การพยาบาลมารดาและทารกที่มีภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรมขณะตั้งครรภ เรื่อง1. ภาวะอาเจียนอย่างรุนแรง (Hyperemesis gravidarum)

การวินิจฉัย

สาเหตุ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่อาจเกิดจากปัจจัยส่งเสริมดังนี้

อาการและอาการแสดง

ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์

  1. ปัจจัยด้านมารดา ได้แก่
  1. ปัจจัยด้านทารก ได้แก่ ทารกมีความผิดปกติเกี่ยวกับโครโมโซม triploidy, trisomy 21 และ ทารกบวมน้ํา (hydrops fetalis)

การตั้งครรภ์ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) สูง หรือมีระดับ human chorinoic gonadotropin (hCG) เพิ่มมากกว่าปกติ

มีประวัติการแพ้ท้องอย่างรุนแรงในครรภ์ก่อน หรือเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก

มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เหมาะสมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) สูง หรือมีระดับ human chorinoic gonadotropin (hCG) เพิ่มมากกว่าปกติ

มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร

กระเพาะอาหารมีการเคลื่อนไหวลดลง

สภาพจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล ที่อาจมีสาเหตุต่าง ๆ

อาการรุนไม่มาก เช่น น้ําหนักจะลดลง เล็กน้อย ไม่มีอาการขาดน้ําและสารอาหาร

อาการรุนมาก

มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง เป็นระยะเวลานานอาจตลอดทั้งวัน

มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เหมาะสมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์

มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหารหรือลําไส้อักเสบ ถุงน้ําดี อักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ ลําไส้อุดตัน การติดเชื้อของระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะจาก เชื้อ Helicobacter pylori (H. pylori)

มีประวัติการแพ้ท้องอย่างรุนแรงในครรภ์ก่อน หรือเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก

กระเพาะอาหารมีการเคลื่อนไหวลดลง จากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรน (progesterone) ขณะตั้งครรภ์ ทําให้หลั่งกรดไฮโดรคลอริค (hydrochloric acid: HCI) ลดลง

การตั้งครรภ์ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) สูง หรือมีระดับ human chorinoic gonadotropin (hCG) เพิ่มมากกว่าปกติ

สภาพจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล ที่อาจมีสาเหตุต่าง ๆ เช่น การตั้งครรภ์ไม่ พึงประสงค์ ความรู้สึกสองฝักสองฝ่ายในการตั้งครรภ์ ปัญหาในชีวิตสมรส ปัญหาการปรับเปลี่ยน บทบาทการเป็นมารดา

ผลกระทบต่อมารดา

ผลกระทบต่าทารกในครรภ์

  1. เกิดภาวะความเป็นกรดในร่างกาย เกิดภาวะกรดในกระแสเลือด
  1. ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ร่างกายเสียสมดุลของอิเลคโตรลัยท์ เกิดภาวะ hypokalemia, alkalosis กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  1. ทําให้ร่างกายเกิดการขาดน้ํา ทําให้อุณหภูมิสูงขึ้น ชีพจรเบาเร็วและความดันโลหิตต่ำลง
  1. เกิดภาวะขาดสารอาหาร มีผลกระทบต่อตับ ค่า SGOT เพิ่มขึ้น มีอาการของการขาด วิตามิน
  1. หากสตรีตั้งครรภ์อาการรุนแรงมาก เกิดภาวะเป็นกรดในร่างกาย อาจทําให้ทารกมีอาการ ทางสมอง เกิดภาวะ Wernicke’s encephalopathy
  1. อาจทําให้แท้ง คลอดก่อนกําหนด ทารกอาจตายคลอด และทารกพิการ (Fetal anomalies) จากการขาดสารอาหารได้
  1. หากสตรีตั้งครรภ์มีน้ําหนักลดลงมาก จะทําให้ทารกในครรภ์เติบโตช้า และน้ําหนักแรก คลอดน้อยกว่าปกติ
  1. LAB
  1. การตรวจพิเศษ : U/S, amniocentesis
    Twin pregnancy, molar pregnancy, trisomy21, hydrops fetalis
  1. HX., PE, signs & symptoms : การอาเจียนรุนแรง, dehydration, BW, สภาพจิตใจ

2.1 Blood:Hct. สูง, BUN สูง, SGOT สูง, LFT สูง,Na ต่ำ, K ต่ำ, Cl. ต่ำ , Protein ต่ำ

2.2 Urine : ความถ่วงจำเพาะสูง, albumin เพิ่มขึ้น, ketonuria, ถ้าอาการรุนแรงมาก อาจพบน้ำดีในปัสสาวะได้

แนวทางการรักษา

  1. ยาแกอาเจียน Vitamin และยาคลายกังวล ยานอนหลับ
  1. เมื่ออาการแพ้ท้องรุนแรงดีขึ้น
  1. หากอาการรุนแรงมาก
  1. หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อม และสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คลื่นไส้อาเจียน : กลิ่น ความร้อน ความชื้น เสียงดัง แสงไฟ
  1. อาการไม่รุนแรงสามารถรับประทานอาหารได้ แนะนำให้ได้รับอาหารทดแทนการสูญเสียเกลือแร่ อาหารที่มี K และ Mg
  1. กรณีที่รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ต้องทำการวินิจฉัยเพื่อค้นหาสาเหตุของโรค เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม
  1. วินิจฉัยแยกจากอาการอื่น: hepatitis, PU, enteritis, appendicitis, molar pregnancy

แก้ไขภาวะขาดน้ำ ความไม่สมดุลของเกลือแร่ และความเป็นกรด-ด่างของเลือด

5% D/NSS 1,000 ml. IV

NPO

parenteral nutrition therapy ให้ได้แคลอรี่มากกว่า 2,000 แคลอรี่/วัน

รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้

รับประทานเป็นแคปซูลขิง ขนาดที่ใช้ 1-15 กรัมต่อวัน (แคปซูลละ 250 mg. รับประทานวันละ 4 ครั้ง)

ให้รับประทานอาหารอ่อนครงั้ละน้อยแต่บ่อยครั้งทุก2-3ชั่วโมง

หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดอาหารมันหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นทําให้คล่นืไส้ อาเจียน

การพยาบาล

  1. การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก
  1. การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
  1. ดูแลความสะอาดของปากและฟัน บ้วนปากบ่อยๆ ไม่ควรให้ปากแห้งแตกและ สกปรก
  1. แนะนําการพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
  1. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารที่มีกลิ่นแรง
  1. การรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง งดอาหารไขมัน

6.ยาแก้อาเจียนควร รับประทานก่อนอาหารประมาณ 30 นาที

1 อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดภาวะอาเจียนรุนแรง และ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

  1. ช่วยประคับประคองด้านจิตใจ โดยเปิดโอกาสให้สตรีตั้งครรภ์ได้พูดถึงปัญหา
  1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
  1. ดูแลความสะอาดของช่องปากและฟัน ขณะที่ NPO
  1. NPO อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
  1. ดูแลให้ได้รับสารน้ําทางหลอดเลือดดํา เพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ํา โดยดูแลให้ได้รับสารน้ํา ทดแทนประมาณ 3,000 ml. ใน 24 ชั่วโมง โดยอาจผสม glucose, vitamins, electrolyte ต่างๆ ใน สารน้ํา
  1. บันทึกปริมาณสารน้ําเข้าออกจากร่างกาย โดยเฉพาะ urine output ไม่ควรน้อยกว่า 1,000 ml. ต่อวัน
  1. แนะนําให้คู่สมรสหรือบุคคลในครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือสตรีตั้งครรภ์ อย่างใกล้ชิด
  1. การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
  1. ปรึกษาและส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คําปรึกษา
  1. แนะนําให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย อย่างน้อย 8 ชั่วโมงในเวลา กลางคืน และกลางวันอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
  1. แนะนําการออกกําลังกายหรือกายบริหารเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย สามารถลดความเครียด ความวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
  1. แนะนําให้ดื่มน้ําอุ่นทันที่ตื่นนอนประมาณครึ่งแก้ว แล้วนอนต่ออีกประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะลุกขึ้นปฏิบัติกิจวัตรประจําวัน
  1. แนะนําให้เห็นความสําคัญของการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และสังเกตอาการ ผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ก่อนวันนัด