Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อนามัยครอบครัว - Coggle Diagram
อนามัยครอบครัว
กระบวนการพยาบาลอนามัยครอบครัว
ครอบครัวเป็นบริบท
family as context
พิจารณาสมาชิกครอบครัวที่มีปัญหาสุขภาพเป็นหลักส่วนครอบครัวจะพิจารณาว่าเป็นบริบทของสมาชิกครอบครัว การดูแลระดับนี้ครอบครัวจึงเป็นเป้าหมายรองมีส่วนร่วมน้อยหรือไม่มีเลยในการวางแผนดูแลสุขภาพสมาชิกครอบครัว
ครอบครัวในฐานะผลรวมของสมาชิก
family as sum of its member
ครอบครัวจะถูกพิจารณาว่าเป็นผลรวมของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว เป้าหมายของการดูแลจะดูแลสมาชิกทุกคนในครอบครัว
ครอบครัวในฐานะผู้รับบริการ
family as client
ครอบครัวเป็นเป้าหมายหลักของการดูแลสุขภาพ ขณะที่สมาชิกเป็นบริบท จะดูแลครอบคลุมทั้งครอบครัวและสมาชิก ดูการมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน สัมพันธภาพในครอบครัว ภายนอกครอบครัว โครงสร้างและหน้าที่ของครอบครัว การดูแลจะประยุกต์ทฤษฏีระบบ ทฤษฏีโครงสร้างและหน้าที่ ทฤษฏีพัฒนาการในการประเมินและดูและสุขภาพครอบครัว
ครอบครัวในฐานะองค์ประกอบของสังคม
family as a component of society
ครอบครัวจะถูกพิจารณาในองค์ประกอบหนึ่งของสังคม เป็นระบบย่อยในระบบใหญ่ของสังคม ครอบครัวเป็นสถาบันหลักในสังคมและมีปฏิสัมพันธ์กับสถาบันอื่นๆ เช่น สถาบันการศึกษา สถาบันสุขภาพ ศาสนา
ขั้นตอนที่ 1 การประเมินครอบครัว
4.ประเมินการพัฒนาแนวทางการเปลี่ยนแปลงของครอบครัว
ในขั้นตอนนี้พยาบาลควรค้นหาว่าสมาชิกคนใดที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครอบครัว และประเมินว่าจะสามารถวางแผนร่วมกับครอบครัวได้อย่างไรเพื่อช่วยให้ครอบครัวได้รับการแก้ไข
3.ประเมินสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวอย่างเป็นระบบ
พยาบาลาลควรประเมินประสบการณ์ที่ผ่านมาของครอบครัวให้ครอบคลุม เพื่อช่วยให้สามารถเข้าใจพฤติกรรมของสมาชิกในครอบครัวได้อย่างถ่องแท้ พยาบาลไม่ควรระบุข้อมูลเกินความจริง การประเมินครอบครัวอยางเป็นระบบจะช่วยครอบครัวให้เข้าใจถึงบริบทต่างๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัวได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น
2.จับประเด็นปัญหาโดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัว
การระบุปัญหาควรมองให้ครอบคลุม โดยมุ่งเน้นที่การกระทำและปฏิกิริยาการตอบสนองในประเด็นต่างๆระหว่างสมาชิกในครอบครัว พยาบาลควรช่วยครอบครัวมองว่าการกระทำต่างๆของสมาชิกในครอบครัวก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง และพยายามส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของปัญหาครอบครัว
1.เปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวได้เล่าสิ่งต่างๆในครอบครัว
พยาบาลควรเปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวได้เล่าเกี่ยวกับปัญหาที่ครอบครัวเผชิญอยู่ โดยควรระบุให้ชัดเจนว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และปัญหาเกิดขึ้นกับสมาชิกคนใด
ขั้นตอนที่ 2 การวินิจฉัยทางการพยาบาล
การเขียนข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลครอบครัวต้องมีข้อมูลสนับสนุนซึ่งเป็นข้อเท็จจริงของครอบครัวที่รวบรวมได้จากแบบสอบุถาม การสัมภาษณ์การสังเกตพฤติกรรม และสภาพแวดล้อมของครอบครัว โดยควรมีข้อมูลที่เพียงพอในการตั้งข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล ไม่ควรยัดเยียดปัญหาให้ครอบครัว
ขั้นตอนที่ 3 การวงแผนการพยาบาลครอบครัว
การวางแผนการพยาบาลครอบครัวเป็นการเตรียมความพร้อมของพยาบาลต่อกิจกรรมที่จะให้แก่ครอบครัว โดยพยาบาลจะมีการกำหนดรูปแบบหรือวิธีการต่างๆ ที่สามารถปฏิบัติได้จริง เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพครอบครัวตามข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ตั้งขึ้น ขณะวางแผนครอบครัวแต่ละครั้ง พยาบาลจำเป็นต้องถามคำถาม เหล่านี้
สมาชิกในครอบครัวมีส่วนร่วมในการพัฒนาวางแผนการพยาบาลหรือไม่
เป็นการส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัว และช่วยให้ครอบครัวพึ่งพาตนเองได้เพิ่มขึ้นหรือไม่
การดูแลเหมาะสมกับความสามารถ และทักษะของสมาชิกในครอบครัวหรือไม่
ทรัพยากรที่จะใช้มีเพียงพอที่จะดูแลผู้ป่วยในครอบครัวตามแผนการพยาบาลครอบครัวหรือไม่
สมาชิกในครอบครัวจะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามแผนการพยาบาลน้อยเพียงใด
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาลครอบครัว
พยาบาลควรปฏิบัติการพยาบาลตามแผนที่วางไว้ ให้ครอบคลุมทั้งทางด้านร่างกาย จิคใจ จิตวิญญาณ และสังคม โดยลักษณะของกิจกรรมการพยาบาลจะต้องครอบคลุมในเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้
การส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคของสมาชิกครอบครัว
การรักษาพยาบาลสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บป่วย
การฟื้นฟูสภาพสมาชิกในครอบครัว
การให้คำแนะนำ การอำนวยความสะดวกในการไปรับบริการ
การเสริมศักยภาพและสนับสนุนให้สมาชิกในครอบครัวมีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้
ขณะให้การพยาบาลครอบครัว พยาบาลควรยึดหลัก ดังนี้
กระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้รับบริการ สมาชิกในครอบครัว ทีมเยี่ยมบ้าน ซึ่งจะช่วยให้การพยาบาลครอบครัวมีความครอบคลุมและเกิดประโยชน์สูงสุด
ควรให้การพยาบาลอย่างต่อเนื่องจนปัญหาสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวได้รับการแก้ไขหรือครอบครัวสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้
เน้นการพยาบาลครอบครัวแบบองค์รวม โดยให้การพยาบาลครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
เสริมสร้างศักยภาพในการดูแลตนของสมาขิกในครอบครัว โดยประยุกต์ใช้ทรัพยากรและแหล่งประโยชน์ต่างๆ ที่หาได้ในครอบครัวและชุมชน มาสนับสนุนการดูแลสุขภาพครอบครัว
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผล
การประเมินผลครอบครัว เป็นการตรวจสอบวิธีการดูแลสุขภาพครอบครัวที่พยาบาลให้แก่ครอบครัวว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีหรือไม่ เหมาะสมเพียงใด การประเมินผลจะช่วยวัดความก้าวหน้าของการปฏิบัติการพยาบาล ซึ่งเป็นการวัดทั้งด้านประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความพึงพอใจของสมาชิกในครอบครัวที่มีต่อการดูแลครอบครัว หรือเพื่อดูว่าครอบครัวได้รับการบริการตรงเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่
การเยี่ยมบ้าน
เป้าหมายและวัตถุประสงของการเยี่ยมบ้าน
1.ส่งเสริมระบบสนับสนุนของครอบครัวให้มีประสิทธิภาพกระตุ้นให้ครอบครัวมีการใช้แหล่งประโยชน์ทางด้านสุขภาพ
2.ส่งเสริมการดูแลที่มีประสิทธิภาพต่อสมาชิกครอบครัวที่มีปัญหาสุขภาพหรือพิการ
3.ส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคของครอบครัวและสมาชิกครอบครัว
4.ส่งเสริมศักยภาพความสามารถในการทำหน้าที่ของครอบครัว
5.ส่งเสริมให้ครอบครัวมีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ
วัตถุประสงค์
1.การประเมินครอบครัวมีความถูกต้องมากขึ้นในด้านโครงสร้างหน้าที่ของครอบครัว สภาพแวดล้อมของบ้านและพฤติกรรมนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาและการวางแผนช่วยเหลือครอบครัวได้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม
2.เอื้อโอกาสให้พยาบาลชุมชนระบุอุปสรรคและสิ่งสนับสนุนที่ช่วยให้ครอบครัวบรรลุเป้าหมายของการดูแลสุขภาพครอบครัว
3.เพื่อให้การพยาบาลแก่ผู้รับบริการและครอบครัวให้คำแนะนำด้านการส่งเสริมสุขภาพสุขภาพและการป้องกันโรคนำไปสุ่พฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมหรือให้การรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องรวมถึงแนะนำครอบครัวให้สามารถดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้
4.เพื่อติดตามผลการรักษาโดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคติดต่อหรือโรคเรื้อรังและให้ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพเพื่อส่งเสริมให้ผู็ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลตนเองได้
5.เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยและครอบครัวใช้บริการสาธารณสุขของชุทชนได้เหมาะสมตามความจำเป็น
6.เพื่อติดตามผลการรักษาพยาบาลให้คำแนะนำและการช่วยเหลือต่างๆ
หลักการเยี่ยมบ้าน
1.พยาบาลชุมชนจะต้องเน้น ครอบครัว เป็นผู้รับบริการ
2.ประเด็นของ สุขภาพ จะต้องครอบคลุมความต้องการสุขภาพในแต่ละด้านและการป้องกันทั้ง 3 ระดับ
3.ครอบครัวมีสิทธิในการตัดสินใจในเรื่องของสุขภาพควรมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพมากกว่าการได้รับความช่วยเหลือเมื่อการเยียมบ้านสิ้นสุดครอบครัวจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลสุขภาพตนเองพยาบาลชุมชนต้องเคารพสิทธิของครอบครัว
4.พยาบาลชุมชนต้องแนะนำตัวขออนุญาติก่อนจะทำกิจกรรม เช่น การอุ้มหรือจับเด็กทารก
การสร้างสัมพันธ์ภาพกับครอบครัวเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความคุ้นเคยก่อนให้การพยาบาล อาจต้องใช้เวลาในการเยี่ยมบ้าน 4-6 ครั้งจึงจะรู้สึกผ่อนคลาย
การเลือกครอบครัวสำหรับการเยี่ยมบ้าน
ครอบครัวที่มีสามชิกมีสุขภาพเบี่ยงเบนไปจากปกติ คือ มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น เช่น โรคเรื้อรัง โรคที่ติดต่อ อุบัติเหตุ หรือมีความพิการเกิดขึ้นกับร่างกาย สมอง สติปัญญา
ครอบครัวที่มีสามชิกอยู่ในระยะการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการพัฒนาการ เช่น ครอบครัวมีหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด ทารกแรกเกิด วัยก่อนเรียน วัยรุ่น และผู้สูงอายุ
3.ครอบครัวที่ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น ครอบครัวพร่องความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพ ครอบครัวมีเศรษฐานะยากจน สมาชิกในครอบครัวมีปัญหาทางจิต
การจัดลำดับครอบครัวหรือเยี่ยมบ้าน
1.ความเร่งด่วน หมายถึง ความต้องการหรอืความจําเป็นที!พยาบาลต้องให้การช่วยเหลือโดยเร็วหากทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้
2.การป้องกันแพร่กระจายของโรคจึงจําเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ตนเองเป็นผู้นําโรคจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งหรือจากครอบครวัหนึ่งไปสู่อีกครอบครัวหนึ่ง
กระบวนการเยี่ยมบ้าน
ระยะเริ่มแรก
1.ระบุแหล่งของการส่งต่อสำหรับการเยี่ยมบ้าน
2.ระบุวัตถุประสงค์ของการเยี่ยมบ้าน
3.แลกเปลี่ยนข้อมูลกับครอบครัวในประเด็นเหตุผล วัตถุประสงค์ของการเยี่ยมบ้าน
2 ระยะก่อนเยี่ยมบ้าน
1.เริ่มต้นการติดต่อครอบครัว
2.ศึกษาข้อมูลการรับรู้เป้าหมายของครอบครัว
3.ระบุความต้องการของครอบครัวต่อการเยี่ยมบ้าน
4.กำหนดวางแผนการเยี่ยมบ้าน
5.ทบทวนบันทึกการส่งต่อหรือรายงานการเยี่ยมบ้าน
3.ระยะการเยี่ยมบ้าน
1.แนะนำตัวเองและหน่วยงานที่ปฏิบัติงาน
2.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับครอบครัว
3.ให้การพยาบาลครอบครัวโดยใช้กระบวนการพยาบาล
4.ระยะสิ้นสุดการเยี่ยม
1.สรุปผลการเยี่ยมบ้านกับครอบครัว
2.วางแผนการเยี่ยมบ้านในอนาคต
5.ระยะหลังการเยี่ยมบ้าน
1.บันทึกรายงานการเยี่ยมบ้าน
ประเภทของการเยี่ยมบ้าน
1.เยี่ยมบ้านคนป่วย
โรคฉุกเฉิน โรคเฉียบพลัน หรือโรคเรื้อรัง
2.เยี่ยมบ้านคนใกล้ตาย
เพื่อดูแลความเจ็บป่วยระยะสุดท้าย อยู่เป็นเพื่อนขณะที่ตาย ดูแลญาติจนถึงการตาย
3.เยี่ยมบ้านเพื่อประเมินสภาวะสุขภาพ
ในรายที่ต้องใช้ยาหรือการรักษาที่ซับซ้อน ในรายที่มาใช้บริการการรักษาเกินจำเป็น ในรายที่มารับบริการลำบาก เช่น พิการ ถูกสังคมรังเกียจ ถูกทอดทิ้ง ติดยา ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นต้น
4.เยี่ยมบ้านเพื่อติดตามผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
ในรายที่เพิ่มคลอดบุตร ในรายที่หลังการผ่าตัด หรืออุบัติเหตุ เป็นต้น
แนวคิดทฤษฎีพื้นฐานที่เกี่ยวข้องในการบริการอนามัยครอบครัว
ทฤษฎีระบบ
ทฤษฏีระบบมีแนวคิดที่สิ่งต่างๆ ในโลกดำรงอยู่อย่างเป็นระบบโโดยระบบจะหมายถึงกลุ่มบุคคลมี่อยู่รวมกัน มีปฎิสัมพันธ์กันและทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ทฤษฏีระบบมาประยุกต์ใช้ในการบริการอนามัยครอบครัวสามารถมองครอบครัวเป็นระบบใหญ่สามารถแยกเป็นระบบย่อยได้
วัตถุประสงค์ของการทำงานของระบบย่อยคือการเสริมการทำงานตามวัตถุประสงค์ของระบบใหญ่ สามารถแบ่งได้ตามลักษณะและระดับของการมีปฏิสัมพันธ์ของระบบกับสิ่งแวดล้อม
แบ่งเป็นระบบเปิดและระบบปิด
ระบบเปิดหมายถึงระบบที่มีลักษณะที่ต้องมีปฎิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอกตลอดเวลาเพื่อการอยู่รอด
ระบบปิด หมายถึงระบบที่อยู่ได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยพึ่งพาหรือแลกเปลี่ยนกับสิ่งแวดล้อมภายนอก แต่สิ่งมีชีวิตในโลกไม่สามารถอยู่ได้ในระบบปิดเท่านั้นจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนพลังงานกับสิ่งแวดล้อมภายนอกไม่มากก็น้อย
ระบบย่อยภายในครอบครัวแบ่งสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ระบบคู่ครอง ระบบนี้เริ่มเมื่อชายและหญิงแต่งงาน มีความสัมพันธฉันท์สามี-ภรรยา และเป็นบิดามารดาของบุตร
ระบบบิดามารดา-บุตร บิดามารดาจะทำหน้าที่อบรมเลี้ยงดูบุตร จึงต้องมีบทบาทของบิดามารดาและบุตรอยู่ในระบบย่อย
ระบบพี่น้อง เป็นระบบย่อยที่ลูกๆ สัมพันธ์กันเองแสดงบทบาทหน้าที่ของพี่หรือน้อง
ระบบเครือญาติ เป็นระบบย่อยที่มีลักษณะความสัมพันธ์เฉพาะเช่น ยายกับหลาน น้ากับหลาน สะใภ้กับมารดาสามี
ลักษณะของครอบครัวสุขภาพดีตามแนงคิดของทฤษฎีรับบครอบครัวที่เต็มไปด้วยพลังและมีลักษณะสำคัญ คือ สมาชิกทั้งหมดมีปฎิสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอ คงไว้ซึ่งการติดต่อกับระบบสังคมภายนอก พยายามที่จะเผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหาร่วมกันในครอบครัว และมีความยืดหยุ่นสนใจที่จะตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่
กรอบแนวคิด
จากมุมมองขอนักสังคมศาสตร์ครอบครัวเป็นระบบหนึ่งของสังคม มีความสัมพันธ์ในด้านสถานบริการสุขภาพ ศาสนา การศึกษา รัฐบาลและเศรษฐกิจ จัดเรียงตามหน้าที่และบทบาทของสมาชิกในครอบครัว
ข้อตกลงเบื้องต้น
ครอบครัวเป็นกลุ่มย่อยที่มีลักษณะเฉพาะร่วมกัน
ครอบครัวในฐานะระบบสังคมมีหน้าที่ในการตอบสนองความต้องการของบุคคลและสังคมให้สำเร็จ
ครอบครัวคือระบบสังคมซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องมีหน้าที่ต่อสังคม
บุคคลในครอบครัวจะปฏิบัติพฤติกรรมที่เป็นไปตามบรรทัดฐาน (norms) และค่านิยมทางสังคมที่ได้เรียนรู้มาจากครอบครัว
แนวคิดของโครงสร้าง
โครงสร้างบทบาท(role structure) บทบาทเป็นพฤติกรรมที่บุคคลประพฤติเป็นบทบาทตามสถานภาพที่ตนเองดำรงอยู่หรือตามตำแหน่งหน้าที่ (roleposition)
1.1 บทบาทของสมาชิกที่ปฏิบัติอยู่ในครอบครัวต้องไม่ขัดแย้งกับสิ่งที่สังคมภายนอกคาดหวังเช่นบิดามารดามีบทบาทเป็นผู้เลี้ยงดูและอบรมบุตรในขณะที่บุตรก็แสดงความเคารพนับถือ
1.2 บทบาทของสมาชิกแต่ละคนมีความสอดคล้องและเสริมบทบาทซึ่งกันและกันเช่นสามีภรรยาต้องมีการตอบสนองความต้องการที่สอดคล้องกันและในแต่ละคู่มีบทบาททั้งฝ่ายที่
1.3 การแสดงบทบาทของสมาชิกมีความชัดเจนสามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิกแต่ละคนและปรับบทบาทเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวได้เช่นในกรณีที่มีสมาชิกในครอบครัวเจ็บป่วยสมาชิกคนอื่นจะปรับบทบาทเพื่อช่วยเหลือทำบทบาทแทนสมาชิกที่เจ็บป่วยนั้น
แนวคิดของหน้าที่(Concept of Function) หน้าที่ของครอบครัวหมายถึงกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติตามบทบาทที่ได้รับซึ่งเกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างของครอบครัวถ้าโครงสร้างของครอบครัวเหมาะสมที่จะมีผลทำให้ครอบครัวสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่จำเป็นได้อย่างสมบูรณ์ส่งผลให้ชีวิตครอบครัวดำเนินไปอย่างเป็นปกติสุข
หน้าที่ด้านความรักความเอาใจใส่แก่ครอบครัว (affective function) ระหว่างคู่สมรสระหว่างบิดามารดากับบุตรและระหว่างสมาชิกในครอบครัวอื่น ๆ เพื่อให้สมาชิกมีสุขภาพจิตที่ดีมีบุคลิกภาพที่มั่นคงครอบครัวจึงมีหน้าที่จัดสภาพแวดล้อมพร้อมบรรยากาศให้เสริมสร้างและดำรงไว้ซึ่งความผูกพันทางจิตใจและสัมพันธภาพของสมาชิกให้ทุกคน
หน้าที่ในการอบรมเลี้ยงดู (Socialization function) เป็นกระบวนการพัฒนาแบบแผนพฤติกรรมที่ต่อเนื่องตลอดชีวิตของสมาชิกเพื่อปลูกฝังนิสัยที่ดีงามเตรียมสมาชิกตั้งแต่เด็กให้พร้อมที่จะเป็นสมาชิกที่มีคุณภาพของสังคม
หน้าที่ในการผลิตสมาชิกใหม่ (reproductive function) เป็นหน้าที่ในการสืบเผ่าพันธุ์เชื้อสายของมนุษย์และเป็นการสืบสกุลของครอบครัวต่อไป
หน้าที่ในด้านเศรษฐกิจ (economic function) เป็นหน้าที่ที่จำเป็นสำหรับทุกครอบครัวหน้าที่ในด้านนี้ยังรวมถึงการจัดสรรทรัพยากรเช่นการเงินสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ที่เพียงพอและเหมาะสมแก่สมาชิกในครอบครัว
หน้าที่ในการดูแลสุขภาพ (health care function) เป็นการตอบสนองด้านร่างกายและการดูแลสุขภาพแก่สมาชิกในครอบครัวโดยการจัดหาอาหารเสื้อผ้าที่พักอาศัยและการป้องกันอันตรายต่าง ๆ การดูแลด้านสุขภาพเป็นการจัดหาบริการด้านสุขภาพและดูแลเมื่อเจ็บป่วยการดูแลสุขภาพที่ดีจะส่งผลให้มีสถานะทางสุขภาพที่ดี
ทฤษฎีพัฒนาการ
Eveyn Duvall เป็นผู้นำแนวคิดพัฒนาการของบุคคลมาใช้ในการศึกษาครอบครัวโดยเชื่อว่า โครงสร้าง หน้าที่ และกระบวนการทำงานของครอบครัวมีการเปลี่ยนตลอดเวลา ระยะพัฒนาการของครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับอายุ
จะใช้ลำดับบุตรคนแรกในการกำหนดระยะพัฒนาการครอบครัว
ขั้นตอนของพัฒนาการในวงจรชีวิตครอบครัวเป็น 8 ระยะ
ระยะเริ่มต้นชีวิตครอบครัว เริ่มตั้งแต่สมรสจนกระทั่งตั้งครรภ์บุตรคนแรก ซึ่งในระยะนี้พฤติกรรมที่เหมาะสมคือการมีสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน มีบทบาทหน้าที่ตามความเหมาะสม มีการสร้างสัมพันธ์อันดีกับเครือญาติอีดฝ่าย
ระยะเริ่มเลี้ยงดูบุตร (childbearing families)เริ่มตั้งแต่มีบุตรคนแรกจนบุตรคนแรกอายุ 30 เดือน ซึ่งพฤติกรรมที่เหมาะสมคือการ การปรับบทบาทในการเป็นบิดามารดา การสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบิดามารดาและบุตร ดำรงไว้ซึ่งการสื่อสารและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสามี-ภรรยา แบ่งหน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูบุตร
ระยะมีบุตรวัยก่อนเรียน (families with preschool
children) เริ่มตั้งแต่บุตรคน
แรกอายุ 30 เดือน ถึง 6 ปี
พฤติกรรมที่เหมาะสม ต้องมีการจัดบ้านเรือนและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการส่งเสริมพัฒนาการของบุตร มีการอบรมสั่งสอนบุตร ให้มีการเรียนรู้ที่ถูกต้อง ถ้ามีบุตรคนที่สองในระยะน้จะต้องเตรียมบุตรคนแรกไม่ให้เกิดปฏิกิริยาอิจฉาน้อง บิดามารดาควรเตรียมตัวบุตรให้พร้อมก่อนเข้าเรียน
ระยะบุตรวัยเรียน เริ่มตั้งแต่บุตรคนแรกอายุ 6-13 ปี พฤติกรรมที่เหมาะสม คือต้องมีการอบรมสั่งสอนบุตร ส่งเสริมบุตรในการศึกษษ นการสร้างสัมพนธภาพที่ดีกับเพื่อน และมีการคงซึ่งไว้ในสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคู่สมรส
ระยะมีบึตีวัยรุ่น เริ่มตั้งแต่บุตรคนแรกอายุ 13-20 ปี พฤติกรรมที่เหมาะสมคือ จะต้องมีการสร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว โดยมีการเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดคุยปรึกษาหารือกัน มีการสร้างดุลยภาพระหว่างความเป็นอิสระและความรับผิดชอบ
ระยะแยกครอบครัวใหม่หรือระยะปลูกฝังให้บุตรเริ่มต้นสร้างหลักฐานได้ด้วยตนเอง เริ่มตั้งแต่บุตรคนแรกแยกตัวไปสร้างครอบครัว พฤติกรรมที่เหมาะสมคือ บิดามารดาจะต้องมีการปรับตัวเมื่อบุตรแยกไปมีครอบครัว คงไว้ซึ่งความสัมพันธภาพที่ดี มีการปรับบทบาทเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ได้เหมาะสม
ระยะครอบครัววัยกลางคน เริ่มตหลังจากบุตรคนแรกแยกย้ายไปมีครอบครัว เป็นครอบครัวเดมว่างเปล่าจนถึงเกษียณ พฤติกรรมที่หมาะสม คือต้แงมีการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง มีการดูแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม คงไว้ซึ่งสัมพันธภาพที่ดีในครอบครังว มีการวางแผนการดำเนินชีวิตหลังเกษียณอายุการทำงาน
8.ระยะครอบครัวผู้สูงอายุ เริ่จากเกษียณจนถึงการสูญเสียชีวิตของคู่สมรส พฤติกรรมที่เหมาะสม คือจะต้องมีการปรับความพึงพอใจต่อสภาพความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อม มีการปรับค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่ลดลง มีการคงไว้ซึ่งสัมพันธภาพที่ดีกีบคู่สมรส และจะต้องมีการปับตัวเผชิญการสูญเสียได้อย่างเหมาะสม
แนวคิดพื้นฐานของครอบครัวและสุขภาพของครอบครัว
ประเภทของครอบครัว
ครอบครัวที่มีเฉพาะบิดาหรือมารดาและบุตร ครอบครัวที่มีการอย่าร้างหรือแยกทางกันของคู่สมรส และมีบุตรอยู่ในวัยต่างๆ
ครอบครัวคนโสด ครอบครัวที่ไม่ได้แต่งงาน แยกออกมาอยู่ตามลำพัง
ครอบครัวที่มีแต่สามีและภรรยา เป็นครอบครัวที่ไม่มีบุตร
ครอบครัวบุญธรรม ครอบครัวที่มีสามี ภรรยา บุตรบูญธรรม
ครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวที่มีบิดา มารดา และบุตร อาศัยอยู่ด้วยกัน
ครอบครัวขยาย ครอบครัวที่ประกอบไปด้วยคน 3 รุ่น คือ ปู่ ย่า ตา ยาย บิดา มารดา บุตร อยู่ร่วมกัน
ครอบครัวคู่ชรา สามีภรรยาอยู่ตามลำพัง เนื่องจากบุตรไปเรียนที่อื่นไปทำงานที่อื่นหรือแต่งงานแยกครอบครัวไปแล้ว
ครอบครัวเครือญาติ เป็นครอบครัวเดี่ยวหรือครอบครัวคนโสดที่อาศัยอยู่ในระแวกของเครือญาติที่มีการติดต่อและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ครอบครัวที่มีสามีภรรยามาอาศัยอยู่ร่วมกันโดยไม่จดทะเบียนสมรสและกำเนิดบุตรร่วมกัน
ครอบครัวที่มีสามีภรรยาหลายคู่มาอาศัยอยู่ร่มกันแต่ไม่ได้แต่งงานกัน
ครอบครัวรักร่วมเพศ เป็นครอบครัวที่เป็นหญิงหรือชายเพศเดียวกันอาศัยอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา
ครอบครัวแบบประชาคม มีหลายครอบครัวอยู่ร่วมครัวเรือนเดียวกัน โดยมีการแบ่งปันทรัพยากร ใช้แหล่งประโยชน์และสิ่งจำเป็นร่วมกัน
หน้าที่ของครอบครัว
เป็นหน่วยเศรฐกิจ สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมและได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อให้บรรลุความอยู่รอดทางการเงิน
การสืบพันธุ์
ป้องกันอันตรายจากศัตรู
เป็นผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมรวมทั้งความเชื่อต่าง ๆ
ให้การศึกษาแก่สมาชิกครอบครัว
ให้สถานะทางสังคม
สุขภาพของครอบครัว
แนวคิดการดูแลให้ครอบครัวสุขภาพดี
ทำความเข้าใจ หรือวิเคราะห์ปัญหาครอบครัว จะต้องศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพครอบครัว ไม่ใช่แค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ครอบครัวมีอิทธิพลต่อภาวะสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว
การดูแลสุขภาพครอบครัว เน้นให้ครอบครัวสามารถดูแลตนเองได้
เมื่อพบปัญหาสุขภาพครอบครัว การค้นหาสาเหตุ อาจนำไปสู่แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพได้
ในการดูแลสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวรายบุคคล ครอบครัวจะถูกศึกษาในแง่เป็นปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อบุคคล
ลักษณะครอบครัวที่มีสุขภาพดี
สมาชิกแต่ละคนมีปฏิสัมพันธ์กัน มีการสื่อสารและรับฟังกัน
มีความเห็นพ้อง สนับสนุน และเคารพซึ่งกันและกัน
สามารถจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ได้ โดยสมาชิกในครอบครัวจะเข้าใจว่าความต้องการของครอบครัวนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
มีความยืดหยุ่น แบ่งปัน ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง สนับสนุนความก้าวหน้า และให้อิสระในการตัดสินใจ
มีการสอนเรื่องค่านิยม ความเชื่อ หลักศาสนา
มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวตนเอง และเอื้อเฟื้อผู้อื่น
มีการใช้เวลาร่วมกัน
สามารถจัดการกับความเครียดได้
หมายถึง กระบวนการที่เป็นพลวัตรของครอบครัวที่แสดงถึงความยืดหยุ่น การปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความผาสุกในครอบครัว
เครื่องมือที่ใช้ประเมินครอบครัว
ผังเครือญาติ(Genogram)
เป็นเครื่องมือที่ข่วยสรุปโครงสร้างของครอบครัว ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องมีข้อมูลของสมาชิกในครอบครัวอย่างน้อย 3 รุ่งขึ้นไป ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ที่บอกถึงลำดับเครือญาติโดยจะมีการเรียงลำดับของอายุจากซ้ายไปขวา และเขียนวงกลมล้อมรอบสมาชิกครอบครัวที่อาศัยอยู่ด้วยกันในแต่ละครัวเรือน
แผนผังระบบนิเวศของครอบครัว(Ecomap)
แผนผังระบบนิเวศของครอบครัว เป็นภาพรวมของครอบครัวที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวและสิ่งแวดล้อมภายนอกครอบครัว ณ เวลาหนึ่ง โดยมีทั้งแหล่งประโยชน์และแหล่งความเครียดของครอบครัว
หลักการบริการอนามัยครอบครัว
(แนวคิดและหลักการพยาบาลชุมชน 304-305)
บทบาทหน้าที่ของพยาบาชุมชนในการบริการอนามัยครอบครัว
1. ผู้ให้บริการ (care provider)
การประเมิน วางแผน ปฏิบัติการพยาบาล และประเมินผล ให้การดูแลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม หรือให้การพยาบาลโดยตรงต่อครอบครัว กรณีที่ครอบครัวไม่สามารถทำกิจกรรมได้
4. ผู้ปกป้องพิทักษ์สิทธิผู้รับบริการ (client advocate)
ตามสิทธิพึงมีทั้งระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน
สนับสนุนการใช้บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรประกันสังคม
การรับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทน
5. ผู้บริหารจัดการรายกรณี (case manager)
วางแผนให้ความช่วยเหลือครอบครัวหรือสมาชิกในครอบครัวให้เหมาะสมกับปัญหาหรือความต้องการของผู้รับบริการ
3. ตัวแบบอย่างที่ดี (role model)
พยาบาลชุมชนจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับครอบครัวในการดูแลสุขภาพ
การรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
2. ผู้สอนและที่ปรึกษา (educator and counselor)
ให้ข้อมูลข่าวสารที่ช่วยให้ครอบครัวพัฒนาศักยภาพในการดูแลสุขภาพทั้งในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วย เพื่อให้ครอบครัวสามารถตัดสินใจเลือกวิธีชีวิต
8. ผู้ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม (environmental modifier)
พยาบาลชุมชนจะดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับสภาพของสมาชิกในครอบครัว
ครอบครัวที่มีผู้ป่วยเรื้อรัง
ครอบครัวที่มีผู้ป่วยสูงอายุ
7. ผู้ค้นหาผู้ป่วย (case finder)
การค้นหาผู้ที่มีปัญหาหรือมีความต้องการด้านสุขภาพเพื่อดำเนินให้บริการสุขภาพตามความจำเป็น
ค้นหารผู้ป่วยจากแผนกผู้ป่วยใน
ผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งในชุมชน
6. ผู้ร่วมงาน (collaborator)
การทำงานร่วมกับทีมสุขภาพในทุกขั้นตอนของกระบวนการพยาบาล
การวางแผนแก้ไขปัญหาในการดูแลสุขภาพที่บ้านจะต้องวางแผนร่วมกันทั้งผู้รับบริการ ครอบครัว และผู้ให้บริการสุขภาพอื่นๆ
พยาบาลชุมชนจะให้บริการสุขภาพแบบผสมผสานทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคหรือลดภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพ การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ