Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงของมารดาหลังคลอด - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงของมารดาหลังคลอด
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ
ทารกผ่านช่องทางคลอด
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะลดลง
มีความจุมากขึ้นแต่ความไวต่อแรงกดจะลดลง
บวมและช้ำรอบ ๆ ท่อรูเปิดปัสสาวะ
ปัสสาวะลำบาก
ถ้ามารดาได้รับยาระงับความรู้สึกในระยะคลอด
ระบบประสาทถูกรบกวน
มีปัสสาวะค้างอยู่หลังถ่ายปัสสาวะ
มีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบของทางเดินปัสสาวะสูง
วิธีแก้ไข
ควรกระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะทุก 4 – 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ควรหลีกเลี่ยงการลดการคั่งของปัสสาวะโดยการสวนปัสสาวะให้และการที่มีกระเพาะปัสสาวะเต็มอาจส่งเสริมให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดีเพราะตัวมดลูกถูกเบียดทำให้อยู่ผิดตำแหน่งและขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
การทำงานของไต(Renal function)
ระยะหลังคลอดไตทำงานลดลง
12 ชั่วโมงหลังคลอดมารดาจะเริ่มถ่ายปัสสาวะมาก ปัสสาวะที่ออกจากร่างกายรวมกับน้้าทีสูญเสียทางเหงื่อจะท้าให้น้้าหนักของมารดาลดลงในระยะแรกหลัง คลอดประมาณ 2 - 2.5 กิโลกรัมหลังจากนั้นน้้าหนักจะลดลงอีกเนื่องจากมีการขับน้้าและอิเล็คโทรลัยที่สะสม
กรณีศึกษาปัสสาวะบ่อยประมาณ วันละมากกว่า 9-10 ครั้งโดยประมาณ เป็นสีเหลืองใสไม่มีอาการแสบขัด
ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์การท้างานของไตจะกลับสู่สภาพปกติใน 4 – 6 สัปดาห์
ระบบผิวหนัง
ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลงอย่างรวดเร็ว
Chloasma และ Linea Nigra จะจางลงปกติใน 6 Wks.หลังคลอด
สีที่เข้มของลานนม รอยแตกของผิวหนังบริเวณผนังหน้าท้อง(Striae gravidarum)
ร่างกายจะขับน้ำออกทางผิวหนังจำนวนมาก (Diaphoresis) มารดาหลังคลอดจึงมีเหงื่อออกมาก
เส้นผมร่วงเป็นหย่อม ๆ (Alopecia) ในช่วง 4-20 Wks.
อุณหภูมิ
Milk Fever
เกิดจากนมคัด (Breast engorement) จะพบในวันที่ 3 – 4 หลังคลอดอุณหภูมิจะสูงกว่า38 C และจะหายใน 24 ชั่วโมงหรือเมื่อลดการคัดตึงของเต้านม
Febile Fever
เกิดจากมีการติดเชื้อเกิดขึ้นในระบบใดระบบหนึ่งของร่างกายมารดาเช่นการอักเสบที่เยื่อบุโพรงมดลูกเต้านมอักเสบการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะหรือในระบบอื่นๆอุณหภูมิจะสูงกว่า 38 C ติดต่อกัน 2 วันหรือมากกว่า (ไม่นับ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด)
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตสังคมของมารดาในระยะหลังคลอด
กระบวนการในการปรับตัวของสตรีหลังคลอด (Process of maternaladaptation)
Reva Rubin
Taking – in phase
1 – 3 วันแรกหลังคลอดร่างกายมีความอ่อนล้าไม่สุขสบายจากการปวดมดลูกเจ็บปวดแผลฝีเย็บและคัดตึงเต้านมช่วยเหลือตนเองได้น้อยในช่วงนี้
จึงสนใจแต่ตนเองมี ความต้องการพึ่งพาผู้อื่น (Dependency needs)
Taking – hold phase
3 – 10 วันหลังคลอด
เข้าสู่พฤติกรรมพึ่งพาเป็นอิสระสามารถช่วยเหลือตนเองได้มากยิ่งขึ้นเริ่มสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลทารกสนใจบุคคลอื่นๆในครอบครัวเพิ่มขึ้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่พยาบาลจะให้ค้าแนะน้าเรื่องการปฏิบัติตัวหลังคลอดและการดูแลทารกรวมทั้งสามีและบุคคลต่างๆคอยให้ก้าลังใจเป็นแรงเสริมในทางบวกที่จะช่วยให้สตรีหลังคลอดสามารถปรับตัวในการเป็น “มารดา”ได้ดียิ่งขึ้น
Letting-go phase
เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 หลังคลอดเป็นต้นไปซึ่งเป็นช่วงที่สตรีหลังคลอดและทารกลับมาอยู่ที่บ้านผู้ติดตามดูแลให้ค้าแนะน้าต่อเนื่องจากระยะที่อยู่โรงพยาบาลต้องชี้แนะแนวทางให้มารดาหลังคลอดและสามีได้ร่วมกันวางแผนการต่อเนื่องจากระยะที่อยู่โรงพยาบาลต้องชี้แนะแนวทางให้มารดาหลังคลอดและสามีได้ร่วมกันวางแผนการก็ต้องมีพฤติกรรมพึ่งพาอาศัยกัน (Interdependent behavior) ในระยะนี้มารดาหลังคลอดเริ่มมีความต้องการที่จะพบหรือพูดคุยกับบุคคลภายนอก
ภาวะที่มารดาเศร้าหลังคลอด(Postpartum blues หรือbaby blues)พบในช่วง 10 วันแรกหลังคลอดถึงร้อยละ 80
การลดลงทันทีของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
ผิดหวังเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองในช่วงหลังคลอด
มีความเครียดทางร่างกายเช่นอ่อนเพลียเจ็บแผลฝีเย็บปวดจากเต้านมคัดตึงเจ็บริดสีดวงทวาร
มีความเครียดด้านจิตใจในช่วงรับบทบาทการเป็นมารดาแต่ขณะเดียวกันก็ต้องคงไว้ซึ่งบทบาทการเป็น
ภรรยาที่ดี
มีความขัดแย้งระหว่างบุคคลเช่นมีความขัดแย้งระหว่างตนเองกับสามีกับสมาชิกคนอื่นๆภายในบ้านกับ
เพื่อนหรือเพื่อนบ้าน
รู้สึกถูกละเลยไม่ได้รับความสนใจเนื่องจากช่วงหลังคลอดบุคคลแวดล้อมจะแสดงความชื่นชมยินดีกับทารก มากกว่าที่จะแสดงความชื่นชมยินดีหรือสนใจหญิงระยะหลังคลอดท้าให้หญิงระยะหลังคลอดมักมีความรู้สึกเศร้าและเสียใจ
ระบบโครงกระดูก
Relaxin Hormone ลดลง
เจ็บข้อมือ สะโพก กระดูกสันหลังและมันจะกลับสู่สภาพเดิมได้
ระบบไหลเวียนและระบบเลือด
สัญญาณชีพ
อุณหภูมิสูง ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส จะปกติใน 24 ชั่วโมง เนื่องจาก การขาดน้ำ+เสียพลังงานจากการคลอด
Reactionary Fever
ชีพจร
เลือดไหลเลี้ยงร่างกายเพิ่มขึ้นเพื่อรักษา cardiac out put คงเดิม HR ลดลง PR จะกลับสู่สภาพเดินใน 1 wks.
Blood pressure
ถ้าสูงกว่า 140/90 mmHg. เป็นอันตราย ,cerebrovascular accident
ถ้าต่ำว่า 90/60 mmHg. P เบาเร็วหน้าซีด ใจสั่น มือเท้าเย็น อาจจะช็อกหรือเสียเลือด
ระบบไหลเวียน
ปริมาณเลือกหลังคลอดเพิ่มมากขึ้น 3 วันแรก
Clotting factor ลดลง 2-3 วัน แต่ plasma fibrinogen ควมคุมบริเวณรกเกาะ
Plasma เพิ่มขึ้น
ระบบทางเดินอาหาร
ท้องผูกหลังคลอดจากลำใส่เคลื่อนไหวลดลงจากฮอร์โมน Progesterone
น้ำหนักลดลง 5-6 กก. หลังคลอด
ระบบต่อมไร้ท่อ
FSH&LH ลดลง 10-12 วัน การดูดนมของเด็กจะเพิ่มหรือลด ถ้าเพิ่มจะเพิ่มจนไข่ตก
Prolactin
ลดลง 2 wks. ในมารดาที่ไม่ให้นมบุตร
ฮอร์โมนจากรก
HPL ลดลง
HCG ลดลงจนมีการตกไข่
Estrogen ลดลงหลังคลอด 3 ชม.
Progesterone ลดลง 3 วันหลังคลอด