHA CLASSIFICATION
CLASS I
ทำกิจกรรมได้ไม่เกิดอาการเหนื่อย/เจ็บหน้าอก
CLASS II
มีความจำกัดในกิจกรรม เหนื่อยแต่พักแล้วหาย
CLASS III
มีขีดจำกัดในการทำกิจกรรมชัดเจน รู้สึกสบายขณะพัก
CLASS IV
ไม่สามารถทำกิจกรรมได้ มีอาการเหนื่อยล้า ใจสั่น
AHA/ACC guidelines
STAGE A
Pt.มีปัจจัยเสี่ยงสูง & fml history
STAGE B
มีโรคหัวใจที่เกี่ยวกับโครงสร้าง แต่ไม่มีอาการ
STAGE C
มีโรคหัวใจที่เกี่ยวกับโครงสร้าง มีอาการ
STAGE D
ไม่ตอบสนองต่อการรักษา มีอาการขณะพัก
อาการของหัวใจห้องล่างซ้ายล้มเหลว
หายใจหอบเหนื่อย
จากมีการคั่งของเลือดและน้ำที่ปอด
นอนราบไม่ได้ และนอนหลับไปแล้วหลายชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมานั่งหอบ
การไอ เป็นอาการเด่นชัดที่พบบ่อย
เกิดจากการมีเลือดและน้ำคั่งในปอด
ฟังเสียงปอดจะมีเสียง Crepitation
อ่อนเพลีย (Fatigue)
จากการที่เซลล์ของร่างกายได้รับเลือดและออกซิเจนลดลง
ความดันโลหิตลดลง
จากการที่หัวใจบีบตัวไม่มีประสิทธิภาพ
สมองขาดออกซิเจน
ผิวซีด/ เขียว จากการขาดเลือดไปเลี้ยง
อาการของหัวใจห้องล่างขวาล้มเหลว
การบวม (Edema) ตามส่วนต่างๆอาจกดบุ๋ม
ตับโต
จากการที่มีเลือดคั่งในหลอดเลือดในตับ
ท้องมาน (Ascites)
หลอดเลือดดำที่คอโป่ง
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย, CxR เพื่อดูขนาดของหัวใจหัวใจจะโตจากกลไกการปรับตัว และการมีน้ำคั่งในปอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อแยกโรค โดยตรวจหา Serum BNP
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อหาภาวะแทรกซ้อนจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
Echocardiography
การรักษา
แก้ไขสาเหตุโดยตรงที่ท าให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โดยการผ่าตัด
ขจัดสาเหตุส่งเสริม
ต่อมไธรอยด์เป็นพิษ โลหิตจาง การติดเชื้อ
ลดการทำงานของหัวใจลง
จำกัดกิจกรรมต่าง
ลด Preload หรือลดจำนวนเลือดที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจ
ลดการคั่งของน้ำและเกลือ
เพิ่มปริมาณเลือดออกจากหัวใจ
การพยาบาล
ลดความต้องการใช้ออกซิเจนของร่างกายให้หัวใจทำงานลดลง
ให้นั่งหรือนอนศีรษะสูง
เฝ้าระวังอาการที่ผิดปกติ
ออกซิเจน
ลดการคั่งของน้ำในร่างกาย
ประคับประคองทางด้านจิตใจ
ให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเกิดอาการซ้ำๆ
SHOCK
กลุ่มอาการที่เกิดจากการมีการลดลงของการไหลเวียนโลหิตสู่อวัยวะและเนื้อเยื่อส่วนปลาย
ชนิด
ช็อกจากการเสียเลือดและน้ำ (hypovolemic shock)
ช็อกเกี่ยวกับหัวใจ (cardiogenic shock)
ช็อกจากการกระจายของเลือด
ช็อกจากภูมิแพ้ (anaphylactic shock)
ช็อกจากภาวะติดเชื้อ (septic shock)
ช็อกจากระบบประสาท (nerogenic shock)
Hypovolemic shock
สาเหตุ
เสียเลือด เสียพลาสม่า เสียน้ำ
อาการ
ความดันโลหิตตก จากการไหลเวียนเลือดที่ลดลง
ชีพจรเร็ว เบา จากการไหลเวียนเลือดที่ลดลง ร่วมกับหัวใจเต้นเร็ว
เหงื่อออก ตัวเย็น จากหลอดเลือดแดงมีการหดตัว (vasoconstriction)
หายใจเร็ว จากการกระตุ้นของระบบประสาท sympathetic และภาวะเลือดเป็นกรด
กระหายน้ำ ปากแห้ง จากภาวะขาดน้ำ
cyanosis,cutis marmorata
การรักษา
ให้สารน้ำและ electrolyte ชดเชยตามชนิดที่เสียไป
ควรให้เลือดทดแทน
Cardiogenic shock
สาเหตุ
การสูญเสียประสิทธิภาพในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
myocardial infarction
myocarditis
cardiomyopathy
การอุดกั้นการไหลของเลือด
tension pneumothorax
Distributive shock
neurogenic shock
สาเหตุ
การบาดเจ็บของไขสันหลังส่วนบนถัดจากส่วนอก
ภาวะเครียดทางอารมณ์
ปวดอย่างรุนแรง
ได้รับยาเกินขนาด
hypoglycemia
ได้รับยาทางไขสันหลังในระดับสูง
anaphylactic shock
สาเหตุ
เป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อการแพ้ที่เกิดขึ้น อย่างเฉียบพลันรุนแรง
อาหาร
แมลง
ยา
อาการ
ความดันโลหิตต่ำ
อาจมีอาการอาเจียน ท้องเสีย ตะคริว
หายใจมีเสียง stridor
กลั้นปัสสาวะไม่ได้ มีเลือดออกทางช่องคลอด
หายใจลำบาก เสียงหายใจมี wheezing และมี cyanosis
ผิวหนังมีผื่นแดงเป็นลมพิษ
septic shock
สาเหตุ
ได้รับ endotoxin ของเชื้อ ทำให้มีหลอดเลือดขยาย (vasodilatation) ทำให้ความดันโลหิตลดลง
การประเมินผู้ป่วยในภาวะช็อก
การซักประวัติ
ข้อมูลทางคลินิก
การตรวจ LAB
การพยาบาล
การควบคุมภาวะเลือดออก (Hemorrhage Control)
ให้กดบริเวณบาดแผลที่มีเลือดออก
การจัดท่า (Positioning)
นอนยกปลายเท้าสูง
การช่วยระบายอากาศ (Ventilation)
ให้Hyperventilate ด้วย Ambubag ในอัตรา 20 ครั้ง/นาที
การให้สารน้ำ
การให้O2 (Oxygen Administration)
โดยให้non-rebreather mask 12-15 ลิตร/นาที
การใช้ยา
กลุ่มยาที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว (Vasoconstricting drugs)
กลุ่มยาช่วยเพิ่มการบีบตัวของหัวใจ (Enhancing myocardial contraction)
กลุ่มยาเพิ่มการไหลเวียนเลือดสู่กล้ามเนื้อหัวใจ (Enhancing myocardial perfusion)
การเฝ้าระวังและตรวจประเมิน
โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน (ACS)
ปัจจัยเสี่ยง
เบาหวาน
โรคอ้วน
ความดันโลหิตสูง
Metabolic Syndrome
การสูบบุหรี่
ไม่ออกกำลังกาย
ระดับไขมันในเลือดสูง
อาการและอาการแสดง
เจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง
เจ็บขณะพักนาน 20 นาที
เหงื่อออก เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ
การตรวจร่างกาย
การเดินสายพาน
การสอบถามซักประวัติ
การตรวจสวนหัวใจ หรือการฉีดสี
การรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
การรักษาด้วยวิธีการทำบอลลูน ถ่างขยายหลอดเลือดและใส่ขดลวด (PCI)
เป็นกระบวนการที่ทำให้เห็นภาพของ
หลอดเลือดหัวใจ
คำแนะนำหลังทำ PCI
1.หลังสวนหัวใจแล้ว 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำและถูสบู่ได้ แต่ควรปฏิบัติอย่างนุ่มนวล
2.หลีกเลี่ยงการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ห้ามทาแป้ง หรือโลชั่นบริเวณแผล 1สัปดาห์หลังการสวนหัวใจ
3.กรณีทำผ่าตัดที่ข้อมือหลีกเลี่ยงการบิด งอ ข้อมือและการเกร็งหรือใช้ข้อมือนานๆ ห้ามใช้แขนข้างที่ทำหัตถการสวนหัวใจ ยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากกว่า 5ปอนด์หรือ 2.27 กิโลกรัม เป็นระยะเวลา 5 วัน
4.ควงงด ขับรถ 3-7 วัน
รับประทานยาต้านเกร็ดเลือดต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง
การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
การรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด (Anti-Thrombolytic)
การรักษาเบื้องต้น โดย MONA
O = O2 therapy
N = Nitrate
M = Morphine
A = ASA
คำแนะนำ
หลีกเลี่ยง/ งดบุหรี่
รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภท ชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่ม ประเภทมึนเมา
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ควรรับประทานยาตามแผนการรักษาให้ครบถ้วน
ไม่ควรให้เกิดอาการท้องผูก
หลีกเลี่ยงและ ผ่อนคลายความเครียด
ควรพบแพทย์ตามกำหนดนัดทุกครั้ง ถ้ามีอาการผิดปกติมาพบก่อนนัดได้
การใช้ยาอมใต้ลิ้น
ให้อมยาใต้ลิ้น 1 เม็ดถ้ามีอาการเจ็บแน่นหน้าอก
ถ้าอาการไม่ทุเลาให้อมยาซ้ำอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด แต่ละครั้งห่างกัน 5 นาที
หากอมยาครบ 3 เม็ด ยังไม่หายให้รีบไปพบแพทย์
ควรพกยาไว้ในกระเป๋าและหยิบใช้ได้ทันที
นางสาวพิชญาภา น้อยเงิน เลขที่ 58 รหัส 62111301060