Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 PART 2 การจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา, นางสาวสายหมอก…
บทที่ 6 PART 2
การจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
แผนปฏิบัติการประจำปี
(Action Plan/Operation Plan)
วัตถุประสงค์ของการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี
เพื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานตามโครงกากิจกรรม
เพื่อระบุรายการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา
เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินโครงการ/กิจกรรมการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษา
เพื่อกำกับติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
ประโยชน์ที่ได้รับจากแผนปฏิบัติการประจำปี
สถานศึกษามีทิศทางและแนวทางในการดำเนินงาน
ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และผู้เกี่ยวข้อง ติดตามในการใช้งบประมา ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สถานศึกษามีเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการระบบคุณภาพตามแนวทางการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพ
ขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี
ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาระยะ 3-5 ปี
ขั้นตอนที่ 2 ประมาณกรงบประมาณรายรับของโรงเรียน
ขั้นตอนที่ 3 ประมาณการงบประมาณรายจ่ายของโรงเรียน
ขั้นตอนที่ 4 การวิเคราะห์กำหนดโครงการตามแผนกลยุทธ์
ขั้นตอนที่ 5 การจัดทำร่างแผนปฏิบัติการ
ส่วนประกอบของแผนปฏิบัติการประจำปี
ส่วนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา
ส่วนที่ 2 ทิศทางและกลยุทธ์การจัดการศึกษา
ส่วนที่ 3 ประมาณการงบประมาณรายรับ – รายจ่าย
ส่วนที่ 4 รายละเอียดโครงการตามแผนปฏิบัติการประจำปี
ส่วนที่ 5 การกำกับ ติดตาม ประเมินผลและรายงาน
องค์ประกอบพื้นฐานของการดำเนินโครงการ
การวางแผน
การดำเนินงาน
การประเมิน
ศัพท์น่ารู้
โครงการ (Project)
จุดมุ่งหมาย (Goals)
วัตถุประสงค์ (Objectives)
เป้าหมาย (Targets)
วิธีการ (Procedures)
การประเมิน (Evaluation)
เทคนิคการเขียนโครงการ
ลักษณะสำคัญของโครงการ
1) โครงการต้องเป็นระบบ (System) ประกอบด้วย
ปัจจัย (Input)
กระบวนการ (Process)
ผลผลิต (Output)
ตัวตรวจสอบกลับ (Feed Back)
ข้อควรระวังในการเขียนโครงการ
1) ก่อนเริ่มเขียนโครงการ : ผู้เขียนจะต้องศึกษาเรื่องราวที่เกิดขึ้นของหน่วยงานอย่างละเอียด
2) สิ่งที่นำเสนอออกมา : ผู้เขียนจะต้องมีความจริงใจต่อองค์กร
3) ระหว่างการเขียนโครงการ : ผู้เขียนควรตรวจสอบสำนวนภาษา
4) ควรเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้องชัดเจนเท่านั้น
5) การนำเสนอความคิดเห็นส่วนตัวในการเขียนโครงการ ถ้าเป็นความคิดเห็นของกลุ่มบุคคลไม่ควรนำเสนอมากนัก
6) ควรตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ของหัวข้อต่างๆ
7) การนำเสนอโครงการให้ผู้พิจารณาหรือคณะกรรมการได้เข้าใจ ควรนำเสนอด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น การนำเสนอโดยใช้คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
รูปแบบการเขียนโครงการ
แบบดั้งเดิม หรือ คลาสสิก (Classical Program Writing)
เป็นการเขียนโครงการตามลำดับหัวข้อต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ ในแต่ละหัวข้อให้ชัดเจนและมีความสัมพันธ์กัน
แบบเหตุผลสัมพันธ์ (Logical Framework Program)
เป็นการเขียนโครงการให้แต่ละส่วนประกอบของโครงการมีความสัมพันธ์สอดรับกัน มีลักษณะความเป็นเหตุเป็นผลกัน (Logic)
องค์ประกอบที่ใช้ในการออกแบบการประเมิน
1.การเลือกจุดเน้นการประเมิน (Focusing)
2.การออกแบบการประเมิน (Designing)
3.การเก็บรวบรวมข้อมูล (Collecting)
4.การวิเคราะห์และแปลผลข้อมูล (Analyzing and Interpreting)
5.การรายงานผลการประเมิน (Reporting)
6.การจัดการประเมิน (Managing)
7.การประเมินผลการประเมิน (Meta Evaluation)
เกณฑ์ที่ใช้ในการออกแบบการประเมิน
ความตรงภายใน (Internal Validity)
หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหรือผลที่เกิดขึ้นตามตัวชี้วัดต่างๆ เป็นผลมาจากการดำเนินงานโครงการ
ดังนั้น ผู้ประเมินจะต้องควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนและตัวแปรเชื่อมโยงที่อาจจะมีผลต่อตัวชี้วัดและผู้ประเมิน
ความตรงภายนอก (External Validity)
หมายถึง การสรุปผลการประเมินไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายของโครงการ
ความเป็นไปได้ในการประเมิน (Feasibility of Assessment)
หมายถึง การออกแบบการประเมินจะต้องคำนึงถึงเวลา สถานที่ที่จะดำเนินการ ทรัพยากรต่างๆ เช่น งบประมาณ กำลังคน
การออกแบบการประเมินโครงการ
การออกแบบการประเมินเชิงสำรวจ (Exploratory Evaluation Designs) จะช่วยผู้ประเมินในตอนเริ่มต้นโครงการเพื่อจัดเตรียมโครงการและวิธีการที่จะทำให้โครงการต่าง ๆ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
การออกแบบการประเมินเชิงบรรยาย (Descriptive Evaluation Designs) จะช่วยให้ผู้ประเมินได้ทราบว่าโครงการได้ดำเนินงานตามแผนการที่วางไว้หรือไม่
การออกแบบการประเมินเชิงทดลองและกึ่งทดลอง (Experimental and Quasi-Experimental Evaluation Designs) การออกแบบการประเมินแบบนี้จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
การประเมินโครงการรอบด้าน
แหล่งของผู้ที่ให้ข้อมูลและวิธีการประเมิน
การประเมินแบบ 1 องศา (1 Degree Feedback : Self of Supervisor Assessment) คือ การประเมินจากผู้บริหาร หรือ การประเมินตนเองซึ่งมีข้อดีและข้อเสีย การประเมินตนเอง (Self - Assessment)
การประเมินแบบ 90 องศา (90 Degree Feedback : Colleague Assessment)จากงานวิจัยที่ผ่านมาจะเห็นว่าการประเมินแบบ 90 องศา หรือ การประเมินจากด้านข้าง (Lateral) หรือที่นิยมเรียกว่า “Peer Review”
การประเมินแบบ 180 องศา (180 Degree Feedback : Upward Review) คือ การประเมินจากล่างขึ้นบน รวมกับการรายงานโดยตรง (Direct Report) จากผู้บริหาร
การนำการประเมินแบบรอบด้านไปใช้
นิยมใช้แบบสอบถามและแบบสำรวจพฤติกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญ เครื่องมือมิใช่คำตอบ ที่จะแก้ปัญหาการประเมินขององค์กรได้แต่ละระบบและนโยบายต่างหากที่จะแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้
นางสาวสายหมอก วังตา 61202371 SEC.17