Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะอาเจียนอย่างรุนแรง (Hyperemesis gravidarum) - Coggle Diagram
ภาวะอาเจียนอย่างรุนแรง (Hyperemesis gravidarum)
การพยาบาล
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก
แนะนำให้รับประทานผลไม้
แนะนำวิธีการรับประทานยาแก้อาเจียนตามแผนการรักษา
แนะนำให้รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว
สอนวิธีการประเมินโภชนาการ การคำนวณ พลังงานที่ได้รับจากอาหารที่บริโภค
แนะนำให้จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ
ให้คำปรึกษาในการปรับแบบแผนการรับประทานอาหาร
รับประทานอาหารแข็งที่ย่อยง่าย
ช่วยประคับประคองด้านจิตใจ โดยเปิดโอกาสให้สตรีตั้งครรภ์ได้พูดถึงปัญหา ให้การ
ปรึกษาเพื่อการแก้ไข
แนะนำวิธีการป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน
รับประทานอาหารเหลว อาหารน้ำ
งดอาหารไขมัน เพราะย่อยยาก ทำให้คลื่นไส้
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารที่มีกลิ่นแรง
หลังรับประทานอาหารไม่ควรนอนทันที
ดูแลความสะอาดของปากและฟัน บ้วนปากบ่อยๆ
การรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
แนะนำการพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
แนะนำให้มาพบแพทย์เมื่อมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากขึ้น
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดภาวะอาเจียนรุนแรง
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
บันทึกปริมาณสารน้ำเข้าออกจากร่างกาย โดยเฉพาะ urine output
จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน
ดูแลให้ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ตามแผนการรักษา
เมื่ออาการดีขึ้น ให้เริ่มรับประทานอาหารมื้อละน้อยแต่บ่อยครั้ง
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำ
ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก จำเป็นต้องให้อาหารทางสายยาง หรือให้สารอาหารทดแทน
ดูแลความสะอาดของช่องปากและฟัน ขณะที่ NPO หรือหลังจากอาเจียน
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และรายงานแพทย์ให้ทราบทันที
หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
ดูแลให้งดอาหารและน้ำทางปาก (Nothing Per Oral: NPO) อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
ติดตามชั่งน้ำหนัก
แนะนำให้คู่สมรสหรือบุคคลในครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแล
4 ปรึกษาและส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาด้านจิตใจ
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
แนะนำการออกกำลังกายหรือกายบริหารเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ
แนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดความเครียด ทำจิตใจให้สบาย และใช้เทคนิคการ
ผ่อนคลาย
แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย อย่างน้อย 8 ชั่วโมงในเวลา
กลางคืน และกลางวันอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
อธิบายให้คู่สมรสและครอบครัวเข้าใจถึงภาวะที่เกิดขึ้น
แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นทันที่ตื่นนอนประมาณครึ่งแก้ว แล้วนอนต่ออีกประมาณ 15 นาที
แนะนำให้เห็นความสำคัญของการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และสังเกตอาการ
ผิดปกติ
แนะนำการรับประทานอาหาร
อาการและอาการแสดง
หากอาการอาเจียนไม่รุนแรงมาก สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
หากอาการอาเจียนรุนแรงมากขึ้น คือมีอาการอาเจียน 5-10 ครั้งต่อวัน หรือมากกว่า เป็นเวลา
หลายวัน
เกิดความไม่สมดุลของร่างกาย เกิดภาวะ acidosis และ alkalosis และความไม่สมดุล
ของเกลือแร
ลมหายใจมีกลิ่นอะซิโตน
มีอาการแสดงของภาวะขาดสารน้ำ (dehydration)
มีอาการแสดงของกลุ่มอาการ Wenicke’s encephalopathy
ขาดสารอาหาร และน้ำหนักลดลงมาก
มีอาการแสดงทางด้านจิตใจ
มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
ผลกระทบต่อมารดา
เกิดภาวะความเป็นกรดในร่างกาย เกิดภาวะกรดในกระแสเลือด
ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ร่างกายเสียสมดุลของอิเลคโตรลัยท์
ทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำ ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ชีพจรเบาเร็วและความดันโลหิตต่ำลง
เกิดภาวะขาดสารอาหาร มีผลกระทบต่อตับ ค่า SGOT เพิ่มขึ้น มีอาการของการขาด
วิตามิน
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
หากสตรีตั้งครรภ์อาการรุนแรงมาก เกิดภาวะเป็นกรดในร่างกาย อาจทำให้ทารกมีอาการ
ทางสมอง
อาจทำให้แท้ง คลอดก่อนกำหนด ทารกอาจตายคลอด และทารกพิการ
หากสตรีตั้งครรภ์มีน้ำหนักลดลงมาก จะทำให้ทารกในครรภ์เติบโตช้า และน้ำหนักแรก
คลอดน้อยกว่าปกติ
แนวทางการรักษา
หากอาการรุนแรงมาก ควรงดอาหารและน้ำทางปาก และรีบแก้ไขภาวะขาดน้ำ ความไม่สมดุล
ของเกลือแร่ และความเป็นกรด-ด่างของเลือด
ควรวินิจฉัยแยกโรคภาวะอาเจียนอย่างรุนแรงจากอาการของโรคอื่นๆ
หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อม และสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คลื่นไส้อาเจียน
หากอาการไม่รุนแรงสามารถรับประทานอาหารได้แนะนำให้รับประทานอาหารที่ช่วยทดแทน
เกลือแร่ที่สูญเสียไปกับการอาเจียน
กรณีที่รักษาด้วยวิธีต่างๆ แล้วอาการไม่ดีขึ้น จะต้องทำการวินิจฉัยเพื่อค้นหาสาเหตุของโรคที่
แท้จริง เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม
การรักษาด้วยยา
ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน : Metoclopramide 5-10 mg.
วิตามิน : วิตามินบี 6 (Pyridoxine) 10-25 mg.
ยาคลายกังวล และยานอนหลับ : Diazepam 2 mg. 1 เม็ด
เมื่ออาการแพ้ท้องรุนแรงดีขึ้น ให้คำแนะนำ
ให้รับประทานอาหารอ่อน ครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้งทุก 2-3 ชั่วโมง ควรรับประทานอาหาร
ที่มีโปรตีนสูง ขนมปังกรอบ หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด อาหารมัน
รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ เช่น น้ำขิง
การวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจเลือด
การตรวจปัสสาวะ
การตรวจพิเศษ เพื่อค้นหาสาเหตุของความผิดปกติ
การซักประวัติตรวจร่างกาย ประเมินจากอาการและอาการแสดงของ การอาเจียนรุนแรง
สาเหตุ
ปัจจัยด้านมารดา
กระเพาะอาหารมีการเคลื่อนไหวลดลง จากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรน
(progesterone) ขณะตั้งครรภ์
สภาพจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล ที่อาจมีสาเหตุต่าง ๆ
มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เหมาะสมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
มีประวัติการแพ้ท้องอย่างรุนแรงในครรภ์ก่อน
การตั้งครรภ์ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) สูง หรือมีระดับ human
chorinoic gonadotropin (hCG) เพิ่มมากกว่าปกติ
ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่อาจเกิดจากปัจจัยส่งเสริม
ปัจจัยด้านทารก
ทารกมีความผิดปกติเกี่ยวกับโครโมโซม triploidy, trisomy 21 และ
ทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)