Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (Hypertensive disorders of pregnancy) - Coggle…
ภาวะโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
(Hypertensive disorders of pregnancy)
ชนิดของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง (chronic/ preexisting hypertension)
ครรภ์เป็นพิษ หรือ ภาวะครรภ์เป็นพิษระยะก่อนชัก (preeclampsia)
ความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ (gestational hypertension)
ครรภ์เป็นพิษซ้อนทับกับความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
(preeclampsia superimposed on chronic hypertension)
ภาวะครรภ์เป็นพิษก่อนระยะชัก (Preeclampsia)
เกณฑ์การวินิจฉัย preeclampsia
เกณฑ์การวินิจฉัยเกี่ยวกับโปรตีนในปัสสาวะ (proteinuria)
กรณีที่ต้องการผลเร็วให้ใช้การตรวจ urine protein/creatinine ration
การตรวจด้วย urine dipstick มีความคลาดเคลื่อนสูง
ใช้วิธีตรวจวัดโดยการเก็บ ปัสสาวะ 24 ชั่วโมงเป็นหลัก
ยกเลิกเกณฑ์การวินิจฉัยภาวะครรภ์เป็นพิษระดับรุนแรง
(severe preeclampsia)
ใช้เกณฑ์ proteinuria มากกว่า 5 กรัมในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
ยกเลิกเกณฑ์ทารกเจริญเติบโตช้า ในครรภ์ (fetal growth restriction) ร่วมในการประเมินเพื่อวินิจฉัย
เกณฑ์การวินิจฉัยเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง
การทํางานของไตผิดปกติ
การทํางานของตับผิดปกติ
เกล็ดเลือดต่ำ
อาการทางสมอง อาการทางตา
การพบโปรตีนในปัสสาวะ
ภาวะน้ําท่วมปอด
การพิจารณาค่าความดันโลหิตที่สูง
ภาวะครรภ์เป็นพิษระยะชัก (eclampsia)
พยาธิสรีรภาพ
ระบบเลือดและการแข็งตัวของเลือด (hematologic and coagulation system)
เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำเฉียบพลัน และมีปัจจัยการแข็งตัวของเลือดชนิดอื่นๆ ลดลง
ระบบตับ (hepatic system) การเกิด generalized vasoconstriction
ระบบหัวใจและปอด (cardiopulmonary system) ในภาวะครรภ์เป็นพิษที่รุนแรงจะมี plasma albumin ลดลง
ระบบประสาท (neurological system) จากการที่เยื่อบุหลอดเลือดถูกทําลาย
ระบบไต (renal system) จากการที่ปริมาณการไหลเวียนที่ไตลดลง
ระบบการมองเห็น (visual system) จากการหดรัดตัวของหลอดเลือดที่จอตา (retinal arteriolar vasospasm)
รกและมดลูก (placenta and uterus) จากการหดรัดตัวของหลอดเลือด spiral arteriole
ใน decidual ร่วมกับมี acute atherosis ทําให้หลอดเลือดตีบตัน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ดัชนีมวลกายตั้งแต่ 30 kg/m2 ขึ้นไป หรืออ้วน
การตั้งครรภ์แฝด
สตรีอายุมากขึ้นตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
ประวัติพันธุกรรมครรภ์เป็นพิษในครอบครัวของสตรีตั้งครรภ์
ผ่านการคลอดบุตรคนก่อนมาอย่างน้อย 10 ปี มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ประวัติมีความเจ็บป่วยทางอายุรกรรม
ประวัติครรภ์เป็นพิษในครรภ์ก่อน มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 7 เท่า
ความผิดปกติทางสูติกรรม
สตรีที่ไม่เคยคลอดบุตรมาก่อน (nulliparity)
ภาวะโภชนาการบกพร่อง
สาเหตุและพยาธิกําเนิด
ระยะที่ 2 ระยะแสดงอาการ (clinical stage)
รกที่ขาดออกซิเจนจะมีการหลั่งสารต่างๆ ออกมาในกระแสเลือด
สําคัญคือ proinflammatory และ antiangiogenic factors ทําให้เซลล์บุโพรงหลอดเลือดบาดเจ็บและขาดเลือด
ระยะที่ 1 ระยะก่อนแสดงอาการ (preclinical หรือ asymptomatic stage)
มักเกิดขึ้นตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์โดยการพัฒนาการตามปกติของรก
เซลล์ cytotrophoblasts ของทารกจะรุกล้ำเข้าไปใน maternal spiral arteries และมี remodeling of spiral arterioles
เซลล์ cytotrophoblasts ส่วนนี้จะมีการปรับเปลี่ยนจากลักษณะเนื้อเยื่อบุ
ผิวไปเป็นลักษณะเนื้อเยื่อบุโพรงหลอดเลือด (epithelial to endothelial phenotype)
ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า psuedovasculogenesis
เป็นระยะที่เกิดความผิดปกติที่รก
อาการและอาการแสดง
ภาวะ Eclampsia
ระยะชักเกร็ง (Stage of contraction หรือ tonic stage) มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย
ลําตัวเหยียด ศีรษะหงายไปด้านหลัง มือกําแน่น แขนงด ขาบิดเข้าด้านใน และตาถลน
ระยะชักกระตุก (Stage of convulsion หรือ clonic stage) จะมีการกระตุกของ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายอย่างแรง
ระยะเริ่มแรกของอาการชัก (Stage of invasion) มีอาการกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า และมุมปากกระตุก
ระยะหมดสติ (coma หรือ unconscious) เกิดภายหลังการชักกระตุก นอนนิ่งไม่ เคลื่อนไหวอยู่ในสภาพหมดแรง
ระยะก่อนชัก (Premonitoring stage) อาจมีอาการหรืออาการแสดงบอกล่วงหน้า (aura)
ผลกระทบ
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
น้ําท่วมปอด หรือปอดบวมน้ํา
เลือดออกในสมอง (cerebral henorrhage)
ไตวายเฉียบพลัน เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง
เลือดออกในตับจนมีการตายของเซลล์ตับ หรือตับวาย (hepatic failure)
หัวใจล้มเหลว จากการมี venous return เพิ่มอย่างรวดเร็ว
เกล็ดเลือดต่ำ
หัวใจขาดเลือด
การหลุดของเรตินา (retina detachment) ทําให้ตาบอดชั่วคราวได้
เลือดแข็งตัวผิดปกติ (DIC)
หลอดเลืออุดตัน (deep venous thrombosis)
รกลอกตัวก่อนกําหนด
สําลักเศษอาหารเข้าหลอดลม กัดลิ้น ข้อเคลื่อน กระดูกหัก
ผลกระทบต่อทารก
ทารกคลอดก่อนกําหนด
แท้งหรือเสียชีวิตในครรภ์
ขาดออกซิเจน เลือดเป็นกรด
ทารกตายในครรภ์เฉียบพลันหรือตายในระยะแรกเกิด
ทารกโตช้าในครรภ์
กรณีที่ได้รับการรักษาด้วย magnesium sulfate ในระยะคลอด
ซึ่งยานี้ผ่านรกไปสู่ทารกได้ ทารกแรกเกิดอาจมีรีเฟล็กซ์ และการหายใจไม่ดี
ภาวะ preeclampsia
อาการแสดง 1.Systolic BP ≥ 160 mmHg. หรือ Diastolic BP ≥ 110 mmHg.
2.น้ําท่วมปอด 3.Eclampsia คือ มีอาการชักแบบชักทั้งตัว 4.เลือดออกในสมอง
5.ตาบอดจากพยาธิสภาพของครรภ์เป็นพิษในสมอง
อาการ 1. ภาวะไตวาย serum creatinine ≥ 1.1 mg/dL. 2. การทํางานของตับผิดปกติ
3.เกล็ดเลือดต่ำ 4. ระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ 5. HELLP syndrome
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย
การประเมินระดับรีเฟล็กซ์ (grading reflexes)
การประเมินอาการบวม
การประเมินความดันโลหิต
ประเมินอาการบวมกดบุ๋ม (pitting edema)
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของน้ําหนัก
การตรวจพิเศษ
Angiotensin sensitivity test
Roll over test
Isometric exercise
Doppler velocimetry
Specific blood testing
Mean arterial blood pressure (MAP)
การตรวจห้องปฏิบัติการ
แนวทางการรักษา
การรักษา preeclampsia without severe features
เฝ้าระวัง ติดตาม อาการและอาการแสดง
ดูแลให้รับประทานอาหารธรรมดา บันทึกสารน้ําเข้าและออกจากร่างกาย และชั่งน้ําหนัก
ดูแลและติดตามประเมินผล
ดูแลติดตามการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิตทุก 4 ชั่วโมง
ประเมินและให้การประคับประคองสภาวะทางอารมณ์ และจิตใจอย่างเหมาะสม
ดูแลให้นอนพักบนเตียง (bed rest) ในท่านอนตะแคงซ้าย
การรักษา preeclampsia with severe features
บันทึกปริมาณสารน้ําเข้าและออกในแต่ละวัน
ประเมินอาการนําก่อนการชัก
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิตทุก 1 ชั่วโมง
ดูแลให้ยาป้องกันชัก MgSO4 ตามแผนการรักษา
ดูแลให้นอนพักบนเตียงอย่างเต็มที่ (absolute bed rest)
ดูแลให้ยาลดความดันโลหิตตามแผนการรักษา
ดูแลและส่งเสริมการขับสารน้ําออกจากร่างกาย โดยให้นอนตะแคงซ้าย
ติดตามประเมินระดับ oxygen saturation
ดูแลให้ทารกปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน
ดูแลให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงอย่างปลอดภัย
ประคับประคองด้านจิตใจ
การรักษา eclampsia
สังเกตและบันทึกอาการนําของการชัก
รายงานแพทย์เมื่อมีอาการนําของการชักหรือขณะชัก
สังเกตและบันทึกอาการทางสมอง
ให้งดอาหารและน้ําตามแผนการรักษา
บันทึกปริมาณสารน้ําเข้าและออกจากร่างกาย
จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ และลดสิ่งกระตุ้นให้เกิดการชัก
ประเมินสัญญาณชีพเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมง
ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์เป็นระยะ
ดูแลให้ได้รับยาระงับชักตามแผนการรักษา
เตรียมสตรีตั้งครรภ์เพื่อคลอดตามสถานการณ์
ให้ออกซิเจนขณะชัก และภายหลังชัก
ดูแลป้องกันการชักซ้ำภายหลังคลอด
จัดให้นอนตะแคง ใส่ไม้กั้นเตียง
ให้การดูแลป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ใส่ oral airway หรือ mouth gag
ดูแลทารกแรกเกิด ซึ่งอาจมีภาวะขาดออกซิเจน
ยาที่ใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ยาลดความดันโลหิต (antihypertensive dtrugs)
Hydralazine (Apresoline® หรือ Nepresol®)
Labetalol (Avexor®)
Nifedipine (Adalat®)
ยาป้องกันการชัก (anticonvulsant)
Magnesium Sulfate (MgSO4)