Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะอาเจียนรุนแรงในระยะตั้งครรภ์ (Hyperemesis gravidarum), morning-blog…
ภาวะอาเจียนรุนแรงในระยะตั้งครรภ์
(Hyperemesis gravidarum)
สาเหตุ
ปัจจัยด้านทารก
ทารกมีความผิดปกติเกี่ยวกับโครโมโซม triploidy, trisomy 21
และ ทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)
ปัจจัยด้านมารดา
มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เหมาะสมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
เช่น รับประทานอาหารที่ มีไขมันสูง ขาดวิตามินบางชนิดโดยเฉพาะวิตามินบี 6
กระเพาะอาหารมีการเคลื่อนไหวลดลง จากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน
โปรเจสเตอร์โรน (progesterone) ขณะตั้งครรภ์ ทำให้หลั่งกรด
ไฮโดรคลอริค (hydrochloric acid: HCI) ลดลง
มีประวัติการแพ้ท้องอย่างรุนแรงในครรภ์ก่อน หรือเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก
สภาพจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล
การตั้งครรภ์ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) สูง
หรือมีระดับ human chorinoic gonadotropin (hCG) เพิ่มมากกว่าปกติ
อาการและอาการแสดง
หากอาการอาเจียนไม่รุนแรงมากน้ำหนักจะลดลง เล็กน้อย
ไม่มีอาการขาดน้ำและสารอาหาร
มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง เป็นระยะเวลานาน ตลอดทั้งวัน อาการรุนแรงอาจเพิ่มมากขึ้นจนไม่สามารถยับยั้งได้
หากอาการอาเจียนรุนแรงมากขึ้น คือมีอาการอาเจียน 5-10 ครั้งต่อวัน หรือมากกว่า เป็นเวลา หลายวัน
ลมหายใจมีกลิ่นอะซิโตน (acetone)
ตรวจพบคีโนในปัสสาวะ (ketonuria)
มีีอาการแสดงของกลุ่มอาการ Wenicke’s encephalopathy
จากการขาดวิตามินบี 1 มองเห็นภาพซ้อน เซ และสับสน
ปากคอแห้ง กระหายน้ำ กล้ามเนื้อกระตุกหรืออ่อนแรง
ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
มีอาการแสดงทางด้านจิตใจ เช่น ความเครียด
ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า
อ่อนเพลีย ทำกิจวัตร ประจำวันไม่ได้ ริมฝีปากแห้ง ตาโหลลึก
ผิวหนังแห้งขาดความชุ่มชื้น มีไข้ ปัสสาวะออกน้อย ความดันโลหิตลดลง
เวียนศีรษะ หน้ามืด ซึมลง สับสน
ขาดสารอาหาร และน้ำหนักลดลงมาก
การพยาบาล
สตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก
ให้คำปรึกษาในการปรับแบบแผนการรับประทานอาหาร เพื่อให้ได้พลังงานและ สารอาหารที่เพียงพอ 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
แนะนำวิธีการป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน เช่น การรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง งดอาหารไขมัน รับประทานอาหารเหลว อาหารน้ำ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารที่มีกลิ่นแรง ดูแลความสะอาดของปากและฟัน บ้วนปากบ่อยๆ จิบน้ำขิงอุ่นๆ รับประทานขนมปังกรอบ ขนมปังปิ้ง แครกเกอร์ ข้าวแตน และรับประทานน้ำหวาน นม น้ำผลไม้ หรือผลไม้ เช่นลูกพรุน มะละกอสุก ส้ม กล้วย แคนตาลูป
แนะนำให้มาพบแพทย์เมื่อมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากขึ้น หรือไม่ทุเลาลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากมีอาการ abdominal pain, dehydration หรือน้ำหนักลดลงอย่างมาก
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดภาวะอาเจียนรุนแรง และ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
สตรีตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำและดูแลให้ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน
บันทึกปริมาณสารน้ำเข้าออกจากร่างกาย I/O
ดูแลความสะอาดของช่องปากและฟัน ขณะที่ NPO หรือหลังจากอาเจียน
เมื่ออาการดีขึ้น ให้เริ่มรับประทานอาหารมื้อละน้อยแต่บ่อยครั้ง
โดยเริ่มจากอาหารแข็ง ย่อยง่าย มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูง
หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน
ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก จำเป็นต้องให้อาหารทางสายยาง
หรือให้สารอาหารทดแทนทางหลอดเลือดดำ
ดูแลให้งดอาหารและน้ำทางปาก (NPO)
ปรึกษาและส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาด้านจิตใจที่ อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง
ติดตามชั่งน้ำหนักและติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
แนะนำให้คู่สมรสหรือบุคคลในครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือสตรีตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
แนะนำการออกกำลังกายหรือกายบริหารเบาๆ ดูหนัง ฟังเพลง
เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดความเครียด ทำจิตใจให้สบาย
และใช้เทคนิคการ ผ่อนคลาย
อธิบายให้คู่สมรสและครอบครัวเข้าใจถึงภาวะที่เกิดขึ้น และควรให้การช่วยเหลือสตรี ตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด
แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย อย่างน้อย 8 ชั่วโมงในเวลา กลางคืน และกลางวันอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
แนะนำให้เห็นความสำคัญของการมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และสังเกตอาการ ผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ก่อนวันนัด
แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นทันที่ตื่นนอนประมาณครึ่งแก้ว แล้วนอนต่ออีกประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะลุกขึ้นปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
แนะนำการรับประทานอาหาร โดยปรับเปลี่ยนแบบแผนการรับประทานอาหารครั้งละ น้อยแต่บ่อยครั้ง เป็นอาหารที่ย่อยง่าย หรือมีโปรตีนสูง เช่น ขนมปังปิ้ง ขนมปังกรอบ แครกเกอร์ เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก รสเผ็ด หรือมีกลิ่นแรง และควรนั่งพักประมาณ 45 นาที ไม่ ควรนอนทันที
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
ผลกระทบต่อมารดา
เกิดภาวะความเป็นกรดในร่างกาย เกิดภาวะกรดในกระแสเลือด เนื่องจากการสูญเสียด่างในน้ำย่อยไปกับการอาเจียน ทำให้มีผลกระทบต่อระบบสมองส่วนกลาง
มีอาการกระสับกระส่าย ไม่ รู้สึกตัว หมดสติ
ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ร่างกายเสียสมดุลของอิเลคโตรลัยท์ เกิดภาวะ hypokalemia, alkalosis กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำ ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น
ชีพจรเบาเร็วและความดันโลหิตต่ำลง มีผลกระทบต่อการทำงานของไต ปัสสาวะออกน้อย มีไข้ ผิวหนังแห้ง
อ่อนเพลีย
เกิดภาวะขาดสารอาหาร มีผลกระทบต่อตับ ค่า SGOT เพิ่มขึ้น มีอาการของการขาด วิตามิน เช่น ชาปลายมือปลายเท้าจากการขาดวิตามิน B1 ขาดวิตามินซี และวิตามินบีรวม การแข็งตัว ของเลือดเสียไป มีเลือดออกตามไรฟัน จุดเลือดออกทั่วไปทั่วสมอง ทำให้ซึมและหมดสติและอาจ เสียชีวิตได้จากภาวะ hepatic coma
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
หากสตรีตั้งครรภ์อาการรุนแรงมาก เกิดภาวะเป็นกรดในร่างกาย อาจทำให้ทารกมีอาการ ทางสมอง เกิดภาวะ Wernicke’s encephalopathy
อาจทำให้แท้ง คลอดก่อนกำหนด ทารกอาจตายคลอด และทารกพิการ (Fetal anomalies) จากการขาดสารอาหารได้
หากสตรีตั้งครรภ์มีน้ำหนักลดลงมาก จะทำให้ทารกในครรภ์เติบโตช้า และน้ำหนักแรก คลอดน้อยกว่าปกติ
การวินิจฉัย
การตรวจเลือด พบฮีมาโตคริตสูง BUN สูง โซเดียมต่ำ โปแตสเซียมต่ำ คลอไรด์ต่ำ SGOT สูง LFT สูง และโปรตีนในเลือดต่ำ
การตรวจปัสสาะ พบว่ามีความถ่วงจำเพาะสูง ไข่ขาวในปัสสาวะเพิ่มขึ้น พบคีโตนใน ปัสสาวะ ถ้ามีอาการรุนแรงมาก อาจพบน้ำดีในปัสสาวะได้
การซักประวัติ ตรวจร่างกาย ประเมินจากอาการและอาการแสดงของ การอาเจียนรุนแรง การ ขาดสารน้ำขาดสารอาหาร น้ำหนักตัว และสภาพจิตใจ
การตรวจพิเศษ ได้แก่ การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และการเจาะตรวจน้ำคร่ำ เช่น การตั้งครรภ์แฝด ครรภ์ไข่ปลาอุก trisomy21 และ hydrops fetalis
แนวทางการรักษา
การรักษาด้วยยา
-ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ได้แก่ Metoclopramide 5-10 mg. และ Promethazine 12.5–25 mg.
-วิตามินบี 6 (Pyridoxine) 10-25 mg. 1 เม็ด
-ยาคลายกังวล และยานอนหลับ ได้แก่ Diazepam 2 mg และ/หรือ Diazepam 5 mg.
เมื่ออาการแพ้ท้องรุนแรงดีขึ้น ให้รับประทานอาหารอ่อน ครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้งทุก 2-3 ชั่วโมง ควรรับประทานอาหาร ที่มีโปรตีนสูง ขนมปังกรอบ หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด อาหารมัน และรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้
หากอาการรุนแรงมาก ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 5% D/NSS 1,000 ml. ทางหลอดเลือดดำ ร่วมกับการแก้ไขปัญหาข้างต้น กรณีที่มีภาวะขาดสารอาหารรุนแรง ควรได้รับ parenteral nutrition therapy โดยต้องได้แคลอรี่มากกว่า 2,000 แคลอรี่ต่อวัน ซึ่งต้องมี กรดอะมิโน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ โดยอาจให้ทาง central venous access หรือ subclavian vein
หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อม และสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คลื่นไส้อาเจียน เช่น กลิ่น ความร้อน ความชื้น เสียงดัง แสงไฟกะพริบ
อาการไม่รุนแรงสามารถรับประทานอาหารได้ แนะนำให้รับประทานอาหารที่ช่วยทดแทน เกลือแร่ที่สูญเสียไปกับการอาเจียน ได้แก่ น้ำตะไคร้ น้ำใบเตย น้ำผลไม้ และอาหาร ที่มีโปแทสเซียม เช่น กล้วย แคนตาลูป สัปปะรด ฝรั่ง ส้ม แอปเปิ้ล มะเขือเทศ และผักใบเขียว ทุกชนิด อาหารที่มีแมกนีเซียม เช่น ผัก ถั่วชนิดต่างๆ
กรณีที่รักษาด้วยวิธีต่างๆ แล้วอาการไม่ดีขึ้น จะต้องทำการวินิจฉัยเพื่อค้นหาสาเหตุของโรคที่ แท้จริง เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม
วินิจฉัยแยกโรคภาวะอาเจียนอย่างรุนแรงจากอาการของโรคอื่นๆ