Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ระบบไหลเวียน, การพยาบาลหลังจากฉีดสีสวนหัวใจ, นางสาวเพชรรัตน์ ผลจันทร์…

- - - - 2.ความดันโลหิตสูง
      - 3.ลิ้นหัวใจผิดปกติ (VHD)
      - 1.ACS; MI
      - 4.Dilated cardiomyopathy (DCM)
      - 5.หัวใจพิการแต่กำเนิด
      - 6.โรคอ้วน เบาหวาน
      - 7.หยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea)
      - 8.ยาที่มีพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
      - 9.Right ventricular pacing
      - 10.โลหิตจาง ติดเชื้อ ตั้งครรภ์
      - 11.Specific cardiomyopathy
        
        1)alcohol cardiomyopathy
        
        2)atrial fibrillation induced cardiomyopathy
        
        3)diabetes cardiomyopathy (ischemia)
  - - - CLASS II มีความจำกัดในการทำกิจกรรม เหนื่อยแต่พักแล้วหาย
      - CLASS III มีขีดจำกัดในการทำกิจกรรมชัดเจน รู้สึกสบายใจขณะพัก
      - CLASS I ทำกิจกรรมได้ไม่เกิดอาการเหนื่อยหรือเจ็บหน้าอก
      - CLASS IV ไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้มีอาการเหนื่อยล้าใจสั่น
    - - STAGE A ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงสูง ครอบครัวมีประวัติ
      - STAGE B มีโรคหัวใจที่เกี่ยวกับโครงสร้าง ไม่มีอาการแสดง
      - STAGE C มีโรคหัวใจที่เกี่ยวกับโครงสร้าง มีอาการแสดง
      - STAGE D ระยะสุดท้ายไม่ตอบสนองกับการรักษา มีอาการขณะพัก
  - - - การไอเป็นอาการเด่นชัดที่พบบ่อย เกิดจากการมีเลือดและน้ำคั่งในปอด ฟังเสียงปอดจะมีเสียง Crepitation
      - อ่อนเพลียจากการที่เซลล์ของร่างกายได้รับเลือดและออกซิเจนลดลง
      - นอนราบไม่ได้ และนอนหลับไปแล้วหลายชั่วโมงแล้วตื่นขึันมานั่งหอบ (Paroxysmal nocturnal dyspnea : PND)
      - ความดันโลหิตลดลงจากการที่หัวใจบีบตัวไม่มีประสิทธิภาพ
      - หายใจหอบเหนื่อยจากมีการคั่งของเลือดและน้ำที่ปอด
      - สมองขาดออกซิเจน มีอาการกระสับกระส่าย ความจำเสื่อม เป็นลม
      - อาการเจ็บหน้าอก พบได้ในกรณีที่เลือดไปเลี ้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ
      - อาการทางระบบไต ปัสสาวะลดลง
      - ผอมและขาดสารอาหารจากการที่เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ
      - ผิวซีด/ เขียว จากการขาดเลือดไปเลี้ยง
    - - ท้องมาน
      - หลอดเลือดดำที่คอโป่ง
      - ตับโตจากการที่มีเลือดคั่งในหลอดเลือดในตับ
      - อาการทางระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะแน่นจุกบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือบริเวณลิ้นปี่ เป็นผลมาจากตับโตจากการมีน้ำคั่ง
      - การบวมตามส่วนต่างๆ เท้า ข้อเท้า ก้นกบ การบวมอาจกดบุ๋ม
  - - - จำกัดกิจกรรมต่างๆ
      - ลด Preload หรือลดจำนวนเลือดที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจ
        
        ให้ผู้ป่วยนั่งห้อยขาลงข้างเตียง หรือนอนบนเตียงในท่า Fowler’s position
        
        ให้ยาขับปัสสาวะ เช่น Lasix ระวังโปตัสเซียมต่ำ แนะนำให้กินผลไม้ร่วมด้วย
        
        การให้ยาขยายหลอดเลือดดำส่วนปลาย มีผลทำให้เลือดค้างอยู่ตามหลอดเลือดส่วนปลายมากขึ้น เช่น ยาในกลุ่ม Nitrate เช่น Nitroglycerin, Sodium nitroprusside,
      - ลด After load หรือลดแรงต้านของหลอดเลือดทางที่เลือดออกจากหัวใจ เช่น SNP, Enlapril , Captopril
    - - ให้ยาเพิ่มแรงในการบีบตัวของหัวใจ เช่น ยากลุ่ม Digitalis (Digoxin, lanoxin) ไม่ให้ยานี ้เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั ้ง/นาที ระวัง การเกิดพิษจากยา Digitalis
      - ลดแรงต้านทานของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย
      - ให้ยากลุ่ม Inotropic drug ที่มีฤทธิ์โดยเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจโดยตรง เช่น Isoproterinol , Dopamine , Dobutamine
      - ยาต้านเบต้า (Beta blocker)
  - - - จำกัดน้ำดื่ม บันทึกปริมาณน้ำดื่มและปัสสาวะ
      - จำกัดอาหารรสเค็ม
      - ดูแลให้ได้รับยาขับปัสสาวะ ให้แนะนำผู้ป่วยรับประทานผลไม้เพิ่ม เพื่อป้องกันโปตัสเซียมในเลือดต่ำจากการขับปัสสาวะบ่อย
- - - - คำแนะนำหลังทำ PCI
        
        5.การขับรถ ถ้าเป็นการฉีดสีอย่างเดียว ควงงดขับรถ 3 วัน แต่ถ้ามีการถ่างขยายหลอดเลือดและใส่ขดลวดด้วยควรงดขับรถ 7 วัน
        
        6.กรณีต้องเข้าเครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าควรจะรอหลังจากใส่ขดลวดอย่างน้อย 2–6 สัปดาห์แต่ในกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนต้องตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ขึ้นกับวิจารณญาณของแพทย์ผู้ทำ
        
        4.สามารถทำงานทั่วไปได้ตามปกติ แต่ห้ามยก แบก หรือ ผลักของหนักๆโดยเฉพาะช่วง 5-7 วันแรก ประมาณ 5 กิโลกรัมขึ้นไป
        
        7.รับประทานยาต้านเกร็ดเลือดต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง
        
        3.กรณีทำผ่าตัดที่ข้อมือหลีกเลี่ยงการบิด งอ ข้อมือและการ เกร็งหรือใช้ข้อมือนานๆ ห้ามใช้แขนข้างที่ทำหัตถการ สวนหัวใจยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากกว่า 2.27 กิโลกรัม 5 วัน
        
        2.หลีกเลี่ยงการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ห้ามทาแป้ง หรือโลชั่นบริเวณแผล 1 สัปดาห์หลังการสวนหัวใจ
        
        1.หลังสวนหัวใจแล้ว 24 ชั่วโมง อาบน้ำและถูสบู่ได้แต่ควรปฏิบัติอย่างนุ่มนวล
  - - - M = Morphine
      - O = O2 therapy (Oxygen therapy : เมื่อมีข้อบ่งชี้ O2 sat < 94%)
      - N = Nitrate (ข้อห้ามในการใช้ Nitrates : มี BP <90/60, HR <50 หรือ >100)
      - A = ASA (Aspirin 160 หรือ 325 mg 1 เม็ด เคีhยวทันทีข้อห้ามในผู้ที่แพ้ยา ASA และเลือดออกในทางเดินอาหาร)
      - ให้การดูแลรักษาตาม MONA แล้วจึงเริ่มให้ยาละลายลิ่มเลือด ได้แก่ Streptikinase (SK) หรือ Tenecteplase (TNK) หากไม่สามารถทำบอลลูนได้ภายใน 90 นาที
    - - ปัจจุบันการใช้ Tenecteplacse(TNK) ได้รับความนิยมแต่มีราคาสูง ยา Streptokinase (SK) ยังได้ผลดีที่สุดและจำเป็นต้องใช้ จึงต้องให้ด้วยความระมัดระวังสูง
      - ข้อห้าม
        
        เคยเป็นเนื้องอกในสมอง
        
        เคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ , บาดเจ็บรุนแรงหรือได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ใน 2 สัปดาห์
        
        เคยเป็นอัมพาตเกิดจากเลือดออกในสมอง
        
        เจ็บแปล๊บอย่างรุนแรง ทะลุไปข้างหลัง (สงสัยเอออร์ตาปริแตก)
      - มีผลค้างเคียงสูงทำให้เลือดออกมาในจุดสำคัญ เช่น สมอง ช่องท้อง
      - การพยาบาลขณะได้รับยา Streptokinase
        
        1.เริ่มให้ยา Streptokinase ทีผสมในสารน ้า 100 ซีซี ด้วย infusion pump อัตราการไหล 100 ml/hr ชั่วโมง
        
        2.ควรหยุดยา Nitroglycerine ทุกชนิดในระหว่างที่ได้ยา Streptokinase เพราะจะเสริมฤทธิ์ทำให้เพิ่มความรุนแรงในการเกิดความดันโลหิตต่ำ
        
        3.หมั่นสอบถามอาการเจ็บแน่นหน้าอก
        
        4.ประเมินระดับความรู้สึกตัวเป็นระยะๆ เพื่อประเมินภาวะเลือดออกในสมอง
        
        5.ตรวจวัดและ บันทึกความดันโลหิต ชีพจร และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ระดับ O2 Sat อย่างน้อยทุก 5 นาที ระหว่างที่ได้รับยา Streptokinase
        
        6.เฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากผลข้างเคียงของ Streptokinase
        
        7.เฝ้าระวังสังเกตคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอดเวลา เนื่องจากผลของยาอาจทำให้เกิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่อันตราย เช่น VF, VT
        
        8.เตรียมเครื่อง Defibrillation เมื่อเกิด VF, VT และช่วยแพทย์ทำ Defibrillation และ CPR
- - - - อาากร
        
        ความดันโลหิตตก ชีพจรเร็วเบาร่วมกับหัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก ตัวเย็น หายใจเร็ว กระหายน้ำ ปากแห้ง อ่อนเพลีย ผิวหนังเย็น ม่วง ลาย โดยเฉพาะบริเวณส่วนปลาย
      - การรักษา
        
        ควรให้เลือดทดแทน แต่ระหว่างรอเลือดควรให้สารน้ำชนิดอื่นไปก่อน เช่น normal saline ปริมาณและอัตราการให้สารน้ำขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ shock ควรให้จนกว่า vital signs และ urine output จะปกติ
        
        ให้สารน้ำและ electrolyte ชดเชยตามชนิดที่เสียไป ในรายที่เสียเลือดมากกว่า 20% ของ blood volume
    - - สาเหตุ
        
        2.การอุดกั้นการไหลของเลือด
        
        3.สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ โรคของลิ้นหัวใจที่ทำให้ช่องลิ้นหัวใจมีขนาดเล็กลง เลือดผ่านเข้าออกได้น้อย หรือลิ้นหัวใจรั่ว
        
        1.การสูญเสียประสิทธิภาพในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจที่พบบ่อย คือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
    - - สาเหตุ
        
        ได้รับยาทางไขสันหลังในระดับสูง ได้รับยาเกินขนาด ได้รับยานอนหลับ เช่น บิทูเรด(barbiturate)
        
        ภาวะเครียดทางอารมณ์
        
        การบาดเจ็บของไขสันหลังส่วนบนถดัจากกระดูกสันหลังส่วนอก
        
        ปวดอย่างรุนแรง
        
        ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia)
    - - สาเหตุ
        
        จากการได้รับการกระตุ้น (sensitized) สารกระตุ้นที่เปรียบเสมือน antigen เช่น penicillins และ cephalosporins อาหารบางประเภท การได้รับสารทึบแสง (contrast media) เพื่อการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา และยาด้านการอับเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID)
      - อาการ
        
        เสียงแหบและหายใจมีเสียง stridor
        
        ความดันโลหิตต่ำ กระสับกระส่ายร่วมกับหัวใจเต้นเร็วและหายใจเร็วขึ้น
        
        หายใจลำบาก เสียงหายใจมี wheezing และมี cyanosis มีการบวมบริเวณกล่อง
        
        อาจมีอาการอาเจียน ท้องเสีย เป็นตะคริว ปวดท้อง
        
        กลั้นปัสสาวะไม่ได้และมีเลือดออกทางช่องคลอด
        
        ผิวหนังมีผื่นแดงเป็นลมพิษ
    - - สาเหตุ
        
        ได้รับ endotoxin ของเชื้อ ได้แก่ แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส และโพรโทซัว ทำให้หลอดเลือดขยาย ความดันโลหิตลดลง
      - SIRS CRITERIA
        
        อัตราการเต้นของหัวใจ >90 ครั้ง/นาที
        
        อัตราการหายใจ >20 ครั้ง/นาที หรือ Paco2 <32
        
        อุณหภูมิ >38 องศาหรือ <36 องศา หนาวสั่น
        
        WBC >12,000 เซลล์/ลบ.มม. หรือ <4,000 เซลล์/ลบ.มม.หรือ >10% immature band forms
      - การพยาบาล
        
        1.การให้O2 ต้องให้ high-flow oxygen เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยให้ non-rebreather mask 12-15 ลิตร/นาที
        
        2.การช่วยระบายอากาศ ถ้าอัตราการหายใจน้อยกว่า 12 ครั้ง/นาที ให้Hyperventilate ด้วย Ambubag ในอัตรา 20 ครั้ง/นาที
        
        3.การควบคุมภาวะเลือดออก ให้กดบริเวณบาดแผลที่มีเลือดออก ถ้าพบว่ายังมีเลือดออกอยู่ให้ยกส่วนปลายแขนหรือขาให้สูง และกดที่ proximal pulse การใช้ tourniquet เป็นหนทางสุดท้าย และต้องมั่นใจว่าผู้ป่วยไม่ได้รับอันตรายภายหลัง ถ้าจำเป็นต้องทำควรคลายทุก 10 นาที และคลายทิ้งไว้นาน 1 นาที
        
        4.การจัดท่า ยกปลายเท้าสูง 10-12 นิ้ว เพื่อเพิ่มการไหลเวียนกลับของเลือดกลับเข้าสู่หัวใจมากขึ้น
        
        5.ให้สารน้ำ ชนิดของสารน้ำมีหลายชนิดที่นิยมใช้ได้แก่ 0.9%Normal Saline Ringer’s lactate หรือ บางรายที่มีการเสียเลือดอาจให้เลือดทดแทน
        
        6.การใช้ยา ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการทดแทนด้วยสารน้ำก่ีใช้ยามีความสำคัญ กลุ่มยาที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว กลุ่มยาช่วยเพิ่มการบีบตัวของหัวใจ กลุ่มยาเพิ่มการไหลเวียนเลือดสู่กล้ามเนื้อหัวใจ