Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (Hypertensive disorders of pregnancy) - Coggle…
ภาวะโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
(Hypertensive disorders of pregnancy)
ความหมาย
ภาวะความดันโลหิตสูงหลังคลอด
มีความดันโลหิตสูงขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์หลังคลอด ถึง 6 เดือนหลังคลอด จากนั้นความดันโลหิตกลับสู่ปกติในปลายปีแรก
ภาวะความดันโลหิตสูง
เนื่องจากการตั้งครรภ์
หมายถึงภาวะ gestational hypertension, preeclampsia และ eclampsia
ภาวะความดันโลหิตสูง
ภาวะที่ค่าความดันโลหิตช่วงหัวใจบีบตัวอย่างน้อย 140 mmHg. และ ่วงหัวใจคลายตัวอย่างน้อย 90 mmHg. โดยวัด 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ภายหลังการพัก
ชนิดของภาวะความดันโลหิตสูง
ขณะตั้งครรภ์ 4 ชนิด
ความดันโลหิตสูง
จากการตั้งครรภ์
ภาวะความดันโลหิตสูงที่วินิจฉัยได้ครั้งแรกในระหว่างการตั้งครรภ์หลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
มีโปรตีนในปัสสาวะน้อยกว่า 300 mg.
ในปัสสาวะในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
มีความดันโลหิตกลับสู่ระดับปกติภายใน 12 สัปดาห์หลังคลอด
ในกรณีที่ไม่มีการแสดงอาการของภาวะครรภ์เป็นพิษ และความดันโลหิตกลับสูงปกติใน 12 สัปดาห์หลังคลอด อาจถูกจัดกลุ่มเป็นภาวะความดันโลหิตสูงชั่วคราว
ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
ภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมาก่อนการตั้งครรภ์ 20 สัปดาห์
เกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ gestational trophoblastic diseases
หากวินิจฉัยความดันโลหิตสูงได้ครั้งแรกหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ความดันโลหิตนั้นยังคงสูงอยู่นานกว่า 12 สัปดาห์หลังคลอด
ครรภ์เป็นพิษซ้อนทับ
กับความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
การวินิจฉัยภาวะ superimposed preeclampsia ในสตรีความดันโลหิตสูงเรื้อรังที่ไม่เคยมีโปรตีนในปัสสาวะก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
ใช้เกณฑ์การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะที่เกิดขึ้นใหม่
สำหรับสตรีความดันโลหิตสูงเรื้อรังที่มีโปรตีนในปัสสาวะอยู่เดิม การวินิจฉัยให้ใช้เกณฑ์การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ภาวะครรภ์เป็น
พิษระยะก่อนชัก
พบครั้งแรกในขณะตั้งครรภ์หลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ร่วมกับมีโปรตีนในปัสสาวะอย่างน้อย 300 มิลลิกรัมในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
ภาวะความดันโลหิตสูงคงอยู่ไม่เกิน 12 สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งแต่เดิมมักใช้เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการวินิจฉัยภาวะนี้
ภาวะครรภ์เป็นพิษที่มีภาวะชักร่วมด้วย โดยหาสาเหตุของการชักไม่ได้
ภาวะครรภ์เป็นพิษก่อนระยะชัก
เกณฑ์การวินิจฉัย
เกณฑ์การวินิจฉัยเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง
การพบโปรตีนในปัสสาวะ
เกล็ดเลือดต่ำ การทำงานของไตผิดปกติ
การทำงานของตับผิดปกติ
อาการทางสมอง อาการทางตา
ภาวะน้ำท่วมปอด
ยกเลิกเกณฑ์การวินิจฉัยภาวะครรภ์เป็นพิษระดับรุนแรง
ใช้เกณฑ์ proteinuria มากกว่า 5 กรัมในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง รวมทั้งยกเลิกเกณฑ์ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ร่วมในการประเมินเพื่อวินิจฉัย
เกณฑ์การวินิจฉัย
เกี่ยวกับโปรตีนในปัสสาวะ
ใช้วิธีตรวจวัดโดยการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมงเป็นหลัก
กรณีที่ต้องการผลเร็วให้ใช้การตรวจ urine protein/creatinine ration แทน
ส่วนการตรวจด้วย urine dipstick มีความคลาดเคลื่อนสูง จึงควรใช้สองวิธีข้างต้นแทน
เกณฑ์การประเมินความรุนแรงของpreeclampsia
เกณฑ์การวินิจฉัยว่าเป็นภาวะ severe feature ของ preeclampsia
ปวดใต้ลิ้นปี่และชายโครงขวา ปัสสาวะออกน้อย
ชัก การทำงานของไตผิดปกติ
ปวดศีรษะ อาการทางสายตา
เกล็ดเลือดต่ำ การทำงานของตับผิดปกติ น้ำท่วมปอด
ระดับความดันโลหิต โปรตีนในปัสสาวะ
ทารกเจริญเติบโตช้า และอาการที่เกิดพบเมื่ออายุครรภ์
ภาวะครรภ์เป็นพิษระยะชัก
สาเหตุ
hypertensive encephalopathy
utero-placental ischemia ทำ
cerebral vasospasm
ความหมาย
ภาวะชักแบบ generalized convulsions
เกิดขึ้นใน preeclampsia หรือ gestational hypertension
อุบัติการณ์ของการชักเกิดขึ้นได้ทุกระยะของการตั้งครรภ์ ระยะคลอด และระยะ 48-72 ชั่วโมงหลังคลอด
ภาวะชักนี้เกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงจนถึงอาการรุนแรงมากการชักอาจเกิดได้ในขณะหลับและไม่มีสิ่งกระตุ้น และเกิดการชักซ้ำได้หากไม่ได้รับการรักษา
สาเหตุและพยาธิกำเนิดของ
ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ระยะที่ 1 ระยะก่อนแสดงอาการ
กระบวนการนี้เริ่มในระยะท้ายของไตรมาสแรก และเสร็จสิ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 18-20 สัปดาห์
มักเกิดขึ้นตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์โดยการพัฒนาการตามปกติของรก
psuedovasculogenesis และมีการพัฒนาต่อไปจนหลอดเลือดขยายและมีแรงต้านทานน้อยทำให้มี placental perfusion เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ระยะที่ 2 ระยะแสดงอาการ
รกที่ขาดออกซิเจนจะมีการหลั่งสารต่าง ๆ ออกมาในกระแสเลือด ที่สำคัญคือ proinflammatory และ antiangiogenic factors
เกิดความผิดปกติในการทำหน้าที่ของเนื้อเยื่อบุโพรงหลอดเลือดกระตุ้นให้เกิดภาวะ oxidative stress
ซึ่งอาการแสดงทางคลินิกที่สำคัญ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง ภาวะมีโปรตีนในปัสสาวะ และอาการตามระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเกิดในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์
พยาธิสรีรภาพของภาวะ
ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ระบบตับ
การเกิด generalized vasoconstriction ทำให้เกิด hepatic ischemia และส่งผลให้ ระดับเอนไซม์ (AST) หรือ (SGOT) และ (ALT) หรือ (SGPT) สูงขึ้น
ในบางรายอาจมีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ) ร่วมด้วย บางรายพบ periportal hemorrhagic necrosis หรือ subcapsular hepatic necrosis หรือ hematoma
ดังนั้นบางรายจึงมีอาการปวดใต้ชายโครงขวา หรือจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ คลื่นไส้อาเจียน มี blood glucose ลดลง ในรายรุนแรงอาจพบมีได้
ระบบการมองเห็น
จากการหดรัดตัวของหลอดเลือดที่จอตา ทำให้เกิด retinal edema เกิดอาการตาพร่ามัว มองเห็นผิดปกติ ทำให้เกิดการหลุดของจกตา อาจทำให้เกิดอาการตาบอด
ระบบประสาท
ทำให้เกิดการแตกของหลอดเลือดฝอย มีเลือดออกในสมองเป็นจุดเลือดเล็ก ๆ หรือเป็นก้อนใหญ่และผลจากหลอดเลือดหดเกร็งทำให้เกิด cortical brain spasm และเกิด cerebral ischemia ส่งผลให้มีสมองบวม
รก และมดลูก
การทำหน้าที่ของรกเสื่อมลง เกิดภาวะ uteroplacental insufficiency มีผลให้เกิดภาวะทารกโตช้าในครรภ์ในกรณีที่ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอจะชักนำให้เกิด fetal acidosis, mental retardation หรือ death ได้ ในบางรายอาจเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เนื่องจาก placental ischemia และ infarction
ระบบหัวใจและปอด
สตรีที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษที่มีการเสียเลือดจะเกิดภาวะความดันโลหิตต่ำได้เร็ว และการได้รับสารน้ำประมาณมากอย่างรวดเร็วจะทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมปอดได้ง่าย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ นี้จะส่งผลให้เกิดการทำงานของหัวใจล้มเหลวได้
ระบบเลือดและการแข็งตัวของเลือด
ทำให้เกิด intravascular hemolysis คือมีการแตกและการทำลายเม็ดเลือดแดง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงเคลื่อนผ่านหลอดเลือดที่มีการหดเกร็งและมีขนาดเล็กลง ซึ่งนำไปสู่ภาวะ hemoglobulonemia และ hyperbillirubinemia
ระบบไต
ปริมาณการไหลเวียนที่ไตลดลง ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในเนื้อเยื่อ interstitial space และเกิดอาการบวมน้ำของอวัยวะต่าง ๆ ภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด หากเกิดภาวะ hypovolemic shock และได้รับสารน้ำหรือเลือดทดแทนไม่ทันจะทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ง่าย
การพยาบาล
preeclampsia without severe features
ดูแลให้นอนพักบนเตียงในท่านอนตะแคงซ้าย
เฝ้าระวัง ติดตาม อาการและอาการแสดงของ preeclampsia ที่รุนแรงขึ้น
ดูแลและติดตามประเมินผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้รับประทานอาหารธรรมดา บันทึกสารน้ำเข้าและออกจากร่างกาย และชั่งน้ำหนัก
ดูแลติดตามการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
ประเมินและให้การประคับประคองสภาวะทางอารมณ์ และจิตใจอย่างเหมาะสม
preeclampsia with severe features
ดูแลให้นอนพักบนเตียงอย่างเต็มที่
ประเมินสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง
บันทึกปริมาณสารน้ำเข้าและออกในแต่ละวัน
ประเมินอาการนำก่อนการชัก
ดูแลให้ยาป้องกันชัก MgSO4 ตามแผนการรักษา
ดูแลให้ยาลดความดันโลหิตตามแผนการรักษา เช่น hydralazine
ดูแลและส่งเสริมการขับสารน้ำออกจากร่างกาย โดยให้นอนตะแคงซ้าย บันทึกปริมาณสาน้ำเข้าและออกจากร่างกาย สังเกตอาการบวม ชั่งน้ำหนัก และดูแลการได้รับยาขับปัสสาวะตามแผนการรักษา
ติดตามประเมินระดับ oxygen saturation
ดูแลให้ทารกปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน
ดูแลให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงอย่างปลอดภัย
eclampsia
ใส่ oral airway หรือ mouth gagเพื่อป้องกันการสำลัก
จัดให้นอนตะแคง ใส่ไม้กั้นเตียง โดยใช้หมอนรองรับรอบด้าน
ให้ออกซิเจนขณะชัก และภายหลังชัก และประเมินความรุนแรงของการขาดออกซิเจน
ดูแลให้ได้รับยาระงับชักตามแผนการรักษา
ประเมินสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง
บันทึกปริมาณสารน้ำเข้าและออกจากร่างกาย
สังเกตและบันทึกอาการทางสมอง
สังเกตและบันทึกอาการนำของการชัก
รายงานแพทย์เมื่อมีอาการนำของการชักหรือขณะชัก
ให้งดอาหารและน้ำตามแผนการรักษา
จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ และลดสิ่งกระตุ้นให้เกิดการชัก
ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์เป็นระยะ
เตรียมสตรีตั้งครรภ์เพื่อคลอดตามสถานการณ์
ดูแลป้องกันการชักซ้ำภายหลังคลอด
ดูแลป้องกันการตกเลือดหลังคลอด ดูแลทารกแรกเกิด
ยาที่ใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ยาป้องกันการชัก
Magnesium Sulfate (MgSO4)
ยามีฤทธิ์ทำให้เกิดการขยายตัวของ หลอดเลือด เพิ่มการไหวเวียนเลือดไปเลี้ยงที่มดลูกและไต ทำให้ความดันโลหิตลดลงได้บ้าง แต่ส่งผลให้ความถี่ และความแรงของการหดรัดตัวของมดลูกลดลงด้วย
ผลข้างเคียง
มีการหดรัดตัวจนปัสสาวะออกน้อยลง
อาการร้อนวูบวาบทั้งตัว เซื่องซึมและง่วงนอน มีเหงื่อออกมาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง รีเฟล็กซ์ลดลง อุณหภูมิร่างกายต่ำลง ปัสสาวะออกน้อย คลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว สับสน ท้องผูก ผลข้างเคียงที่เกิดกับทารกแรกเกิดหลังมารดาได้รับยา 2 ชั่วโมง ได้แก่ ซึม ความตึงตัวของกล้ามเนื้อไม่ดี ตัวอ่อนปวกเปียก
MgSO4 ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว
ยาลดความดันโลหิต
Hydralazine
ยาออกฤทธิ์โดยตรงที่กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดคลายตัวมีผลทำให้ความดันโลหิตลดลง cardiac output มากขึ้น และเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงรกดีขึ้น
ผลข้างเคียง
ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น หัวใจเต้นผิดปกติ จังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ จุกเสียดยอดอกซึ่งอาจทำให้สับสนกับอาการที่เกิดขึ้นจากพยาธิสภาพของ preeclampsia with severe features
Labetalol
ออกฤทธิ์ยับยั้งระบบประสาท syspathetic ส่วนปลาย มีผลลดความต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลาย เป็นยาที่ควบคุมความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ได้ดี
ผลข้างเคียง
ความดันโลหิตต่ำ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ คัดจมูก หายใจลำบาก เหนื่อยล้า ปฏิกิริยาภูมิไวเกิน ภาวะหัวใจล้มเหลว
ข้อควรระวัง
ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ลุกขึ้น ควรนอนพักอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลังได้รับยา เฝ้าระวังและติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ และเฝ้าระวัง neonatal bradycardia ในทารกแรกเกิด
Nifedipine
ออกฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตโดยการป้องกัน calcium เข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานน้อยลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลง และออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดส่วนปลายคลายตัว
ผลข้างเคียง
ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้
เหงือกอักเสบ ท้องผูก
หากใช้ยานี้ร่วมกับ MgSO4 จะเสริมฤทธิ์กัน ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงทารกในครรภ์ไม่เพียงพอ
ข้อควรระวัง
ในการใช้ยานี้ในสตรีตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 1 และ 2 เนื่องจากยามี teratogenic effects ยายังสามารถผ่านน้ำนมได้ จึงควรพิจารณาอย่างระมัดระวังในมารดาหลังคลอดที่ต้องการเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมมารดา
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
สตรีที่ไม่เคยคลอดบุตรมาก่อน
ดัชนีมวลกายตั้งแต่ 30 kg/m2 ขึ้นไป
การตั้งครรภ์แฝด
สตรีอายุมากขึ้นตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
ประวัติพันธุกรรมครรภ์เป็นพิษในครอบครัวของสตรีตั้งครรภ์
ประวัติครรภ์เป็นพิษในครรภ์ก่อน
มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 7 เท่า
ความผิดปกติทางสูติกรรม
ภาวะโภชนาการบกพร่อง เช่น ขาดวิตามินซี
วิตามินอี ขาดแคลเซียม เป็นต้น
ผ่านการคลอดบุตรคนก่อนมาอย่างน้อย 10 ปี
มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ประวัติมีความเจ็บป่วยทางอายุรกรรมที่เกี่ยวข้อง
อาการปละอาการแสดง
ภาวะ preeclampsia
อาการแสดง
Eclampsia คือ มีอาการชักแบบชักทั้งตัว
เลือดออกในสมอง
น้ำท่วมปอด
ตาบอดจากพยาธิสภาพของครรภ์เป็นพิษในสมอง
Systolic BP ≥ 160 mmHg. หรือ Diastolic BP ≥ 110 mmHg.
อาการ
การทำงานของตับผิดปกติ ระดับเอนไซม์ AST และ/หรือ ALT สูงกว่า 70 IU/L หรือมากกว่า 2 เท่าของค่าเดิม
เกล็ดเลือดต่ำ มี platelet count < 100,000 ต่อไมโครลิตร
ภาวะไตวาย serum creatinine ≥ 1.1 mg/dL
ระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
HELLP syndrome
ภาวะ Eclampsia
ระยะหมดสติ
เกิดภายหลังการชักกระตุก นอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ในสภาพหมดแรงทำให้คาร์บอนไดออกไซด์คั่งเกิดภาวะ repiratory acidosis ร่างกายมีการปรับโดยการหายใจเร็วอาจมีอาการหมดสติ ทำให้ระยะนี้ใช้เวลาต่างกันไปในแต่ละราย หากไม่ได้รับการรักษาจะมีอาการชักซ้ำได้อีกในเวลาที่ถี่ขึ้น
ระยะก่อนชัก
มีอาการแสดงบอกล่วงหน้าเช่น กระสับกระส่าย ตามองนิ่งอยู่กับที่ ศีรษะหมุนไปด้านหนึ่งจนตึง และรูม่านตาขยาย
ระยะชักเกร็ง
มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ลำตัวเหยียด ศีรษะหงายไปด้านหลัง มือกำแน่น แขนงด ขาบิดเข้าด้านใน และตาถลน ถ้ากล้ามเนื้อที่ช่วยการหายใจหดรัดตัวมาก อาจมีการหยุดหายใจ หน้าเขียว ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 15-10 วินาที
ระยะเริ่มแรกของอาการชัก
มีอาการกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและมุมปากกระตุก ริมฝีปากเบี้ยว ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที
ระยะชักกระตุก
จะมีการกระตุกของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายอย่างแรงมีน้ำลายฟูมปาก ใบหน้าบวมสีม่วง ตาแต้มเลือด หนังตาจะปิดและเปิดสลับกันอย่างรวดเร็วเกิดกระดูกหักได้ การเกร็งกระตุกของกล้ามเนื้อจะค่อยๆ เบาลงจนหายไป ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที
ผลกระทบ
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
รกลอกตัวก่อนกำหนด เลือดแข็งตัวผิดปกติ
หัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว
ไตวายเฉียบพลัน น้ำท่วมปอด
เลือดออกในสมอง เลือดออกในตับ
เกล็ดเลือดต่ำ การหลุดของเรตินา
หลอดเลืออุดตัน
อันตรายจากการชัก
ผลกระทบต่อทารก
ขาดออกซิเจน เลือดเป็นกรด
ทารกโตช้าในครรภ์
แท้งหรือเสียชีวิตในครรภ์
ทารกตายในครรภ์เฉียบพลัน
หรือตายในระยะแรกเกิด
ทารกคลอดก่อนกำหนด
กรณีที่ได้รับการรักษาด้วย magnesium sulfate ในระยะคลอด ซึ่งยานี้ผ่านรกไปสู่ทารกได้ ทารกแรกเกิดอาจมีรีเฟล็กซ์ และการหายใจไม่ดี แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปภายใน 3-4 วัน
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติ
ซักประวัติเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ประวัติอาการและอาการแสดงของภาวะ preeclampsia
การตรวจร่างกาย
การประเมินความดันโลหิต
การประเมินระดับรีเฟล็กซ์
การประเมินอาการบวม
ประเมินอาการบวมกดบุ๋ม
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC
platelet count
liver function test
renal functiontest
cogulation profile
ตรวจพิเศษเพื่อทำนาย
การเกิด preeclampsia
Isometric exercise
Doppler velocimetry
Roll over test
Specific blood testing
Angiotensin sensitivity test
Mean arterial blood pressure
แนวทางการรักษา
preeclampsia without severe features
การนอนพัก ดูแลควบคุมไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น เฝ้าระวัง การเกิด sever features และทำให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปจนครบกำหนดคลอด
preeclampsia with severe features
การป้องกันการชัก ควบคุมความดันโลหิต และยุติการตั้งครรภ์
eclampsia
ควบคุมการชัก แก้ไขภาวะพร่องออกซิเจนและความเป็นกรดในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต และยุติการตั้งครรภ์เมื่อควบคุมอาการชักได้แล้ว