Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
ภาวะโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ชนิดของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์(gestational hypertension)
ภาวะความดันโลหิตสูงที่วินิจฉัยได้ครั้งแรกในระหว่างการตั้งครรภ์หลังอายุครรภ์20 สัปดาห์โดยไม่มีโปรตีนในปัสสาวะ
มีโปรตีนในปัสสาวะน้อยกว่า 300 mg. ในปัสสาวะในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
ความดันโลหิตกลับสู่ระดับปกติภายใน 12 สัปดาห์หลังคลอด
ที่ไม่มีการแสดงอาการของภาวะครรภ์เป็นพิษ และความดันโลหิตกลับสูงปกติใน 12 สัปดาห์หลังคลอด
ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง (chronic)
ภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมาก่อนการตั้งครรภ์หรือวินิจฉัยได้ก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
ความดันโลหิตสูงเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ gestational trophoblastic diseases
ความดันโลหิตนั้นยังคงสูงอยู่นานกว่า 12 สัปดาห์หลังคลอด
ภาวะครรภ์เป็นพิษระยะก่อนชัก (preeclampsia)
กลุ่มอาการ (syndrome) ของความดันโลหิตที่พบครั้งแรกในขณะตั้งครรภ์หลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
มีโปรตีนในปัสสาวะอย่างน้อย 300 มิลลิกรัมในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
ครรภ์เป็นพิษระยะชัก (eclampsia)
ภาวะครรภ์เป็นพิษที่มีภาวะชักร่วมด้วย โดยหาสาเหตุของการชักไม่ได้
การชักไม่ได้เกิดจากสาเหตุอื่น
ลมบ้าหมู
โรคทางสมอง
ครรภ์เป็นพิษซ้อนทับกับความดันโลหิตสูงเรื้อรัง (preeclampsia superimposed on
chronic hypertension)
สตรีที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเรื้อรัง เมื่อตั้งครรภ์แล้วพบมีภาวะครรภ์เป็นพิษแทรกซ้อน
การวินิจฉัยภาวะ superimposed preeclampsia
สตรีความดันโลหิตสูงเรื้อรังที่ไม่เคยมีโปรตีนในปัสสาวะก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ห้ใช้เกณฑ์การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะที่เกิดขึ้นใหม
สตรีความดันโลหิตสูงเรื้อรังที่มีโปรตีนในปัสสาวะอยู่เดิม การวินิจฉัยให้ใช้เกณฑ์การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ภาวะครรภ์เป็นพิษก่อนระยะชัก (Preeclampsia)
เกณฑ์การวินิจฉัยเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง
โปรตีนในปัสสาวะ
เกล็ดเลือดต่ำ
การทำงานของไตผิดปกติ
การทำงานของตับผิดปกติ
อาการทางสมอง
อาการทางตา
ภาวะน้ำท่วมปอด
เกณฑ์การวินิจฉัยเกี่ยวกับโปรตีนในปัสสาวะ (proteinuria)
ใช้วิธีตรวจวัดโดยการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมงเป็นหลัก
กรณีที่ต้องการผลเร็วให้ใช้การตรวจ urine protein/creatinine
ration แทน
การตรวจโดย urine dipstick นิยมใช้ในการคัดกรองเบื้องต้นในคลินิกฝากครรภ์ทุกครั้งที่สตรีตั้งครรภ์มาตรวจครรภ์
ยกเลิกเกณฑ์การวินิจฉัยภาวะครรภ์เป็นพิษระดับรุนแรง (severe preeclampsia)
โดยใช้เกณฑ์ proteinuria มากกว่า 5 กรัมในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
รวมทั้งยกเลิกเกณฑ์ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (fetal growth restriction)
ภาวะครรภ์เป็นพิษระยะชัก (eclampsia)
ระยะที่ 1 ระยะก่อนแสดงอาการ (preclinical)
เกิดความผิดปกติของการฝังตัวของรก (abnormal placentation)
โดยเกิดความผิดปกติของ endovascular trophoblastic remodeling
incomplete transformation ของ spiral arteries ของเซลล์ cytotrophoblast
ทำให้หลอดเลือดตีบแคบและมีความต้านทานสูง
เกิดผนังหลอดเลือดตีบแข็งเฉียบพลัน (acute atherosis)
ส่งผลให้เกิด placental infarction, placental ischemia และ placental hypoxia
placental perfusion ลดลง
การฝังตัวของรกที่ผิดปกติจะมีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษ
การฝังตัวที่มีผิดปกติมาก จะทำให้ความรุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษมากขึ้นตาม
ระยะที่ 2 ระยะแสดงอาการ (clinical stage)
proinflammatory และ antiangiogenic factors
ทำให้เซลล์บุโพรงหลอดเลือดบาดเจ็บ และขาดเลือด
เกิดความผิดปกติในการทำหน้าที่ของเนื้อเยื่อบุโพรงหลอดเลือด
ต้นกำเนิดของภาวะครรภ์เป็นพิษ
serum soluble fms-lke tyrosine kinase-1 (sFlt-1)
สาเหตุให้เกิด systemic inflammatory response และ endothelial activation
อาการแสดงทางคลินิกที่สำคัญ
ความดันโลหิตสูง
ภาวะมีโปรตีนในปัสสาวะ
อาการตามระบบต่าง ๆของร่างกาย
พยาธิสรีรภาพของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ระบบไต (renal system)
เกิด glomerular capillary endotheliosis ทำให้glomerular
infiltration rate ลดลง
ส่งผลให้ปริมาณปัสสาวะลดลง และระดับ serum uric acid และ creatinine เพิ่มขึ้น
ระบบหัวใจและปอด (cardiopulmonary system)
proteinuria และการรั่วของ capillaries นี้ทำให้ colloid
osmotic pressure ลดลง
มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมปอด และสารน้ำในระบบไหลเวียนโลหิต
จะรั่วออกไปคั่งตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ระบบเลือดและการแข็งตัวของเลือด (hematologic and coagulation system)
เกิดจากกลไกทางระบบภูมิคุ้มกันหรือเกล็ดเลือดไปจับตัวเกาะกลุ่มตามเยื่อบุหลอดเลือดที่ถูกทำลาย
ทำให้เกิด intravascular hemolysis
มีการแตกและการทำลายเม็ดเลือดแดง
เนื่องจากเม็ดเลือดแดงเคลื่อนผ่านหลอดเลือดที่มีการหดเกร็งและมีขนาดเล็กลง
ระบบตับ (hepatic system)
การเกิด generalized vasoconstriction ทำให้เกิด hepatic ischemia
ส่งผลให้ ระดับเอนไซม์ aspartate aminotransferase (AST)สูงขึ้น
ระบบประสาท (neurological system)
อาจทำให้เกิดการแตกของหลอดเลือดฝอย
มีเลือดออกมในสมองเป็นจุดเลือดเล็ก ๆ
เป็นก้อนใหญ่ (petechial hemorrhage) และผลจากหลอดเลือดหดเกร็ง (vasospasm)
ระบบการมองเห็น (visual system)
การหดรัดตัวของหลอดเลือดที่จอตา (retinal arteriolar vasospasm)
เกิด retinal edema
a เกิดอาการตาพร่ามัว (blurred vision)
การมองเห็นผิดปกติ
รก และมดลูก (placenta and uterus)
การหดรัดตัวของหลอดเลือด spiral arteriole ใน decidual ร่วมกับมี acute atherosis ทำให้หลอดเลือดตีบตัน
ปริมาณเลือดที่ไหลผ่านระหว่างรกและ
มดลูก (uteroplacental perfusion) ลดลง
อาการและอาการแสดง
ภาวะ preeclampsia
อาการแสดง
Systolic BP ≥ 160 mmHg. หรือ Diastolic BP ≥ 110 mmHg
น้ำท่วมปอด
มีอาการชักแบบชักทั้งตัว
เลือดออกในสมอง
ตาบอดจากพยาธิสภาพของครรภ์เป็นพิษในสมอง
อาการ
ภาวะไตวาย serum creatinine ≥ 1.1 mg/dL
การทำงานของตับผิดปกติ
เกล็ดเลือดต่ำ มี platelet count < 100,000 ต่อไมโครลิตร
ระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
HELLP syndrome
Hemolysis (H)
Elevated liver enzymes (EL)
Low platelet (LP)
ภาวะ Eclampsia
ระยะก่อนชัก (Premonitoring stage)
กระสับกระส่าย
ตามองนิ่งอยู่กับที่
ศีรษะหมุนไปด้านหนึ่งจนตึง
รูม่านตาขยาย
ระยะเริ่มแรกของอาการชัก (Stage of invasion)
อาการกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
และมุมปากกระตุก
ริมฝีปากเบี้ยว
ระยะชักเกร็ง (Stage of contraction)
อาการเกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย
ลำตัวเหยียด
ศีรษะหงายไปด้านหลัง
มือกำแน่น
แขนงด
ขาบิดเข้าด้านใน
ระยะชักกระตุก (Stage of convulsion)
มีการกระตุกของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายอย่างแรง
มีการกระตุกของขากรรไกร อาจกัดลิ้นบาดเจ็บ
มีน้ำลายฟูมปาก
ใบหน้าบวมสีม่วง
ตาแต้มเลือด
ระยะหมดสติ (coma)
เกิดภายหลังการชักกระตุก
นอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ในสภาพหมดแรง
อาจมีอาการหยุดหายใจเป็นบางครั้ง
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
รกลอกตัวก่อนกำหนด
เลือดแข็งตัวผิดปกติ(DIC)
หัวใจขาดเลือด
หัวใจล้มเหลว จากการมี venous return เพิ่มอย่างรวดเร็ว
ไตวายเฉียบพลัน เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง
น้ำท่วมปอด หรือปอดบวมน้ำ
เลือดออกในสมอง (cerebral henorrhage)
เกล็ดเลือดต่ำ
ผลกระทบต่อทารก
ทารกโตช้าในครรภ์
ขาดออกซิเจน เลือดเป็นกรด
ทารกคลอดก่อนกำหนด
แท้งหรือเสียชีวิตในครรภ์
ทารกตายในครรภ์เฉียบพลันหรือตายในระยะแรกเกิด
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติ
ซักประวัติเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ประวัติอาการและอาการแสดงของภาวะ preeclampsia
การตรวจร่างกาย
การประเมินความดันโลหิต
การประเมินระดับรีเฟล็กซ์ (grading reflexes) มี 5 ระดับ
การประเมินอาการบวมมี 4 ระดับ
ประเมินอาการบวมกดบุ๋ม (pitting edema) มี 4 ระดับ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC
platelet count
liver function test
renal functiontest
ตรวจ cogulation profile
การตรวจพิเศษ การตรวจพิเศษเพื่อทำนายการเกิด preeclampsia
Angiotensin sensitivity test
Roll over test
Isometric exercise
Doppler velocimetry
Specific blood testing
Mean arterial blood pressure (MAP)
แนวทางการรักษา
การรักษา preeclampsia without severe features
การนอนพัก
ดูแลควบคุมไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น
เฝ้าระวัง การเกิด sever features
การรักษา preeclampsia with severe features
การป้องกันการชัก
ควบคุมความดันโลหิต
ยุติการตั้งครรภ์
การรักษา eclampsia
ควบคุมการชัก
แก้ไขภาวะพร่องออกซิเจน
แก้ไชความเป็นกรดในร่างกาย
ควบคุมความดันโลหิต
ยุติการตั้งครรภ์เมื่อควบคุมอาการชักได้แล้ว
ยาที่ใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ยาป้องกันการชัก (anticonvulsant)
Magnesium Sulfate (MgSO4)
MgSO4 ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว
ยามีฤทธิ์ทำให้เกิดการขยายตัวของ หลอดเลือด
เพิ่มการไหวเวียนเลือดไปเลี้ยงที่มดลูกและไต
ยาลดความดันโลหิต (antihypertensive dtrugs)
Hydralazine (Apresoline® หรือ Nepresol®)
ยาออกฤทธิ์โดยตรงที่กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด
ทำให้หลอดเลือดคลายตัวมีผลทำให้ความดันโลหิตลดลง
เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงรกดีขึ้น
Labetalol (Avexor®)
ออกฤทธิ์ยับยั้งระบบประสาท syspathetic ส่วนปลาย
มีผลลดความต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลาย
ยาที่ควบคุมความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ได้ดี
Nifedipine (Adalat®)
ป้องกัน calcium เข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด
ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานน้อยลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลง