Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะอาเจียนอย่างรุนแรง (Hyperemesis gravidarum) - Coggle Diagram
ภาวะอาเจียนอย่างรุนแรง
(Hyperemesis gravidarum)
อาการและอาการแสดง
หากอาการอาเจียนไม่รุนแรงมาก สามารถทํากิจวัตรประจําวันได้ตามปกติ น้ําหนักจะลดลง เล็กน้อย
หากอาการอาเจียนรุนแรงมากขึ้น คือมีอาการอาเจียน 5-10 ครั้งต่อวัน หรือมากกว่า เป็นเวลา หลายวัน จะมีอาการ ดังนี้
3 เกิดความไม่สมดุลของร่างกาย เกิดภาวะ acidosis และ alkalosis และความไม่สมดุล ของเกลือแร่
4 ลมหายใจมีกลิ่นอะซิโตน , ตรวจพบคีโนในปัสสาวะ
2 มีอาการแสดงของภาวะขาดสารน้ํา (dehydration) ได้แก่ อ่อนเพลีย ทํากิจวัตร ประจําวันไม่ได้ ริมฝีปากแห้ง ฯลฯ
5 มีอาการแสดงของกลุ่มอาการ Wenicke’s encephalopathy จากการขาดวิตามินบี 1
1 ขาดสารอาหาร และน้ําหนักลดลงมาก
6 มีอาการแสดงทางด้านจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น
1.มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง เป็นระยะเวลานานอาจตลอดทั้งวัน
การพยาบาล
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
2.3 ดูแลความสะอาดของช่องปากและฟัน ขณะที่ NPO หรือหลังจากอาเจียน
2.4 ดูแลให้ได้รับสารน้ําทางหลอดเลือดดํา เพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ํา
2.2 หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
2.5 ดูแลให้ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ตามแผนการรักษา
2.1 ดูแลให้งดอาหารและน้ําทางปาก
2.6 บันทึกปริมาณสารน้ําเข้าออกจากร่างกาย โดยเฉพาะ urine output ไม่ควรน้อยกว่า 1,000 ml. ต่อวัน
2.7 จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน
2.8 เมื่ออาการดีขึ้น ให้เริ่มรับประทานอาหารมื้อละน้อยแต่บ่อยครั้ง
2.12ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือสตรีตั้งครรภ์ อย่างใกล้ชิด
2.9 ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก จําเป็นต้องให้อาหารทางสายยาง
2.10 ติดตามชั่งน้ําหนัก เพื่อประเมินว่าได้รับสารน้ําและสารอาหารเพียงพอหรือไม่
2.11 ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และรายงานแพทย์ให้ทราบทันที
2.14 ปรึกษาและส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คําปรึกษา
2.13 ดูแลด้านจิตใจโดยการอยู่เป็นเพื่อน ให้กําลังใจ
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
3.4 แนะนําการออกกําลังกายหรือกายบริหารเบาๆ อย่างสม่ําเสมอ
3.5 แนะนําให้หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดความเครียด
3.3 แนะนําให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย
3.6 อธิบายให้คู่สมรสและครอบครัวเข้าใจถึงภาวะที่เกิดขึ้น
3.2 แนะนําให้ดื่มน้ําอุ่นทันที่ตื่นนอนประมาณครึ่งแก้ว
3.7 แนะนําให้เห็นความสําคัญของการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ําเสมอ
3.1ให้เริ่มรับประทานอาหารมื้อละน้อยแต่บ่อยครั้ง
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก
1.10 ช่วยประคับประคองด้านจิตใจ โดยเปิดโอกาสให้สตรีตั้งครรภ์ได้พูดถึงปัญหา
1.5 แนะนําให้รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว
1.4 รับประทานอาหารแข็งที่ย่อยง่าย
1.6 แนะนําให้รับประทานผลไม้
1.3 แนะนําให้จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ
1.7 แนะนําวิธีการรับประทานยาแก้อาเจียนตามแผนการรักษา
1.2 แนะนําวิธีการป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน
3 รับประทานอาหารเหลว อาหารน้ํา หรือดื่มน้ําระหว่างมื้ออาหารแทนการดื่มพร้อมรับประทานอาหาร
4 หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารที่มีกลิ่นแรง
2 งดอาหารไขมัน เพราะย่อยยาก ทําให้คลื่นไส้ ควรรับประทานอาหารแข็ง ย่อยง่าย
5 หลังรับประทานอาหารไม่ควรนอนทันที
6 ดูแลความสะอาดของปากและฟัน บ้วนปากบ่อยๆ
7 แนะนําการพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
1 การรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
1.8 สอนวิธีการประเมินโภชนาการ การคํานวณ พลังงานที่ได้รับจากอาหารที่บริโภค และ การชั่งน้ําหนัก
1.1 อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดภาวะอาเจียนรุนแรง และ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
1.9 ให้คําปรึกษาในการปรับแบบแผนการรับประทานอาหาร
1.11 แนะนําให้มาพบแพทย์เมื่อมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากขึ้น
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
ผลกระทบต่อมารดา
เกิดภาวะความเป็นกรดในร่างกาย เกิดภาวะกรดในกระแสเลือด
ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ร่างกายเสียสมดุลของอิเลคโตรลัยท์ เกิดภาวะ hypokalemia, alkalosis กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ทําให้ร่างกายเกิดการขาดน้ํา ทําให้อุณหภูมิสูงขึ้น ชีพจรเบาเร็วและความดันโลหิตต่ําลง
เกิดภาวะขาดสารอาหาร มีผลกระทบต่อตับ ค่า SGOT เพิ่มขึ้น มีอาการของการขาด วิตามิน
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
หากสตรีตั้งครรภ์อาการรุนแรงมาก เกิดภาวะเป็นกรดในร่างกาย อาจทําให้ทารกมีอาการ ทางสมอง เกิดภาวะ Wernicke’s encephalopathy
อาจทําให้แท้ง คลอดก่อนกําหนด ทารกอาจตายคลอด และทารกพิการ (Fetal anomalies) จากการขาดสารอาหารได้
หากสตรีตั้งครรภ์มีน้ําหนักลดลงมาก จะทําให้ทารกในครรภ์เติบโตช้า และน้ําหนักแรก คลอดน้อยกว่าปกติ
สาเหตุ
ปัจจัยด้านมารดา
3.มีพฤติกรรมบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม
4.มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
2.มีประวัติแพ้ท้องอย่างรุนแรง
5.กระเพาะอาหารมีการเคลื่อนไหลลดลง
1.ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง
6.สภาพจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล
ปัจจัยด้านทารก
1.ทารกมีความผิดปกติเกี่ยวกับโครโมโซม triploidy, trisomy 21
2.ทารกบวมน้ํา (hydrops fetalis)
การวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1 การตรวจเลือด
คลอไรด์ต่ำ
SGOTสูง
โปแตสเซียมต่ำ
LFT สูง
โซเดียมต่ำ
โปรตีนในเลือดต่ำ
ฮีมาโตคริตสูง BUN สูง
2 การตรวจปัสสาะ
ไข่ขาวในปัสสาวะเพิ่มขึ้น
พบคีโตนในปัสสาวะ
ความถ่วงจําเพาะสูง
ถ้ามีอาการรุนแรงมาก อาจพบน้ําดีในปัสสาวะได้
การตรวจพิเศษ เพื่อค้นหาสาเหตุของความผิดปกติ
การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
และการเจาะตรวจน้ําคร่ำ
การซักประวัติ ตรวจร่างกาย ประเมินจากอาการและอาการแสดงของ การอาเจียนรุนแรง การ ขาดสารน้ําขาดสารอาหาร น้ําหนักตัว และสภาพจิตใจ
แนวทางการรักษา
การรักษาด้วยยา
4.1 ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ได้แก่ Metoclopramide
4.2 วิตามิน ได้แก่ วิตามินบี 6 (Pyridoxine)
4.3 ยาคลายกังวล และยานอนหลับ ได้แก่ Diazepam
หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อม และสิ่งกระตุ้นที่ทําให้คลื่นไส้อาเจียน
หากอาการรุนแรงมาก ควรงดอาหารและน้ําทางปาก และรีบแก้ไขภาวะขาดน้ํา
กรณีที่รักษาด้วยวิธีต่างๆ แล้วอาการไม่ดีขึ้น จะต้องทําการวินิจฉัยเพื่อค้นหาสาเหตุของโรคที่ แท้จริง เพื่อทําการรักษาอย่างเหมาะสม
หากอาการไม่รุนแรงสามารถรับประทานอาหารได้ แนะนําให้รับประทานอาหารที่ช่วยทดแทน เกลือแร่ที่สูญเสียไปกับการอาเจียน
เมื่ออาการแพ้ท้องรุนแรงดีขึ้น ให้คําแนะนํา
5.1ให้รับประทานอาหารอ่อนครงั้ละน้อยแต่บ่อยครั้งทุก2-3ชั่วโมง
5.2 รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้
ควรวินิจฉัยแยกโรคภาวะอาเจียนอย่างรุนแรงจากอาการของ
โรคอื่นๆ