Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะอาเจียนรุนแรงในระยะตั้งครรภ์ (Hyperemesis gravidarum) - Coggle Diagram
ภาวะอาเจียนรุนแรงในระยะตั้งครรภ์
(Hyperemesis gravidarum)
สาเหตุ
ปัจจัยด้านมารดา
มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) สูง
มีประวัติการแพ้ท้องอย่างรุนแรงในครรภ์ก่อน
มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เหมาะสมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ
มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหารหรือลำไส้อักเสบ
กระเพาะอาหารมีการเคลื่อนไหวลดลง
สภาพจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล
ปัจจัยด้านทารก
ทารกมีความผิดปกติเกี่ยวกับโครโมโซม triploidy
trisomy 21
ทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)
อาการและอาการแสดง
มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง เป็นระยะเวลานานอาจตลอดทั้งวัน
หากอาการอาเจียนไม่รุนแรงมาก สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
ผลกระทบต่อมารดา
ทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำ ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น
เกิดภาวะความเป็นกรดในร่างกาย เกิดภาวะกรดในกระแสเลือด
ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ร่างกายเสียสมดุลของอิเลคโตรลัยท์
เกิดภาวะขาดสารอาหาร
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
หากสตรีตั้งครรภ์มีน้ำหนักลดลงมาก จะทำให้ทารกในครรภ์เติบโตช้า
หากสตรีตั้งครรภ์อาการรุนแรงมาก เกิดภาวะเป็นกรดในร่างกาย
อาจทำให้แท้ง คลอดก่อนกำหนด ทารกอาจตายคลอด และทารกพิการ
การวินิจฉัย
การซักประวัติ ตรวจร่างกาย ประเมินจากอาการและอาการแสดงของ การอาเจียนรุนแรง การ
ขาดสารน้ำขาดสารอาหาร น้ำหนักตัว และสภาพจิตใจ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจเลือด พบฮีมาโตคริตสูง BUN สูง โซเดียมต่ำ โปแตสเซียมต่ำ คลอไรด์ต่ำ SGOT
สูง LFT สูง และโปรตีนในเลือดต่ำ
การตรวจปัสสาะ พบว่ามีความถ่วงจำเพาะสูง ไข่ขาวในปัสสาวะเพิ่มขึ้น พบคีโตนใน
ปัสสาวะ
การตรวจพิเศษ เพื่อค้นหาสาเหตุของความผิดปกติ ได้แก่ การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
และการเจาะตรวจน้ำคร่ำ
แนวทางการรักษา
ควรวินิจฉัยแยกโรคภาวะอาเจียนอย่างรุนแรงจากอาการของโรคอื่นๆ เช่น โรคตับอักเสบ โรค
กระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ
หากอาการไม่รุนแรงสามารถรับประทานอาหารได้ แนะนำให้รับประทานอาหารที่ช่วยทดแทน
เกลือแร่ที่สูญเสียไปกับการอาเจียน
หากอาการรุนแรงมาก ควรงดอาหารและน้ำทางปาก และรีบแก้ไขภาวะขาดน้ำ ความไม่สมดุล
ของเกลือแร่ และความเป็นกรด-ด่างของเลือด โดยการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 5% D/NSS
1,000 ml. ทางหลอดเลือดดำ
การรักษาด้วยยา
ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ได้แก่ Metoclopramide 5-10 mg. ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อทุก 6-8
ชั่วโมง
ิตามิน ได้แก่ วิตามินบี 6 (Pyridoxine) 10-25 mg. 1 เม็ด รับประทาน 3-4 ครั้งต่อวัน
ยาคลายกังวล และยานอนหลับ ได้แก่ Diazepam 2 mg. 1 เม็ด ครั้งต่อวัน
เมื่ออาการแพ้ท้องรุนแรงดีขึ้น
ให้รับประทานอาหารอ่อน ครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้งทุก 2-3 ชั่วโมง ควรรับประทานอาหาร
ที่มีโปรตีนสูง ขนมปังกรอบ หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด อาหารมัน
รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ เช่น น้ำขิง
หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อม และสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คลื่นไส้อาเจียน เช่น กลิ่น ความร้อน ความชื้น
เสียงดัง แสงไฟกะพริบ เป็นต้น
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดภาวะอาเจียนรุนแรง
แนะนำวิธีการป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน
การรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง งดอาหารไขมัน เพราะย่อยยาก รับประทานอาหารเหลว อาหารน้ำ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หลังรับประทานอาหารไม่ควรนอนทันที
แนะนำให้จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ เช่น น้ำขิง เป็นต้น รับประทานอาหารแข็งที่ย่อยง่าย แนะนำให้รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เพื่อให้ร่างกายได้รบ
พลังงานอย่างเพียงพอ เข่น น้ำหวาน แนะนำให้รับประทานผลไม้ เช่น ลูกพรุน มะละกอสุก แนะนำวิธีการรับประทานยาแก้อาเจียนตามแผนการรักษา สอนวิธีการประเมินโภชนาการ การคำนวณ พลังงานที่ได้รับจากอาหารที่บริโภค ให้คำปรึกษาในการปรับแบบแผนการรับประทานอาหาร ช่วยประคับประคองด้านจิตใจ โดยเปิดโอกาสให้สตรีตั้งครรภ์ได้พูดถึงปัญหา แนะนำให้มาพบแพทย์เมื่อมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากขึ้น
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ดูแลให้งดอาหารและน้ำทางปาก (Nothing Per Oral: NPO) อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน เช่น กลิ่น ดูแลความสะอาดของช่องปากและฟัน ขณะที่ NPO หรือหลังจากอาเจียน ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ดูแลให้ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ตามแผนการรักษา
บันทึกปริมาณสารน้ำเข้าออกจากร่างกาย โดยเฉพาะ urine output ไม่ควรน้อยกว่า
1,000 ml. ต่อวัน จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน เมื่ออาการดีขึ้น ให้เริ่มรับประทานอาหารมื้อละน้อยแต่บ่อยครั้ง ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก จำเป็นต้องให้อาหารทางสายยาง ติดตามชั่งน้ำหนัก เพื่อประเมินว่าได้รับสารน้ำและสารอาหารเพียงพอหรือไม่ ิดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ แนะนำให้คู่สมรสหรือบุคคลในครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือสตรี
ตั้งครรภ์
อย่างใกล้ชิด ดูแลด้านจิตใจโดยการอยู่เป็นเพื่อน ให้กำลังใจ ปรึกษาและส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
แนะนำการรับประทานอาหาร โดยปรับเปลี่ยนแบบแผนการรับประทานอาหารครั้งละ
น้อยแต่บ่อยครั้ง เป็นอาหารที่ย่อยง่าย หรือมีโปรตีนสูง เช่น เช่น ขนมปังปิ้ง แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นทันที่ตื่นนอนประมาณครึ่งแก้ว แล้วนอนต่ออีกประมาณ 15 นาที
ก่อนที่จะลุกขึ้นปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย อย่างน้อย 8 ชั่วโมงในเวลา
กลางคืน และกลางวันอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
แนะนำการออกกำลังกายหรือกายบริหารเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ แนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดความเครียด ทำจิตใจให้สบาย อธิบายให้คู่สมรสและครอบครัวเข้าใจถึงภาวะที่เกิดขึ้น แนะนำให้เห็นความสำคัญของการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ