Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
😜บทที่2การพยาบาลเด็กระบบติดเชื้อ😜, 🤪การติดเชื้อที่ผิวหนัง, 🤪Congenital…
😜บทที่2การพยาบาลเด็กระบบติดเชื้อ😜
🤪1.โรคหัด (MEASLES/RUBEOLA)
สาเหตุเชื้อไวรัส (paramyxovirus)
ระยะฟักตัวประมาณ 10 วันหลังจากได้รับเชื้อจนกระทั่งมีไข้หรือประมาณ 14 วันจนกระทั่งปรากฏผืน
ระยะเวลาติดต่อ: ประมาณ 8-12 วันคือ 4 วันก่อนตื่นขึ้นจนถึง 4 วันหลังตื่นขึ้นติดต่อทางอากาศและสัมผัสน้ำมูกน้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย
การระบาดของโรค: ตลอดทั้งปีวัยเด็กมักเป็นโรคหัดอายุ 1-7 ปีอายุน้อยกว่า 6 เดือนมักไม่พบว่าเป็นโรคหัด
📌อาการและอาการแสดง
อาการนำ: ไข้สูงอ่อนเพลียไอน้ำมูกน้ำตาไหลเยื่อบุตาอักเสบกลัวแสงหนังตาบวมทอนซิลโตและแดงในวันที่ 2-3 ตรวจพบ Koplick's spot ลักษณะเม็ดขาวเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวเข็มหมุดบนเยื่อบุกระดุ้งแก้มที่แดงจัดหายไปหลังตื่นขึ้นประมาณ 2 วัน
ระยะออกผื่น: ประมาณวันที่ 3-5 หลังจากเป็นไข้ (T = 39.5 – 40.5 c) ตาแดงจัดผื่น (Maculo-papular rash) เริ่มจากหลังใบหูและโคนผมที่ต้นคอใบหน้าลำตัวแขนและขาต่อมน้ำเหลืองม้ามโต
ระยะตื่นจางหาย: ประมาณวันที่ 5-8 ของโรคไข้เริ่มลดลงและหายไปภายใน 2-3 วันอาจมีอาการไอเมื่อผืนถึงเท้าแล้วตื่นจางหายไปเหลือเป็นรอยสีคล้ำ
📌การวินิจฉัย
Koplick's spot
ตัวอย่างเสมหะเยื่อเมือกที่จมูก
การตรวจทางน้ำเหลือง
การตรวจเลือด
📌โรคแทรกซ้อน
สมองอักเสบ (Encepalitis) ไข้อาเจียนซึมชักและระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
ปอดอักเสบ (Broncho-pneumonia)
หูชั้นกลางอักเสบ (Otis media)
เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis)
ลำไส้อักเสบ (Enteritis)
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
เป็นโรคหัดขณะตั้งครรภ์อาจทำให้เด็กตายคลอดหรือคลอดก่อนกำหนดได้
📌การรักษาเป็นโรคที่หายได้เองไม่มีโรคแทรกซ้อนไม่มีความจำเป็นให้ยาต้านจุลชีพ
พักผ่อนยาลดไข้และให้น้ำเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำต้องให้ยาต้านจุลชีพที่เหมาะสม
📌การป้องกัน
การให้ภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันโรคหัดได้ทันทีโดยให้ Gamma globulin ฉีดเข้ากล้ามเนื้อภายใน 5 วันหรือน้อยกว่า 6 วันหลังจากได้รับเชื้อให้ในเด็กเล็กเด็กที่เจ็บป่วยเรื้อรังหญิงมีครรภ์และผู้ที่มีระบบอินมูนบกพร่องอยู่นาน 3-6 สัปดาห์ 8
วัคซีนที่ทำจากเชื้อมีชีวิตฉีดเข้าใต้ผิวหนังครั้งเดียวควรให้ในเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 1 ขวบแอนติบอดีจะเกิดประมาณ 12 วันหลังฉีดถ้าให้ก่อนสัมผัสโรคทันทีหรือให้หลังสัมผัสโรคภายใน 48 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า 72 ชั่วโมงจะสามารถป้องกันโรคในเด็กอายุ 6-12 เดือนควรฉีดซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุเกิน 12 เดือนไม่จำเป็นต้องฉีดเสริม
🤪2.โรคหัดเยอรมัน (Rubella)
ไข้ออกผื่นไม่รุนแรงในเด็ก แต่สำคัญสตรีตั้งครรภ์เป็นโรคหัดเยอรมันในระยะเริ่มตั้งครรภ์ได้ 3-4 เดือน
เชื้อไวรัสผ่านไปทารกในครรภ์ทำให้เกิดความพิการทางหูตาหัวใจสมอง 08 เชื้อ Tubella เป็น RNA ไวรัสอยู่ในตระกูล Togaviridae และในกลุ่ม rubi-virus
📌พยาธิสภาพพบความผิดปกติมากมายได้ทุกส่วนของร่างกายผลจากไวรัสทำลายเซลล์โดยตรงทำให้เกิด mitotic arrest คือจำนวนเซลล์ในอวัยวะต่างๆน้อยลงทำให้การเจริญเติบโตล่าช้าเยื่อหุ้มสมองอักเสบเรื้อรังพยาธิสภาพที่ตาเกิดเป็นต้อกระจกเลือกออกใน cochlea กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบอาจพบจำเลือดและภาวะเกร็ดเลือดต่ำ
Rairborne Nasopharynx (sneezing, talking, coughing) and transplacental (from mother to fetus)
ระยะติดต่อคือ 2-3 วันก่อนมีผื่นขึ้นจนไปถึง 7 วันหลังผื่นขึ้นทารกที่ติดเชื้อในครรภ์เชื้อไวรัสอยู่ในลำคอและขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะได้นานถึง 1 ปี
ระยะฟักตัว 14-21 วันเฉลี่ย 16-18 วัน
📌อาการและอาการแสดง
Rsore throat, mild hyperemia (redness) of the throat; slight increase parotid glands; rash lasts 1-2 days Rbody temperature is raised to 37,5 C; headache, weakness; runny nose, sore throat, pharynx hyperemic (red), inflamed conjunctiva; parotid and occipital lymph nodes, they are painful when pressed;
🤪3.โรคสุกใส (Chickenpox/Vericella)
เชื้อไวรัส Varicella virus หรือ Human herpes virus type 3 เชื้อเข้าไปอยู่ที่ dorsal root ganglia เชื้อเข้าสู่เยื่อบุทางเดินหายใจเยื่อบุตาจากการหายใจหรือสัมผัสโดยตรงเพิ่มจำนวนไวรัสในต่อมน้ำเหลืองแล้วกระจายสู่โลหิตติดเชื้อที่ตับและ Reticuloendothelial system ผิวหนังเป็นผื่นร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันทั้งชนิดแอนติบอดี้และชนิดพึ่งเซลล์สามารถป้องกันการติดเชื้อครั้งใหม่ได้ไวรัสบางส่วนเข้าไปอยู่ใน dorsal root ganglia และ Trigeminal ganglia
ขึ้นบริเวณหนังศีรษะใบหน้าคอและเยื่อบุช่องปากก่อนแล้วจึงลามไปที่แขนขา
กระจายแบบ Centripetal
ตื่นมักจะอยู่บริเวณลำตัวใบหน้ามากกว่าแขนขา
และมักหายไปโดยไม่มีแผลเป็น
ระยะฟักตัว 10-21 วัน
อาการนำมีไข้ต่ำ ๆ พร้อมกับยื่นอ่อนเพลียปวดศีรษะเบื่ออาหาร 1 2 วันปวดท้องเล็กน้อย
ลักษณะผื่นเริ่มจากจุดแดงราบ (macule) ขนาด 2-3mm. แล้วเปลี่ยนเป็นตุ่มนูน (papule) อย่างรวดเร็วภายใน 8-12 ชม. และตุ่มน้ำใส (vasicle) ต่อมาเป็นตุ่มหนอง (pustule) แห้งตกสะเก็ด (crust) ลักษณะเฉพาะคือ: พบผืนระยะต่างๆในเวลาเดียวกันโรคสุกใส
📌โรคแทรกซ้อน
การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง
ปอดอักเสบข้ออักเสบกระดูกอักเสบ
สมองอักเสบ
Reye's syndrome เป็นกลุ่มอาการที่มีผลกระทบต่อทุกอวัยวะในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองและตับของผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงพยาธิสภาพมากที่สุดอาการสำคัญที่พบบ่อย ได้แก่ ผู้ป่วยอาเจียนอย่างรุนแรงและต่อมามีอาการทางสมอง เช่น สับสน
ยาต้านไวรัสคือ Acyclovir (Zovirax) ทั้งชนิดกินและชนิดทาชนิดฉีดให้ 200 mg 5 doselday ทุก 4 ชม. เป็นเวลา 5 วัน
การวินิจฉัยพูดพื้นของตุ่มใสมา smear บน slide พบ Multinucleated giant cell Intranuclear Inclusion / cmplement fixation / vesicle fluid
การป้องกันระยะแพร่เชื้อเริ่มตั้งแต่ 24 ชั่วโมงก่อนที่ตื่นขึ้นจนทุ่มแห้งหมดแล้วควรอยู่ในห้องแยก strict isolation ควรหยุดเรียน
📌การพยาบาล
แยกผู้ป่วยไว้จนกว่าแผลตกสะเก็ดหมดพักผ่อนใช้ dermapon ฟอกหรือให้คาลาไมน์โลชั่นทาหลังอาบน้ำให้ยา Antihistamine
ตัดเล็บมือให้สั้นใส่ถุงมือในเด็กเล็ก
อาหารธรรมดา
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
วัคซีนป้องกันโรคสุกใสถ้าสัมผัสโรคไม่เกิน 3 วันป้องกันโรคได้มากกว่า 90%
🤪4.โรคคอตีบ (Diphtheria)
📌สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรีย Corynebactrium diphtheriae (C.diphtheriae) รูปทรงแท่งย้อมติดสีแกรมบวก
📌ระบาดวิทยา
พบในคนเท่านั้นในจมูกหรือลำคอโดยไม่มีอาการติดต่อกันทางไอจามรดกันพูดคุยระยะใกล้ชิดเชื้อเข้าทางปากหรือการหายใจหรืออาจใช้ภาชนะร่วมกันเช่นแก้วน้ำช้อนมักพบโรคคอตีบในชุมชนแออัดพบในเด็กอายุ 1-6 ปีระยะฟักตัว 2-5 วันอาจอยู่ได้ 2 สัปดาห์ถ้าไม่ได้รับการรักษา
📌อาการและอาการแสดง
ไข้ต่ำ ๆ อาการคล้ายหวัดไอเสียงก้องเจ็บคอรุนแรงเบื่ออาหารต่อมน้ำเหลืองที่คอโตและบริเวณรอบ ๆ รุนแรงคอบวม“ Bullneck” บางรายมีการกดทับเส้นเลือดดำ jugular ทำให้ใบหน้ามีสีดำคล้ำจากเลือดคั่งมักมีอาการของ toxicemia อาการไข้สูงซึมชีพจรเบาเร็วมือเท้าเย็นอาจเสียชีวิตจากภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลวได้
คอพบแผ่นเยื่อสีขาวปนเทาติดอยู่บริเวณทอนซิลบริเวณลิ้นไก่แผ่นเยื่อนี้เกิดจากพิษที่ออกมามีน้ำมูกปนเลือดมีกลิ่นเหม็นถ้าลงหลอดคอทำให้ทางเดินหายใจตีบตันหายใจลำบากถึงตายโรคแทรกซ้อนการ
🤪5.ไอกรน(Pertussis, Whooping cough)
📌สาเหตุ
เกิดจาก“ เชื้อไอกรน” ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า“ บอร์เดเทลลาเพอร์ทัสซิส” (Bordetella pertussis) อยู่ในน้ำมูกน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย
กลไกการเกิดโรค: เมื่อเชื้อไอกรนเข้าสู่ทางเดินหายใจแล้วเชื้อจะไปเกาะอยู่กับเซลล์เยื่อบุหรือเยื่อเมือกของเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูกและแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นและผลิตสารพิษหลายชนิดออกมาซึ่งจะส่งผลต่อการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจเช่น Pertussis toxin, Adenylate cyclase toxin, Dermatonecrotic toxin, Tracheal cytotoxin ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมาซึ่งประมาณ 10% ของเด็กทารกเชื้ออาจเข้าสู่ปอดตามทางเดินหายใจและทำให้เกิดโรคปอดบวมเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ทั้งนี้เชื้อไอกรนเองมักจะไม่แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดจึงมักไม่ก่ออาการกับอวัยวะอื่น ๆ นอกจากในระบบทางเดินหายใจส่วนบน
📌พยาธิสภาพ
Bordetella pertussis มีหลายชนิดที่ทำให้เกิดพยาธิสภาพของโรค
บางชนิดทำให้เชื้อเกาะติดกับเยื่อบุของขนพัดโบกของทางเดินหายใจ
การอักเสบของเยื่อบุเกิดการตายที่หลอดลมเล็กทำให้เกิด bronchopneumonia
🤪6.บาดทะยัก(Tetanus)
เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้ในทุกกลุ่มอายุโดยเฉพาะในทารกแรกเกิดจะมีอันตรายตายสูงมากเรียกว่า“ บาดทะยักในทารกแรกเกิด” (Tetanus neonatorum)
📌สาเหตุ
การติดเชื้อบาดทะยัก Clostridium tetani เป็นเชื้อกรมลบเจริญได้ดีในสภาพที่ไร้ออกซิเจนสปอร์มีความคงทนมากสามารถทนในน้ำเดือด 100 c ได้นานถึง 20 นาทีในที่ไร้แสงและความร้อนจะทนอยู่ได้นานหลายปี ๆ และทนต่อน้ำยาฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่าแบคทีเรีย 8 การติดต่อทางบาดแผลลักษณะลึกเป็น
📌พยาธิสภาพ
เชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกายในรูปของสปอร์แล้วเจริญอยู่ในรูปของ vegetative form และผลิตท็อกซินหรือสารพิษชนิด exotoxin มีอยู่ 2 ชนิดคือ
เทตะโนไลซิน (tetanolysin) ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกในสัตว์ แต่ไม่ก่อโรคในคน
เทตะโนสปาสมิน (tatanospasmin) มีผลต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยจับกับ neural ganggliosides ที่ myoneural junction ของกล้ามเนื้อเรียบ
📌การรักษาให้การรักษาแบบประคับประคอง 8 ให้ tetanus antitoxin (TAT) ทางหลอดเลือดดำและให้ toxiod หรือ TIG (tetanus immnoglobulin)
ให้ยาปฏิชีวนะเช่น peniccilin, methacillin, gentamycin
ควบคุมอาการชักให้ยาคลายกล้ามเนื้อเช่น phenobarbital, chlorpromazine, diazepam ให้ประมาณ 2 สัปดาห์การป้องกันล้างแผลให้สะอาดเมื่อมีบาดแผลฟอกสบู่เช็ดด้วยแอลกฮอล์
ใช้เครื่องมือที่สะอาดปราศจากเชื้อรวมทั้งการรักษาความสะอาดของสะดือด้วยการเช็ด 70% alcohol วันละ 2 ครั้งห้ามใช้แป้งหรือผงโรย
ให้วัคซีนป้องกันบาดทะยักและ tetanus antitoxin หรือ toxiod ในรายที่แผลใหญ่หรือสกปรกในรายที่เคยได้รับวัคซีนมาครบและครั้งสุดท้ายไม่เกิน 5 ปีไม่ต้องให้ซ้ำถ้าอยู่ในช่วง 5-10 ปีให้วัคซีน 0.5 ml. ครั้งเดียวเกิน 10 ปีหรือจำไม่ได้และมีบาดแผลมานานเกิน 24 ชั่วโมงให้วัคซีน 0.5 ml. ครั้งเดียวร่วมกับ tetanus antitoxin
การป้องกันบาดทะยักในทารกแรกเกิด
🤪7.โรคคางทูม (Mumps)
📌สาเหตุ
ParamyxOvirus (อยู่ในน้ำลาย / เสมหะ) การติดต่อไอจามหายใจรดกัน 1-2 วันก่อนเริ่มมีอาการจนถึง 9 วันหลังจากต่อมน้ำลายพาราติดเริ่มบวมโรคแทรกซ้อน
เยื่อหุ้มสมองอักเสบพบบ่อย
หูชั้นในอักเสบไตอักเสบ
ส่วนน้อยพบ orchitis (ลูกอัณฑะอักเสบ: ไข้สูงอัณฑะบวมปวดอาจเป็นหมันได้)
📌 การรักษา
1.รักษาตามอาการ: ให้นอนพักดื่มน้ำมาก ๆ เช็ดตัวลดไข้ให้ยาลดไข้ปวดบวม: ประคบบ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ
2.อัณฑะอักเสบ: ให้ prednisolone 1 mg / kg / day
📌การวินิจฉัยโรค
แยกเชื้อไวรัสจาก Throat washing จากปัสสาวะและน้ำไขสันหลัง
การแยกผู้ป่วยแยกผู้ป่วย 9 วันหลังเริ่มมีอบวมของต่อมน้ำลาย
การป้องกันให้วัคซีนป้องกันคางทูมมอาการ
🤪8.วัณโรค (Tuberculosis)
📌สาเหตุ
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis เป็น Acid Fast Bacillus ย้อมติดสีแดง
ระยะฟักตัว 2-10 สัปดาห์
อาการระยะแรกไม่แสดงอาการ TT (PPD test + ve (2-10 wks) 1-6 เดือนต่อมา LN. 👉โตปอด 👉organ อื่น ๆ
📌การรักษา
Combine drug อย่างน้อย 3 อย่าง (pyrazinamide, streptomycin, rifampin, isoniacid, ethabutol) กินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน
เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี TT + me ให้ INH นาน 2-4 เดือน
เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปีวัณโรคแยกผู้ป่วย 1-2 เดือนจนเสมหะไม่พบเชื้ออาหารโปรตีนสูงวิตามินสูง Rest วัคซีน
BCG
🤪9.ไข้เลือดออก
Dengue hemorrhagic fever
เป็นโรคติดเชื้อที่นำโดยยุงลายบ้าน: Aedes aegypti 8
เชื้อไวรัสเดงกีเป็น single stranded RNA มี 4 serotypes: DEN1, DEN2, DEN3, DEN4
มี antigen บางชนิดร่วมกันเมื่อติดเชื้อแล้วจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อชนิดนั้นตลอดชีวิตและจะมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดงกีอีก 3 ชนิดในช่วง 6-12 เดือน
ไวรัสทั้ง 4 serotypes สามารถทำให้เกิด DF, DHF ได้
การติดเชื้อซ้ำ (secondary infection) เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
📌อาการทางคลินิก
หลังจากรับเชื้อ 5-8 วัน (ฟักตัว) จึงเริ่มมี
อาการอาการจำเพาะ
ไข้สูงลอย 2-7 วัน
อาการเลือดออก
ตับโตกดเจ็บ
ภาวะเลือดไหลเวียนล้มเหลว / ภาวะช็อก
📌การดำเนินโรคแบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะไข้สูง(febrile stage) ส่วนใหญ่ไข้สงู ลอย T> 38.5๐C 2-7 วัน
มักมีหน้าแดงส่วนใหญ่ไม่มีนา้มูกไหลหรือไอ
2.ระยะวิกฤต/ชอ็ก(criticalstage)ไข้ลดลงวันท่ี4-7ของโรค
เป็นระยะที่มีการรั่วของพลาสมาซึ่งพบทุกรายโดยระยะรั่ว 24-48 ชั่วโมง
3.ระยะฟื้นตัว(convalescentstage)การดูดกลับของพลาสมาเข้าส่หูลอด เลือด กลับส่สู ภาพปกติภายใน 2-3 วัน
ผู้ป่วยที่ไม่ช็อก เมื่อไข้ลงก็จะดีขึ้น
🤪10. โรคติดเชื้อ HIV/AIDS ในเด็ก
📌Pediatric AIDS
โรคเอดส์คือโรคที่เกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเสื่อมไปเพราะถูกทำลายโดยเชื้อไวรัสที่เรียกว่า HIV (human immunodeficiency virus) จัดอยู่ในสายพันธุ์ Lentiviridae ในกลุ่ม retrovirus
ระยะฟักตัวประมาณ 2-3 เดือนแสดงอาการภายใน 5 ปีการติดต่อ
จากแม่สู่ลูกการกินมมารดา
การได้รับเชื้อได้รับเลือด-การมีเพศสัมพันธ์
📌AIDS: Acquired Immune Deficiency Syndrome
Window period
ระยะเริ่มติดเชื้อ: เชื้อ HIV (human immuno defiency) เข้าสู่เซลล์ CD4 receptor หลังการติดเชื้อ 2-3 wk ร่างกายยังไม่มีการตอบสนองของภูมิต้านทานต่อเชื้อ CD4 receptor: glial cell, macrophage, langerhans cell
ระยะติดเชื้อเฉียบพลัน
เชื้อทำลาย T-helper lymphocyte อย่างต่อเนื่องใน 2-4 wks
อาการคล้ายหวัดเจ็บคอปวดศีรษะปวดเมื่อยต่อมน้ำเหลืองโตมีผื่นตามตัวแขนขา
ระยะโรคเอดส์
T-lymphocyte ถูกทำลายและจำนวนลดลงมากระบบภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายเกิดความบกพร่องเกิดการติดเชื้อฉวยโอกาสเช่น TB ไวรัสเชื้อรา
🤪11. โรคมือเท้าและปากเปื่อย
Hand Foot Mouth Disease
เกิดจากเชื้อกลุ่ม enterovirus ซึ่งอยู่สายพันธุ์ของ TGN picornavirus เชื่อที่พบเป็นสาเหตุบ่อยที่สุดคือ coxsackie A16 รองลงมาคือ enterovirus 71
การติดต่อทาง fecal-oral
Respiratory route ระยะฟักตัว 2-6 วัน
📌อาการและอาการแสดง
เริ่มจากการมีไข้ต่ำ ๆ เจ็บคอมีผื่นขึ้นฝันเริ่มจากจุดนูนแดงเล็ก ๆ เจ็บต่อมาเป็นตุ่มน้ำขนาด 3-7 mm. ไม่เจ็บแห้งใน 1 wk. มีแผลหรือ
ผื่นในช่องปาก: ลิ้นเยื่อบุช่องปากเหงือกเพดานริมฝีปากเป็นตุ่มใสขนาด 1-3 mm. แล้วแตกเป็นแผล
อาการเจ็บปากตรวจร่างกายจะพบมีรอยโรคในบริเวณปากมือและเท้าตามมา
📌รอยโรคที่ปาก
ในผู้ป่วยทั้งหมดมีรอยโรคจำนวน 5-10 แห่งพบได้ทุกบริเวณในปากพบบ่อยคือเพดานปากลิ้นและเยื่อบุกระพุ้งแก้ม
รอยโรคระยะเริ่มต้นลักษณะเป็นรอยสีแดงอาจนูนเล็กน้อยขนาด 2-8 มิลลิเมตรเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำสีเทาขนาดเล็กขอบแดง
📌รอยโรคที่ผิวหนัง
อาจเกิดขึ้นพร้อม / หลังรอยโรคที่ปากจำนวนตั้งแต่ 2-3 แห่งไปจนถึง 100 แห่ง
พบที่มือบ่อยกว่าเท้าลักษณะเป็นรอยแดง ๆ อาจนูนเล็กน้อยขนาด 2-10 มิลลิเมตรตรงกลางสีเทาบางรอยโรคมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสขอบแดงมีกระจายขนานไปกับแนวของผิวหนังอาจเจ็บหรือไม่ก็ได้
หลังจากนั้น 2-3 วันจะค่อย ๆ เริ่มตกสะเก็ดและค่อย ๆ หายไปภายใน 7-10 วันโดยทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น
🤪12.โรคไข้ซิก้า (Zika fever)
📌สาเหตุ
เชื้อไวรัสซิก้า (Zila Virus-ZIKV) มียุงลายบ้านเป็นพาหะสำคัญ (Aedes Aegypti) นำพาเชื้อไวรัสมีลักษณะคล้ายคลึงกับไวรัสไข้เหลืองไวรัสเดงกีซึ่งเป็นสาเหตุของไข้เลือดออกรวมทั้งไวรัสเวสต์ในล์ที่เป็นสาเหตุของไข้สมองอักเสบและเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบเจอีซึ่งทั้งหมดล้วนมียุงลายเป็นพาหะเชื้อไวรัสซิกาถูกค้นพบครั้งแรกจากในน้ำเหลืองของลิงวอกที่ถูกนำมายังป่าซิกาในประเทศยูกันดาเพื่อศึกษาไข้เหลืองเมื่อปี พ.ศ. 2490 และพบในคนเมื่อปี พ.ศ. 2511 ในประเทศไนจีเรียเชื้อไวรัสซิกาพบได้ในประเทศแถบทวีปแอฟริกาทวีปอเมริกาทวีปเอเชียใต้และหมู่เกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก
📌อาการ
ไข้อ่อนเพลียปวดศีรษะตื่นตาแดงปวดข้อปวดกล้ามเนื้อ แต่อาการเหล่านี้สามารถทุเลาลงภายในเวลา 2-7 วันหากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีไม่รุนแรงเท่าโรคไข้เลือดออก
การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกขณะตั้งครรภ์หรือคลอดกรณีที่แม่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่อาจส่งผ่านไวรัสไปสู่ทารกในครรภ์ทำให้ทารกเสี่ยงต่อภาวะศีรษะเล็ก แต่กำเนิด (Microcephaly) และโรคทางสมองที่ร้ายแรงเนื่องจากมีขนาดเล็กลง
📌การรักษา
โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาในการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะแพทย์จะทำการรักษาตามอาการของผู้ป่วยที่พบเป็นหลักนอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
รับประทานยาพาราเซตามอลในกรณีที่เป็นไข้หรือมีอาการปวด
ห้ามรับประทานยาแอสไพรินยาบรรเทาอาการปวดหรืออักเสบในกลุ่ม NSAIDs เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในอวัยวะได้ง่ายขึ้น
🤪การติดเชื้อที่ผิวหนัง
📌ผิวหนังมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
โรคแผลพุพอง (Impetigo) ติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นนอกไม่เกิดแผลเป็นเกิดจากเชื้อ streptoccoci / staphylococci มี 2 ชนิดคือ-Nonbulous streptococal impetigo เกิดจากเชื้อ Staphylococus aureus หรือ Group A Beta hemolytic streptococus (GABHS) เป็น vesicle-pustular form พบบ่อยที่ขาแตกแล้วมี crust สีเหลืองปนน้ำตาลคลุมมักมีไข้และมี regional lymphadenitis ร่วมกับ post streptococal nephritis -Bullous impetigo เกิดจากเชื้อ StaphylocociGroup II ตุ่มหนองที่ใบหน้าลำตัวแขนขาแตกแล้วลอกเป็นผิวหนังแดง ๆ ในทารกมักเกิดจากใส่ผ้าอ้อม
📌การรักษา
ทำความสะอาดด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรควันละ 2-3 ครั้งและ wet dressing บริเวณที่มีน้ำเหลืองแห้งกรังด้วย nss ยาที่ใช้ bactraban, fucidin
ให้ยาปฏิชีวนะครอบคลุมเชื้อเช่น cloxacillin, erytromycin, amoxicillin, cefazolin, cephalexin (Hygine care
หลีกเลี่ยง skin trauma
ในรายที่ crust คลุมหนาใช้ wet dressing เพื่อให้หลุดลอก
ในรายเป็นฝีแล้วเป็น fluctuate ต้องผ่าหนองออก
📌ผิวหนังมีการติดเชื้อไวรัส
📌หูด (zuarts)
เกิดจากเชื้อไวรัสทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวมากกว่าปกติเกิดเป็นติ่งเนื้อหรือตุ่มนูน
สาเหตุเกิดจากเชื้อ Human papilloma virus (HPV) 8 ลักษณะ
หูดธรรมดา
หูดชนิดราบ
หูดที่ฝ่าเท้า
หูดชนิดติ่ง
หูดหงอนไก่การรักษาใช้สารเคมีการรักษาด้วยความเย็นการผ่าตัดการใช้แสงเลเซอร์การรักษาด้วยระบบอิมมูน
📌หูดข้าวสุก (mollusum contagiosum) พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
สาเหตุ mollusum contagiosum virus
การรักษาการสะกิดออกใช้สารละลายขุยให้ยา cimethidine ให้ยาทา
📌ผิวหนังมีการติดเชื้อรา
📌โรคเกลื้อน (tined vesicolor)
เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรากลุ่มยีสต์
สาเหตุเชื้อ dimorphic yeast malassezia furfur
พื้นราบขนาดเล็กสีต่าง ๆ มีขุยบาง ๆ มักพบบริเวณคอหน้าอกหลังและต้นแขน
การรักษาทำความสะอาดผิวหนังยาทาต้านเชื้อรารับประทานยา
📌Candidiasis เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่ม genus candida พบบ่อยมากในเด็กซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นสาเหตุเชื้อ candida albicans ตำแหน่งช่องปากผิวหนัง
📌โรคผิวหนังจากเชื้อปรสิต
📌โรคหิด (scabies)
พบบ่อยในเด็ก
สาเหตุเกิดจากตัวหิด sarcoptes Scabiei var hominis
ลักษณะผื่นนูนแดงขนาดเล็กหรือตุ่มน้ำใสขนาดเล็ก
การวินิจฉัยโรคตรวจ KOH
การรักษาการซักเสื้อผ้าผ้าปูที่นอนยาแก้คันใช้ยาทาใช้ยาปฏิชีวนะในรายติดเชื้อแบคทีเรีย
เหาศีรษะ (liead louse)
สาเหตุ Pediculus humanus var capitis
ลักษณะคันศีรษะเกาจนถลอก
การวินิจฉัยโรคตรวจไข่เหา
การรักษาการตัดผมสั้นการทำความสะอาดเครื่องนอนการสระผมด้วยแชมพูยาใช้เม็ดน้อยหน่าตำหมักผมการหวีเอาไข่เหาออกการให้ยาปฏิชีวนะ
📌โรคผิวหนังอักเสบ
📌โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
ถ่ายทอดทางพันธุกรรมพบความผิดปกติที่โครโมโซม 1921 บุคคลในครอบครัวมักเป็นโรคภูมิแพ้
ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดผื่นมากขึ้นเช่นความแห้งความร้อนความชื้นความเครียด
อาการและอาการแสดงมักกำเริบในฤดูหนาวทำให้ผิวแห้งหรือฤดูร้อนเหงื่อออกมากการติดเชื้อ
ระยะทารกปั้นแดงที่แก้มตุ่มแข็งตุ่มน้ำหนองตกสะเก็ด
ระยะเด็กมักเป็นผื่นในบริเวณข้อพับและหลังเท้าตุ่มน้ำแตกตกสะเก็ดผิวหนังหนาเป็นกลุ่มปั้นสีเข้มระยะผู้ใหญ่ผื่นแห้งเป็นแผ่นหนาเกิดที่หลังเท้าข้อพับแขนลำคอและรอบเบ้าตาใบหน้าบวมเรื้อรัง
📌Diaper dermatitis ผื่นผ้าอ้อม
เป็นการอักเสบของผิวหนังบริเวณที่ห่อผ้าอ้อมมักพบในวัยทารกอายุ 9-12 เดือน
สาเหตุเกิดจากความเปียกชื้นผิวหนังสัมผัสกับอุจจาระปัสสาวะเป็นเวลานานโดยไม่ทำความสะอาด
อาการผื่นแดงตุ่มแดงตุ่มน้ำใสบวมเป็นขุยบริเวณหน้าท้องด้านล่างหัวเหน่าหน้าขากันและบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอ้อม
การรักษาทาด้วยครีมสเตียรอยด์ชนิดอ่อนหรือปานกลางทานาน 3-4 วันแผลตื้นทำแผลเปียกด้วย Burrozo's solution 1:40 เมื่อแผลแห้งทาด้วย zinc oxide paste
📌การพยาบาล
เสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำซ้อนเนื่องจากผิวหนังมีรอยฉีกขาดจากการมีผื่นแผลบริเวณผิวหนัง
อาจเกิดการชักจากไข้สูง
ได้รับสารน้ำอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากเบื่ออาหาร
เด็กโตและบิดามารดาอาจวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์เนื่องจากสะเก็ดแผลผุพอง
เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นโรคซ้ำจากการได้รับสิ่งกระตุ้นสารก่อภูมิแพ้
🤪Congenital rubella
เดือนที่ 1.พิการ 10-50% 2.พิการ 14-25% 3.พิการ 6-7%
หลังเดือนที่ 3 พิการ 0-5%
ข้ออักเสบ CHD: PDA, Pulmonic stenosis, VSD, ASD cataracts, Glaucoma, auditory deficits, Mental retardation meningoencepalitis
การวินิจฉัยโรคแยกเชื้อไวรัสจากน้ำมูก swab จากคอเลือดปัสสาวะและน้ำไขสันหลัง
แยกผู้ป่วยครบ 7 วันหลังตื่นขึ้นใน Congenital rubella อาจมีเชื้อได้นานถึง 1 ปี
ติดตามตรวจเชื้อไวรัสใน nasopharynx และในปัสสาวะเมื่ออายุ 3-6 เดือนแล้วไม่พบเชื้อ
ให้วัคซีนป้องกัน
วิธีรักษาโรคไอกรน
ควรรีบไปพบแพทยเมื่อมีอาการชัดเจนว่าเป็นโรคไอกรน (มีอาการไอเกิดขึ้นติดกันเป็นชุด ๆ ในช่วงสุดท้ายของการไอจะมีเสียงดังวูปหรือว์หลังการไอมีอาเจียนตามมาและส่วนใหญ่จะไม่มีไข้ยกเว้นในรายที่มีโรคปอดอักเสบแทรกซ้อน) หรือในกรณีที่มีอาการดังกล่าวไม่ชัดเจน แต่ไอติดต่อกันนานมากกว่า 2 สัปดาห์ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนแพทย์จะให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอกและให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียกลับไปรับประทานเองที่บ้านพร้อมกับให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
ให้เด็กอยู่ในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่งให้ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ เพื่อให้เสมหะใสและขับออกได้ง่าย
ควรให้เด็กรับประทานอาหารทีละน้อย แต่บ่อยครั้งเพื่อช่วยลดอาการเจียนถ้ามีอาการอาเจียนมากให้รับประทานอาหารทีละน้อยและให้ทดแทนหลังอาเจียนหรือให้น้ำเกลือที่ผสมเอง (น้ำสุก 1 ขวดแม่โขงกลม + น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ + เกลือแดง 1/2 ช้อนชา)
📌การวินิจฉัยโรค
ตรวจแผ่นเยื่อในลำคอการเพาะเชื้อ C.diphtheriae โดยใช้ throat Swab 8 การรักษารีบนำส่งโรงพยาบาลรักษาโดยเร็ว
การให้ Diphtheria Antitoxin (DAT) ต้องรีบให้เร็วที่สุดเพื่อไปทำลาย Exotoxin ก่อนที่จะเกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อหัวใจและปลายประสาท
ให้ยาปฏิชีวนะเพนนิซิลินเป็นเวลา 14 วันหรือ Erythromycin แทน
ถ้าทางเดินหายใจตีบต้องเจาะคอเพื่อช่วยให้หายใจได้
ต้องมีการพักผ่อนอย่างเต็มที่อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ให้สารน้ำทางหลอดเลือดตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นระยะเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนทางหัวใจซึ่งมักจะเกิดขึ้นปลายสัปดาห์ที่ 2
🤪การพยาบาล
มีภาวะบกพร่องของการหายใจเนื่องจากมีการหดเกร็งของกล่องเสียงและกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใน
กล้ามเนื้อและระบบประสาทไวต่อการกระตุ้นเนื่องจากมีท็อกซินของเชื้อบาดทะยักไปเกาะติดกับระบบประสาทให้ยาปฏิชีวนะเป็นการทำลายเชื้อบาดทะยักทำให้ไม่มีเชื้อที่จะผลิตท็อกซินได้อีกและแอนตี้อกซินให้เพื่อทำลายท็อกซินที่ยังไม่ได้เกาะติดระบบประสาท
ทำความสะอาดบาดแผลหลังให้แอนตี้ท็อกซินนาน 1-2 ชม. ฟอกแผลด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ควบคุมการหดเกร็งจัดให้อยู่ในห้องแยกไม่รบกวนเด็กบ่อยเกินสัมผัสเท่าที่จำเป็นชุบน้ำอุ่นห่อตัวนาน
เสี่ยงต่อการขาดสารน้ำและอาหารเนื่องจากกลืนลำบาก
มีโอการเป็นบาดทะยักซ้ำเนื่องจากไม่มีภูมิต้านทานโรค
📌การรักษา
ให้เลือดอาการที่มีเลือดออกเกินร้อยละ 10 ของปริมาณเลือดทั้งหมด
ระยะพักฟื้นเป็นช่วงสารน้ำกลับเข้าสู่หลอดเลือดจำเป็นต้องหยุดหรือลดให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและหลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่รุนแรงการจำหน่ายเด็กกลับบ้านควรมีไข้ลงนานกว่า 24 ชั่วโมงโดยไม่ได้ยาลดไข้ฮีมาโตคริตคงที่อยู่ในระดับปกติประมาณร้อยละ 38 -40
📌การพยาบาล
การเช็ดตัวลดไข้
การให้ ORS น้อย ๆ บ่อย ๆ
อาหารย่อยง่าย (28 การทำความสะอาดร่างกาย
การบันทึกสัญญาณชีพทุก 15-30 นาที
การเจาะ Hct ทุก 4-8 ชั่วโมง
การดูผลเกร็ดเลือดถ้า Hct สูง Plat. ต่ำเป็นสัญญาณอันตราย
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำสังเกตภาวะหอบหายใจลำบากการสังเกตปัสสาวะ 2 มล / กก / ชม.
อาการแน่นอึดอัดท้องเจ็บชายโครงขวาตับโตนอนศีรษะสูง
จุดเลือดออกจำเลือดเลือดกำเดาไหลเลือดออกตามไรฟันถ่ายอุจจาระ
📌การป้องกัน
ให้ยาต้านเชื้อไวรัสคือ AZT โดยให้หญิงตั้งครรภ์รับประทานทุก 12 ชม. เมื่ออายุครรภ์ครบ 32-34 สัปดาห์และเพิ่มเป็นทุก 3 ชม. เมื่อเจ็บครรภ์จนกระทั่งคลอด
เลือกทำการผ่าตัดออกทางหน้าท้องก่อนเจ็บครรภ์คลอดและน้ำเดิน
ลดให้นมแม่ให้นมผสมแทน
การดูแลเด็กติดเชื้อเอชไอวี
การส่งเสริมโภชนาการ
การส่งเสริมพัฒนาการ
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค 2 แบบ
ให้ BCG (ไม่ให้ในผู้ป่วยที่มีอาการของโรคเอดส์) และ IPV แทน OPV
ไม่ให้ทั้งสองชนิด (ACIP)
📌ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีภาวะขาดสารน้ำและสารอาหาร
ไม่สุขสบายจากการติดเชื้อฉวยโอกาสและเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสเพิ่ม
พัฒนาการล่าช้าและหยุดชะงัก
เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน
ซึมเศร้าเนื่องจากติดเชื้อ HIV
วิตกกังวลเนื่องจากต้องเปิดเผยการติดเชื้อ HIV
กลัวการสูญเสียชีวิต
📌การรักษา
รักษาแบบประคับประคองและบรรเทาอาการหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเป็นโรคที่สามารถหายได้เองโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วันลดอาการเจ็บปวดจากแผลในปากโดยใช้ยาชาป้ายบริเวณที่เป็นแผลก่อนรับประทานอาหาร
ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนให้รักษาตามอาการเป็นส่วนใหญ่หลังจากการติดเชื้อผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสที่ก่อโรค แต่อาจเกิดโรคมือเท้าปากซ้ำได้จาก enterovirus ตัวอื่น ๆ
📌การป้องกัน
แยกผู้ป่วยที่เป็นโรคออกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนสถานเลี้ยงเด็กโดยเน้น contact isolation เป็นหลักมีรายละเอียดดังนี้
แยกเด็กป่วยไม่ให้ร่วมกิจกรรมกับเด็กอื่นเช่นว่ายน้ำไปโรงเรียนใช้สนามเด็กเล่นเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ผู้ดูแลเด็กล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือสัมผัสกับน้ำมูก / น้ำลายของเด็ก
ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำสุขาเครื่องใช้ของเล่นสนามเด็กเล่นตลอดจนเสื้อผ้าที่อาจปนเปื้อนเชื้อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ทั่วไปภายในบ้าน
เชื้ออยู่ในอุจจาระได้นาน 6-12 สัปดาห์
📌การพยาบาลผู้ป่วยโรคหัด
การแยกเด็กแบบ Respiratory Isolation ตั้งแต่มีอาการถึง 5-7 วันหลังตื่นขึ้น
Tepid sponge
การดูแลทั่วๆไปผิวหนังตาหูปากฟันและจมูก
ระยะไข้สูงให้อาหารอ่อนหรืออาหารเหลวดื่มน้ำมาก ๆ
สังเกตอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ข้ออักเสบให้แอสไพรินกรณีเกร็ดเลือดต่ำและเลือดออกไม่หยุดอาจต้องใช้ยาสเตียรอยด์ให้เกร็ดเลือดหรืออิมมูโนกลอบูลิน
📌การป้องกัน
ต้องมีการแยกผู้ป่วยจากผู้อื่นอย่างน้อย 3 สัปดาห์หลังเริ่มมีอาการหรือตรวจเพาะเชื้อไม่พบเชื้อแล้ว 2 ครั้งและต้องให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบแก่ผู้ป่วยที่หายแล้วทุกคน
ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยเนื่องจากโรคคอตีบติดต่อกันได้ง่ายจึงควรติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิดโดยการเพาะเชื้อจากลำคอและติดตามอาการ 7 วัน
ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคมาก่อนหรือได้รับไม่ครบควรให้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลา 7 วันพร้อมเริ่มให้วัคซีนพร้อมให้ Diphtheria Antitoxin เช่นเดียวกับผู้ป่วย