Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร - Coggle Diagram
บทที่ 6 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร
6.1 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารที่รักษาทางยา
Gastritis
เรียกกันทั่วไปว่าโรคกระเพาะ เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้แบบเฉียบพลันในระยะเวลารวดเร็ว เป็นในระยะสั้น ๆ และหายภายใน 1-2 สัปดาห์
อาการ
อาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีความแตกต่างกันออกไป หรือในบางรายอาจไม่พบอาการชัดเจน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้อง รู้สึกไม่สบายช่องท้องส่วนบน มีอาการท้องเฟ้อ อิ่มง่าย จุกหน้าอก แน่นท้อง เรอบ่อย อาหารไม่ย่อย
สาเหตุ
การติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เอช ไพโลไร (Helicobacter pylorior หรือ H. pylori) เป็นเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม
การรักษา
หากผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบจากการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร ที่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย แพทย์จะรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาคลาริโธรมัยซิน (Clarithromycin) ยาอะมอกซิซิลลิน (Amoxicillin) หรือยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) เพื่อช่วยในการการฆ่าเชื้อ
การป้อง
ารรักษาความสะอาดและสุขอนามัยในการรับประทานอาหารเป็นหลักสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร เช่น การล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร
Gastroenteritis
การอักเสบของกระเพาะอาหารหรือลำไส้เนื่องจากการติดเชื้อ ซึ่งนำไปสู่อาการ เช่น ท้องเสีย รู้สึกป่วย อาเจียน และปวดในช่องท้อง
อาการ
ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาจมีเลือดและเมือก หรือเป็นมันหรือเป็นฟอง อาเจียนปวดท้อง ท้องอืด ปวดมวนท้อง ไม่อยากอาหาร และ เป็นไข้
สาเหตุ
สาเหตุหลักของกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ได้แก่ การติดเชื้อ ด้วย ไวรัส แบคทีเรีย หรือ ปรสิต
การรักษา
การดูแลตัวเอง
หากมีอาการกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ควรพักเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น ดื่มน้ำ หรือเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
การใช้ยา
ถ้ามีอาการปวดท้องจะให้ยาแก้ปวด ถ้ามีถ่ายอุจจาระบ่อยจะให้ยาหยุดถ่าย ถ้ามีอาเจียนจะให้ยาป้องกันอาเจียน การให้ยาปฏิชีวนะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ
Diarrhea
เป็นอาการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่าปกติ หรือในบางครั้งถ่ายเป็นมูกปนเลือด มักเกิดจากการติดเชื้อหรือภาวะอาหารเป็นพิษ หลังจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป
อาการ
อาการของโรคที่พบได้บ่อย จะมีการถ่ายอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ถ่ายบ่อยกว่าปกติของแต่ละคน หรือถ่ายเป็นมูกปนเลือด 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นภายใน 24 ชั่วโมง ในบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว และมีไข้
สาเหตุ
รูปแบบของเหลวจากสิ่งที่รับประทานเข้าไปในร่างกายจนเหลือแต่กากใยทิ้งไว้ แต่เมื่อเกิดอาการท้องเสียขึ้น ทำให้ลำไส้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ สารอาหารเหล่านั้นจึงไม่ถูกดูดซึมและถูกขับออกมาจากร่างกาย
การรักษา
อาการป่วยจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองตามลำดับ แต่ผู้ป่วยก็ควรดื่มน้ำมาก ๆ หรือดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป นอกจากนี้ การรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการท้องเสียตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างยา Diosmectite ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำและผงเกลือแร่ซึ่งเป็นการรักษาหลักก็อาจช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้
การป้องกัน
ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังรับประทานอาหาร
ในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือได้ ควรใช้เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
เลือกรับประทานอาหารอย่างระมัดระวัง
ไม่ควรวางอาหารทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนาน ๆ
ควรทำความสะอาดบริเวณที่มีการเตรียมอาหารให้ถูกสุขลักษณะ
เลือกดื่มน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ
6.2 การพยาบาลเด็กป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารที่รักษาด้วยการผ่าตัด
Intussusception
ภาวะที่ลำไส้ส่วนต้นมุดเข้าสู่โพรงของลำไส้ส่วนที่อยู่ถัดไปทางด้านปลาย เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว เพราะถ้าลำไส้กลืนกันอยู่เป็นเวลานาน จะเกิดภาวะลำไส้ขาดเลือดจนเกิดการเน่า ลำไส้แตกทะลุ
ข้อสังเกต
อาการปวดท้อง กระสับกระส่าย มือเท้าเกร็ง
ร้องไห้เป็นพัก ๆ ประมาณ 15 – 30 นาทีก็เริ่มร้องอีก
ท้องอืดและอาเจียน ช่วงแรกมักจะเป็นนมหรืออาหารที่ลูกกินเข้าไป
อุจจาระมีเลือดคล้ำ ๆ ปนเมือก
เด็กบางคนอาจจะมีอาการซึมหรือชักร่วมด้วย
รักษาโรค
วิธีที่ 1 คือ การดันลำไส้ส่วนที่ถูกกลืนให้ออกมาจากลำไส้ส่วนที่กลืนกันอยู่ โดยการใช้แรงดันผ่านทางทวารหนัก
วิธีที่ 2 คือ การผ่าตัดเปิดช่องท้อง ในการผ่าตัดนั้นศัลยแพทย์จะใช้มือบีบดันให้ลำไส้ส่วนที่กลืนกันคลายตัวออกจากกัน
Diaphragmatic Hernia
เป็นไส้เลื่อนที่ประกอบด้วยส่วนของอวัยวะในช่องท้องที่เข้าไปอยู่ในทรวงอก โดยผ่านทางช่องโหว่ของกระบังลม
ลักษณะ
หัวใจที่ถูกเบียดเลื่อนไปทางขวา
ภาวะครรภ์แฝดน้ำพบได้บ่อย
เห็นก้อนหรือถุงน้ำ
กระเพาะอาหารจะเลื่อนไปจากตำแหน่งปกติ หรือไม่เห็นในท้อง
ท้องแฟบเล็ก
การเห็นถุงน้ำดีในทรวงอกจะช่วยการวินิจฉัยได้มาก การมีน้ำในช่องปอดอาจช่วยในการแยกตับและปอด
ไส้เลื่อนกระบังลมด้านขวาวินิจฉัยได้ยาก เนื่องจากความเข้มเสียงของตับและปอดใกล้เคียงกันมาก
Hirschsprung’s disease
เป็นความพิการแต่กำเนิด โดยแพทย์อาจสังเกตเห็นความผิดปกติได้ทันทีหลังการคลอด แต่บางรายที่โรคไม่รุนแรงอาจเริ่มแสดงอาการเมื่อโตขึ้นหรือเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้แน่ชัด
อาการ
ในทารกแรกคลอดอาจไม่ขับถ่ายขี้เทาภายในเวลา 48 ชั่วโมงแรก
ในเด็กเล็กหรือเด็กโตอาจมีอาการปวดท้อง ท้องบวม
สาเหตุ
เมื่อเซลล์ประสาทในลำไส้ใหญ่ส่วนปลายไม่สมบูรณ์หรือเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้ลำไส้ใหญ่ไม่สามารถหดตัวได้และเกิดการตกค้างของอุจจาระอยู่ภายใน
การรักษา
การผ่าตัดผ่านกล้อง
การผ่าตัดเปิดบริเวณหน้าท้อง
การป้องกัน
ไม่สามารถป้องกันได้ แต่หากผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้และวางแผนจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเสี่ยงของทารก เพราะโรคนี้อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
Gastroschisis
เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดของผนังหน้าท้องในทารกแรกคลอดที่ปิดไม่สนิท ทำให้ลำไส้ของทารกออกมาอยู่นอกช่องท้อง และอาจมีอวัยวะภายในอื่น ๆ
อาการ
จะมีช่องโหว่บริเวณผนังหน้าท้องใกล้กับสะดือ ส่งผลให้ลำไส้โผล่ออกมา ส่วนมากจะเกิดช่องโหว่ทางด้านขวาของสะดือ
สาเหตุ
ทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดภาวะ Gastroschisis ได้อย่างชัดเจน แต่คาดว่าภาวะดังกล่าวอาจเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมร่วมกับปัจจัยด้านสภาวะแวดล้อมอื่น ๆ
การรักษา
การรับสารอาหารผ่านเส้นเลือดเนื่องจากอาจมีภาวะลำไส้บวม ไม่สามารถดูดซึมสารอาหาร ได้รับความเสียหายขณะอยู่ในครรภ์หรือขณะคลอด
การใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การสังเกตและควบคุมอุณหภูมิของร่างกายทารกอย่างใกล้ชิด
การป้องกัน
ไม่มีวิธีการป้องกันได้โดยตรง แต่มารดาที่ตั้งครรภ์สามารถลดความเสี่ยงได้โดยการดูแลสุขภาพครรภ์ให้แข็งแรง รับประทานวิตามินเสริมตามคำแนะนำของแพทย์
Omphalocele
เกิดจากความบกพร่องของผนังหน้าท้อง (กล้ามเนื้อ fascia และผิวหนัง) ในแนวกลางตัว ทำให้อวัยวะในช่องท้องเคลื่อนออกมาทางฐานของสายสะดือ
ลักษณะ
ตำแหน่งรอยโหว่ของผนังหน้าท้องอยู่แนวกลาง ที่ฐานของสายสะดือ การเห็นเส้นเลือดดำสายสะดือวิ่งผ่านตำแหน่งพยาธิสภาพ ก็นับว่าเป็นหลักฐานชัดเจนว่าพยาธิสภาพอยู่ในแนวกลาง
เห็นเยื่อหุ้มถุงคลุมอวัยวะที่ออกมา