Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 2 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบติดเชื้อ - Coggle Diagram
บทที่ 2 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบติดเชื้อ
โรคติดเชื้อที่ป้องกันด้วยวัคซีน
โรคหัด
(MEASLES/RUBEOLA)
สาเหตุ
สาเหตุ เชื้อไวรัส (paramyxovirus)
การระบาดของโรคตลอดทั้งปี วัยเด็กมักเป็นโรคหัดอายุ
1-7 ปี อายุน้อยกว่า 6 เดือนมักไม่พบว่าเป็นโรคหัด
อาการ
ไข้สูง อ่อนเพลีย
ไอ น้ำมูกน้ำตาไหล
เยื่อบุตาอักเสบ กลัวแสง หนังตาบวม
ทอนซิลโตและแดง
ในวันที่ 2-3 ตรวจพบ Koplick’s spot ลักษณะเม็ดขาวเล็กๆขนาดเท่าหัวเข็มหมุดบนเยื่อบุกระพุ้ง
แก้มที่แดงจัด หายไปหลังผื่นขึ้นประมาณ 2 วัน
การรักษา
ให้พักผ่อน ยาลดไข้ และให้น้ำเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ ต้องให้ยาต้านจุลชีพทีเหมาะสม
โรคแทรกซ้อน
สมองอักเสบ (Encepalitis) ไข้ อาเจียน ซึม ชัก และระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
ปอดอักเสบ (Broncho-pneumonia)
หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media)
ลำไส้อักเสบ (Enteritis)
เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis)
เป็นโรคหัดขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้เด็กตายคลอดหรือคลอดก่อนกำหนดได้
การป้องกัน
การให้ภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันโรคหัดได้ทันที โดยใหGamma globulin ฉีดเข้ากล้ามเนื้อภายใน 5วันหรือน้อยกว่า 6วันหลังจากได้รับเชื้อให้ในเด็กเล็ก เด็กที่เจ็บป่วยเรื้อรัง
วัคซีนที่ทำจากเชื้อมีชีวิตฉีดเข้าใต้ผิวหนังครั้งเดียวควรให้ในเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 1 ขวบ
โรคหัดเยอรมัน
(Rubella)
อาการและอาการแสดง
อาการที่สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงแรกค่อนข้างมีอาการคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไป ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-2 วัน
มีไข้ต่ำถึงปานกลาง (ประมาณ 37.2-37.8 องศาเซลเซียส)
ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะบริเวณคอ ท้ายทอย และหลังหู
ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะบริเวณคอ ท้ายทอย และหลังหู
การพยาบาลผู้ป่วยโรคหัด
การแยกเด็กแบบ Respiratory Isolation ตั้งแต่มีอาการถึง 5-7วัน หลังผื่นขึ้น
ไข้สูง ให้อาหารอ่อน หรืออาหารเหลว ดื่มน้ำให้มาก
สังเกตอาการแทรกซ้อน
สาเหตุ
เชื้อ rubella เป็น RNA ไวรัสอยู่ในตระกูล Togaviridae
ไข้ออกผื่น ไม่รุนแรงในเด็ก แต่สำคัญ สตรีตั้งครรภทารกในครรภ์ ทำให้เกิดความพิการทางหู ตา หัวใจ สมอง
โรคคอตีบ
(Diphtheria)
โรคแทรกซ้อน
การอุดตันของทางเดินหายใจส่วนบน พบในเด็กเล็ก
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
เส้นประสาทอักเสบ เป็นผลของท๊อกซินต่อเส้นประสาท
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะเพนนิซิลิน เป็นเวลา 14 วัน
ถ้าทางเดินหายใจตีบ ต้องเจาะคอเพื่อช่วยให้หายใจได
ต้องมีการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
อาการ
อาการและอาการแสดง ไข้ต่ำๆ อาการคล้ายหวัด ไอเสียงก้อง เจ็บคอรุนแรง เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลืองโตที่คอโตและบริเวณรอบๆรุงแรงบวม Bullneck
อาการไข้สูง ซึม ชีพจรเบาเร็ว มือเท้าเย็น อาจเสียชีวิตจากภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลวได้
การป้องกัน
ต้องมีการแยกผู้ป่วยจากผู้อื่น อย่างน้อย 3 สัปดาห์ หลังเริ่มมีอาการ
ต้องให้วัคซีนป้ องกันโรคคอตีบแก่ผู้ป่ วยที่หายแล้ว
ในเด็กทั่วไป โดยให้วัคซีนป้องกันคอตีบ 4 ครั้ง เมื่ออายุ 2,4,6 และ 18 เดือน และกระตุ้นอีกครั้งงหนึ่งเมื่ออายุ 4-6 ปี (ต่อไปอาจกระตุ้นทุก 10 ปี)
สาเหตุ
เกิดการอักเสบ มีแผ่นเยื่อในล าคอ มีการตีบตันของทางเดินหายใจ อาจท าให้ถึงตายและจากพิษ (Exotoxin)บ
เชื ้อแบคทีเรีย Corynebactrium diphtheriae (C.diphtheriae) รูปทรงแท่ง ย้อมติดสีแกรมบวก
โรคไอกรน
(Pertussis, Whooping cough)
ภาวะแทรกซ้อนของโรคไอกรน
ปอดอักเสบ/ปอดบวม (Pneumonia)
ปอดแฟบ (Atelectasis)
อาจพบหลอดลมอักเสบ (Bronchitis), หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media), มีจุดเลือดออก
การรักษา
ควรรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการชัดเจนว่าเป็นโรคไอกรน
ในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแนงและไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะให้ยาปฎิชีวนะ เพื่อไปรับประทานเองที่บ้าน
ในเด็กควรให้อยู่ในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ
ควรให้เด็กรับประทานอาหารน้อยแต่บ่อยครั้ง
อาการสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ระยะเป็นหวัด หรือ ระยะเยื่อเมือกทางเดินหายใจอักเสบ (Catarrhal phase)
อาการเหมือนโรคหวัดธรรมดาทั่วไป คือ มีไข้ต่ำ ๆ มีน้ำมูกไหล จาม ไอเล็กน้อย อ่อนเพลีย ตาแดง โดยอาการไอจะเพิ่มขึ้นเลื่อยๆ
ระยะไอรุนแรง หรือ ระยะอาการกำเริบ (Paroxysmal phase)
อาการไอรุนแรงและหลังการไอสิ้นสุดลงจะมีเสียงลักษณะเฉพาะ (เสียงวู้ป) เกิดขึ้น ซึ่งในระยะนี้ผู้ป่วยมักจะไม่มีไข้
ระยะฟื้นตัว หรือ ระยะพักฟื้น (Convalescent phase)
ในระยะนี้จะกินเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์รับประทานอาหารได้มากขึ้น น้ำหนักตัวขึ้น และอาการไอจะค่อย ๆ ลดลง
วิธีป้ องกันโรคไอกรน
โรคนี้สามารถป้ องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนรวมป้ องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน
นอกจากนี้ให้รับประทานยาอิริโทรมัยซิน
ผู้สัมผัสโรคทุกคนควรได้รับการติดตามดูว่าจะมีอาการไอเกิดขึ้นหรือไม่อย่างใกล้ชิด
ควรแยกเด็กป่ วยออกจากเด็กปกติอย่างน้อย 5 วัน นับจากวันท่เร่ิมรับประทานยาปฏชิีวนะ
ไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ป่ วย เช่น แก้วน ้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ของเล่น
สาเหต
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่สร้างสารพิษ แบคทีเรียนั้นติดต่อโดยง่ายดายระหว่างคนต่อคนโดยละอองไออยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย
โรคคอตีบ
(Diphtheria)โรคสุกใส
(Chickenpox/Vericella)
โรคแทรกซ้อน
การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง
ปอดอักเสบ ข้ออักเสบ กระดูกอักเสบ
สมองอักเสบ
เกร็ดเลือดต ่า เลือดออกทางเดินอาหาร เลือดก าเดาไหล
อีสุกอีใสชนิดแพร่กระจายไปอวัยวะภายใน มีตุ่มขึ้นใหม่เป็นระยะเวลานานมักพบในผู้ป่วยโรคมะเร็งเช่น ปอดอักเสบ
การรักษา
ยาต้านไวรัส คือ Acyclovir (Zovirax) ทั้งชนิดกินและชนิดทาชนิดฉีีด
ควรอยู่ในห้องแยก strict isolation ควรหยุดเรียน
อาการ
มีไข้ต่ำๆพร้อมกับผื่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร 1-2วัน ปวดท้องเล็กน้อย
ลักษณะผื่น เริ่มจากจุดแดงราบ(macule)ขนาด 2-3mmเปลี่ยนเป็นตุ่มนูน(papule)อย่างรวดเร็วภายใน 8-12 ชม. และตุ่มน้ำใสต่อมาเป็นตุ่มหนอง(pustule) แห้งตกสะเก็ด.
การพยาบาล
แยกผู้ป่ วยไว้จนกว่าแผลตกสะเก็ดหมด พักผ่อน
ตัดเล็บมือให้สั่น ใส่ถุงมือในเด็กเล็ก
อาหารธรรมดา
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
วัคซีนป้องกันโรคสุกใส ถ้าสัมผัสโรคไม่เกิน 3วัน
สาเหตุ
เชื้อเข้าไปอยู่ที่dorsal root ganglia เชื้อเข้าสู่เยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุตาจากการหายใจหรือสัมผัสโดยตรง เพิ่มจำนวนไวรัสในต่อมน้ำเหลืองแล้วกระจายสู่โลหิตติดเชื้อ
ขึ้น บริเวณหนังศีรษะ ใบหน้า คอ และ เยื่อบุช่องปากก่อนแล้วจึงลามไปที่แขนขากระจายแบบ Centripetal
ผื่นมักจะอยู่บริเวณลำตัว ใบหน้ามากกว่าแขนขา
บาดทะยัก
(Tetanus)
การรักษา
การรักษา ให้การรักษาแบบประคับประคอง
ให้ยาปฏิชีวนะ
ควบคุมอาการชัก ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ
อาการ
ประมาณ 2-14 วัน ถ้าระยะเวลาฟักตัวน้อยกว่า 1 สัปดาห์ มักรุนแรง อัตรา
ระยะดำเนินโรคของบาดทะยักได้เป็น 3 ระยะ
ระยะที่บาดแผลมีเชื้อบาดทะยัก (Wound bacterial stage) สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยทำความสะอาดบาดแผลและทำลายเชื้อโรค
ระยะที่เชื้อบาดทะยักสร้างท็อกซินและเข้าสู่กระแสเลือด (tetanotoxemic stage) ในระยะนี้ท็อกซินยังไม่ได้เกาะติดกับระบบประสาทส่วนกลางสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยให้แอนตี้ท็อกซินและทำความสะอาดบาดแผลและยาปฏิชีวนะทำลายเชื้อโรค
ระยะสุดท้ายของบาดทะยัก (neurologic stage) เด็กจะชักเกร็งกระตุกอาการจะเริ่มในระหว่างวันที่ 5-12 หลังได้รับเชื้อกล้ามเนื้อจะค่อยเกร็งโยเริ่มจากขากรรไกรแข็งกลืนลำบากอ้าปากไม่ขึ้นเกร็งประมาณ 5-10 วินาทีคือลำตัวแข็งเหมือนท่อนไม้หลังแอ่นศีรษะตกไปด้านหลังแขนขาเหยียดออกมือกำแน่นใบหน้าแบบแสยะยิ้มอาจมีอาการหายใจลำบากเขียวขาดออกซิเจนเกิดภาวะหายใจล้มเหลวซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเสียชีวิต
การป้องกัน
ล้างแผลให้สะอาดเมื่อมีบาดแผล ฟอกสบู่เช็ดด้วยแอลกฮอล
การป้องกันบาดทะยักในทารกแรกเกิดโดยให้วัคซีนป้องกันบาดทะยักแก่หญิงมีครรภ์โดยห่างกัน 1 เดือน
ใช้เครื่องมือที่สะอาดปราศจากเชื้อรวมทั้งการรักษาความสะอาดของสะตือ
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีทั่วไปตาม ธรรมชาติ เช่นตามพื้นดิน และมูลสัตว์ แบคทีเรียสร้างพิษ และมีผลทำให้ กล้ามเนื้อรัดและแข็งตัว หากไม่ได้รับการรักษา อาจเสียชีวิตได้
โดยเฉพาะในทารกแรกเกิดจะมีอันตรายตายสูงมาก
การติดต่อ ทางบาดแผล ลักษณะลึก เป็นแผลปิด ทำให้ออกซิเจนเข้าไปไม่ถึง เช่น ถูกของแหลมต่ำ
โดยเฉพาะบริเวณฝ่าเท้า ลึก สกปรก มีเนื้อตาย หูน้ำหนวก ในทารกแรกเกิดทางสะดือ
โรคคางทูม
(Mumps)
การติดต่อ
ไอ จาม หายใจรดกัน 1-2วัน ก่อนเริ่มมีอาการจนถึง 9วันหลังจากต่อมน้ำลายพาราติดเริ่มบวม
โรคแทรกซ้อน
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ * พบบ่อย
หูชั้นในอักเสบ ไตอักเสบ
ส่วนน้อยพบ orchitis (ลูกอัณฑะอักเสบ : ไข้สูง อัณฑะบวม ปวด อาจเป็ นหมันได้)
อาการ
ไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย ขากรรไกรบวมแดง
ปวด ร้าวไปที่หูขณะกลืน เคี้ยว อ้าปาก อาการบวมจะค่อยๆยุบหายไปใน 7-10วัน
การรักษา
รักษาตามอาการ : ให้นอนพัก ดื่มน้ำมากๆ เช็ดตัวลดไข้ ให้ยาลดไข้ปวด บวม : ประคบ บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ
สาเหตุ
เป็นการอักเสบของต่อมน้ำลาย : Parotid gland
พบมากในเด็กอายุ 6-10 ปี (< 3 ปี มักไม่พบ)
การป้องกัน
ให้วัคซีนป้องกันคางทูม
การแยกผู้ป่วย แยกผู้ป่ วย 9 วันหลังเริ่มมีอาการของต่อมน้ำลาย
วัณโรค
(Tuberculosis)
อาการ
ระยะแรกไม่แสดงอาการ
มาด้วยการเจ็บป่วยตามอวัยวะท่ีเป็นโรค ไข้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด เบื่อาหาร เหงื่อออกกลางคืน ปอดอักเสบ เป็นต้น
TT (PPD test) : positive (2-10 สัปดาห)
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis เป็น Acid Fast Bacillus ย้อมติดสีแดง
เชื ้อเข้าทางระบบหายใจ ฝังตัวที่ปอด
การรักษา
Combine drug อย่างน้อย 3 อย่างกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน
เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี TT+ve ให้ INH นาน 2-4 เดือน
เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปีวัณโรค
แยกผู้ป่วย 1-2 เดือนจนเสมหะไม่พบเชื้อ
เป็นโรคติดต่อเรื้อรัง ทำให้มีการอักเสบในปอด
โรคติดเชื้ออื่นๆ
โรคติดเชื้อ
HIV/AIDS ในเด็ก
โรคเอดส์ คือ โรคที่เกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเสื่อมไป เพราะถูก ท้าลายโดยเชื้อไวรัสที่เรียกว่า HIV
การติดต่อ
จากแม่สู่ลูก การกินมมารดา
-การได้รับเชื้อ ได้รับเลือด
-การมีเพศสัมพันธ์
ประมาณ 2-3 เดือน แสดงอาการภายใน 5 ปี
อาการ เอดส์ในเด็กมีอาการของ Major sign อย่างน้อย 2 ข้อ และ Minor sign อย่างน้อย 2 ข้อ
Major sign
มีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจบ่อยๆ
ท้องร่วงเรื้อรัง มากกว่า 1 เดือน
Minor sign
ต่อมน้้าเหลืองทั่วไปโต
แม่เป็นเอดส์
การป้องกัน รักษา
ให้ยาต้านไวรัส คือ AZT โดยให้หญิงตั้งครรภ์รับประทานทุก 12 ชม. เมื่ออายุครรภ์ ครบ 32-34 สัปดาห์ และเพิ่มเป็นทุก 3 ชม. เมื่อเจ็บครรภ์จนกระทั่งคลอด
เลือกท้าการผ่าตัดอกทางหน้าทอ้งก่อนเจ็บครรภ์คลอดและน้้าเดิน
การดูแลเด็กติดเชื้อเอชไอวี โรคมือเท้าปาก
ให้ BCG และ IPV แทน OPV
ไม่ให้ทั้งสองชนิด (ACIP)
งดให้นมแม่ ให้นมผสมแทน
โรคมือ เท้า และปากเปื่อย
Hand Foot Mouth Disease
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัส Enterovirus
การติดต่อ
ทาง fecal-oral
ทางการหายใจ
อาการ
เริ่มจากการมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ มีผื่น
ผื่นเริ่มจากจุดนูนแดงเล็กๆ เจ็บ ต่อมาเป็นตุ่มขนาด 3-7 mm. ไม่เจ็บแห้งใน 1 สัปดาห์
มีแผลหรือผื่นในช่องปาก: ลิ้น เยื่อบุช่องปาก เหงือก เพดาน ริมฝีปาก เป็นตุ่ม ใสขนาด 1-3 mm. แล้วแตกเป็นแผล
รอยโรคที่ปาก
ในผู้ป่วยทั้งหมด มีรอยโรคจ้านวน 5-10 แห่ง พบได้ทุกบริเวณในปาก พบบ่อย คือ เพดานปาก ลิ้น และเยื่อบุกระพุ้งแก้ม
รอยโรคระยะเริ่มต้น ลักษณะเป็นรอยแดง อาจนูนเล็กน้อย ขนาด 2-8 mm. เปลี่ยนเป็นตุ่มน้้าสีเทาขนาดเล็กขอบแดง
ช่วงที่รอยโรคเป็นตุ่มน้้าจะสั้น จึงมักตรวจไม่พบในระยะนี้
รอยโรคที่ผิวหนัง
อาจเกิดขึ้นพร้อมหรือหลงัรอยโรคทปี่าก จ้านวนตั้งแต่ 2-3 แห่งไปจนถึง 100 แห่ง
พบที่มือบ่อยกว่าเท้า ลักษณะเป็นรอยแดงๆ อาจนูนเล็กน้อยขนาด 2-10 mm. ตรงกลางสีเทา
บางรอยโรคมีลักษณะเป็นตุ่มน้้าใสขอบแดง มีกระจายขนานไปกับแนวของผิวหนัง อาจเจ็บหรือไม่ก็ได้
การวินิจฉัย
ดูจากอาการและอาการแสดง ตรวจร่างกายพบรอยโรคบริเวณมือ เท้า ปาก ร่วมกับไข้
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจ throat swab
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ตรวจน้้าไขสันหลัง
การติดต่อ
การสัมผัสโดยตรงตรงกับสารคัดหลั่งจากจมูก, ล้าคอ และน้้าจากในตุ่มใส
อุจจาระของผู้ป่วยซึ่งมีเชื้อไวรัสอยู่ ช่วงที่แพร่กระจายมากที่สุด คือ สัปดาห์ แรกที่ผู้ป่วยมีอาการ จนกว่ารอยโรคจะหายไป
เชื้อแอนเทอโรไวรัสสามารถทนสภาวะกรดในทางเดินอาหารมนุษย์ได้และมี ชีวิตอยู่ในอุณหภูมิได้ 2-3 วัน
ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่สัตว์ หรือจากสัตว์สู่คน
การรักษา
รักษาแบบประคับประคองและบรรเทาอาการ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน เป็น โรคที่สามารถหายเองได้เอง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วัน ลดอาการ เจ็บปวด จากแผลในปาก โดยป้ายยาชาบริเวณที่เป็นแผลก่อนรับประทาน อาหาร
ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนให้รักษาตามอาการ
การป้องกัน
แยกผู้ป่วยที่เป็นโรคออกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก โดยเน้น contact isolation เป็นหลัก
ไข้เลือดออก
Dengue hemorrhagic fever
อาการจำเพาะ
ไข้สูงลอย 2-7 วัน
อาการเลือดออก
ตับโต กดเจ็บ
ภาวะเลือดไหลเวียนล้มเหลว/ภาวะช็อก
Dengue Fever
ในเด็กมักอาการเล็กน้อย ไข้สูงไม่มีนำมูก หน้าแด
ปวดศีรษะ ปวดกระบอกรอบตา ปวดกล้ามเนื้อ กระดูก มีผื่น มีจุดเลือดออก
Dengue hemorrhagic fever
มีอาการคล้ายไข้แดงกี่ คือ ไข้สูงลอย
มีการรั่วของพลาสมาไปสู่Dengue
Shock Syndrome
มีน้ำในช่องท้องและช่องปอด
การดำเนินโรคแบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะวิกฤต/ช็อก(critical stage)ไข้ลดลง วันที่ 4-7 ของโรค
เป็นระยะที่มีการรั่วของพลาสมา ซึ่งพบทุกราย
มีการไหลเวียนล้มเหลวจากพลาสมารั่วไปช่องเยื่อหุ้มปอด/ช่องท้อง
เกิด hypovolemic shock
อาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น pulse pressure แคบ < 20 mmHg
ระยะฟื้ นตัว(convalescent stage) การดูดกลับของพลาสมาเข้าสู่หลอดเลือดกลับสู่สภาพปกติภายใน 2-3 วัน
ผู้ป่วยไม่ช็อก เมื่อไข้ลดลงก็จะดีขึ้น
การรั่วของพลาสมาหยุด Hct. ลงมาคงที่
ระยะไข้สูง (febrile stage) ส่วนใหญ่ไข้สูงลอย T> 38.5๐C 2-7 วัน
มักมีหน้าแดง ส่วนใหญ่ไม่มีน ้ามูกไหลหรือไอ
อาจปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา
อาจมีเบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้องด้วย
การรักษา
ให้ยาลดไข้เมื่อมีไข้สูงเกิน 38.5
ห้ามให้กินแอสไพริน
ถ้าอาเจียนอาจให้ยาระงับการอาเจียนและให้ ORS น้อยๆบ่อยๆ
ระยะช็อค มุ่งแก้อาการช็อคและอาการเลือดออก ให้สารน้ำไม่ควรให้นานเกิน 24-48 ชม
ให้เลือดจากอาการที่มีเลือดออกเกินร้อยละ 10 ของปริมาณเลือดทั้งหมด
โรคไข้ซิก้า
(Zika fever)
สาเหตุ
เชื้อไวรัสซิก้า (Zila Virus-ZIKV) มียุงลายบ้านเป็นพาหะสำคัญ
น าพาเชื้อไวรัส มีลักษณะคล้ายคลึงกับ ไวรัสไข้เหลือง ไวรัสเดงก
อาการ
ไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ผื่น ตาแดง ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
ไม่รุนแรงเท่าโรคไข้เลือดออก
การรักษา
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาในการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ
รักษาตามอาการเป็นหลัก
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ ป้องกันการขาดน้ำ
การติดเชื้อที่ผิวหนัง
โรคผิวหนังมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
โรคแผลพุพอง
สาเหตุ
เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณที่เป็นชั้น ตื้นๆของหนังก้าพร้า พบบ่อยในวัยเด็ก และมีการติดต่อง่าย มักพบบริเวณ ใบหน้า แขน ขา
อาการ
มักพบเกิดเป็นรอยโรคที่ผิวหนังบริเวณใบหน้าหรือบริเวณแขน-ขา ที่ มีแผลอยู่ก่อนแล้ว โดยเริ่มด้วยมีตุ่มน้้าหรือตุ่มหนองเล็กๆที่มีผนังบางๆซึ่งจะ แตกออกง่ายจึงท้าให้บริเวณแผลแฉะไปด้วยน้้าเหลืองและน้้าหนอง
การรักษา
การดูแลแผล โดยการท้าแผลด้วยน้้าเกลือท้าแผล
การก้าจัดเชื้อโรค คือ การทานยาปฏิชีวนะ
การป้องกัน
รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคพุพอง ไม่ใช้เครื่องใช้ร่วมกัน
เมื่อมีแผลเกิดขึ้นควรรักษาความสะอาดแผลเสมอ
ตัดเล็บให้สั้น ไม่แกะ เกา บีบ แผล
ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆและทุกครั้งที่สัมผัสแผล
โรคผิวหนังมีการติดเชื้อไวรัส
หูด (warts)
เกิดจากเชื้อไวรัสทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวมากกว่าปกติ เกิดเป็นติ่งเนื้อหรือตู่มนูน
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อ Human papilloma virus (HPV)
การรักษา
ใช้สารเคมี การรักษาด้วยความเย็น การผ่าตัด การใช้แสงเลเซอร์ การรักษาด้วยระบบอิมมูน
ลักษณะ
หูดธรรมดา
หูดชนิดติ่ง
หูดชนิดราบ
หูดหงอนไก่
หูดที่ฝ่าเท้า
หูดข้าวสุก(mollusum contagiosum)
พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
สาเหตุ
mollusum contagiosum virus
การรักษา
การสะกิดออก ใช้สารละลายขุย ให้ยา cimethidine ให้ยาทา
โรคผิวหนังมีการติดเชื้อรา
โรคกลาก (dermatpophytosis)
โรคกลากที่ศีรษะ (tinea capitis)
เกิดจากเชื้อ trichophyton
โรคกลากที่ล้าตัว (tinea corporis)
เกิดจากเชื้อ trichophyton
โรคกลากที่ขาหนีบ (tinea cruris)
โรคกลากที่ใบหน้า (tinea faciei)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การเพาะเลี้ยงเชื้อ ทำเฉพาะในรายที่มีปัญหาทางการวินิจฉัย และการรักษา
โรคเกลื้อน (tinea vesicolor)
เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรากลุ่มยีสต์
สาเหตุ
เชื้อ dimorphic yeast malassezia furfur
อาการ
ผิวราบขนาดเล็ก สีต่างๆ มีขุยบางๆ มักพบบริเวณคอ หน้าอก หลัง และต้นแขน
การรักษา
ทำความสะอาดผิวหนัง ยาทาต้านเชื้อรา รับประทานยา
โรค Candidiasis
เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่ม genus candida พบบ่อยมาก ในเด็ก ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่น
สาเหตุ
เชื้อ candida albicans
ตำแหน่ง
ช่องปาก ผิวหนัง
โรคผิวหนังจากเชื้อปรสิต
เหาศีรษะ (Head louse
สาเหตุ
เกิดจากตัวเหา
อาการ
คันศีรษะ เกาจนถลอก
การรักษา
การตัดผมสั้น ท้าความสะอาด เครื่องนอน สระผมด้วยแชมพูยา ใช้เม็ด น้อยหน่าต้าหมักผม หวีเอาไข่เหาออก การ ให้ยาปฏิชีวนะ
โรคหิด (scabies) พบ บ่อยในเด็ก
ลักษณะ
ผื่นนูนแดง ขนาดเล็ก หรือตุ่มน้้าใส ขนาดเล็ก
สาเหตุ
เกิดจากตัวหิด
การรักษา
ครีมโครตาไมตอน (Crotamiton)
โลชั่นเบนซิลเบนโซเอต (Benzyl Benzoate)
การซักเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ให้ยาแก้คัน ยาทา
โรคผิวหนังอักเสบ
เป็นการอักเสบของผิวหนัง คัน อาจเกิดจาสาเหตุภายใน หรือภายนอกเป็นตัวกระตุ้น แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะเฉียบพลัน
ระยะกึ่งเฉียบพลัน
ระยะเรื้อรัง
สาเหตุ
มักพบในเด็กอายุ 2-3 เดือน และ 2-3 ปี ภูมิแพ้ พันธุกรรม การติด เชื้อ
การรักษา
ระยะเฉียบพลัน: ใช้ล้างแผลแบบเปียกด้วยน้้าเกลือและด่างทับทิม
ระยะกึ่งเฉียบพลัน: ทำ corticosteroid cream
ระยะเรื้อรัง: ใช้ keratolytic agent ร่วมกับ corticosteroid cream หรือ ointment ทำเพื่อให้ผิวหนังบางลง