Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
news41802_855
กรณีศึกษา…
กรณีศึกษา: อุบัติเหตุหมู่ รถทัวร์ชนรถสองแถว
รายที่ 5 ชาย อายุ 14 ปี ศีรษะกระแทกเกาะกลางถนน มีแผลแตกที่ท้ายทอย เรียกไม่รู้สึกตัว หายใจแผ่ว
RR 8 bpm มีแผลแตกที่ต้นขาขวา กระดูกโผล่ มีแผลถลอกแขนซ้ายและลำตัวด้านหลัง PR 62 bpm BP 88/62 mmHg GCS E1V1M1
Triage sort Respiratory = 2 Systolic blood pressure = 3 Glasgow coma scale = 0 Triage sort score = 5 คือ T1 (สีแดง) ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
การดูแล
- ทำการห้ามเลือดเลือดจากแผลที่บริเวณต้นขาขวา
-
- ดูแลให้ออกซิเจนโดยให้ทาง Ambu bag (BVM = Bag valve mask)
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NSS 1000 cc IV
- ทำแผลบริเวณแผลถลอกแขนซ้ายและลำตัวด้านหลัง
- ประเมิน vital sign, O2 saturation, GCS ซ้ำ ทุก 5 นาที
Triage sieve ผู้บาดเจ็บไม่สามารถเดินได้ หายใจได้เอง แต่หายใจแผ่ว RR 8 bpm (ถ้าหายใจน้อยกว่า 9 ครั้ง/นาทีหรือมากกว่า 30 ครั้ง/นาทีให้จัดอยู่ในกลุ่ม T1, Immediate,สีแดง)
รายที่ 3 หญิง อายุ 42 ปี มีแผลที่หน้าผากขนาด 2x3 cm สลบ เรียกไม่รู้สึกตัว RR 10 bpm PR 92 bpm BP 108/82 mmHg GCS E1V1M1
Triage sort Respiratory = 4 Systolic blood pressure = 4 Glasgow coma scale = 0 Triage sort score = 8 คือ T1 (สีแดง) ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
การดูแล
- ดูแลให้ออกซิเจนโดยให้ทาง Ambo bag (BVM = Bag valve mask)
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NSS 1000 cc IV
-
- ประเมิน vital sign, O2 saturation, GCS ซ้ำ ทุก 5 นาที
Triage sieve ผู้บาดเจ็บไม่สามารถเดินได้ สลบ เรียกไม่รู้สึกตัว หายใจได้เอง RR 10 bpm (ถ้าอัตราการหายใจ 10-29 bpm ให้ประเมินชีพจรต่อ) ผู้บาดเจ็บมี PR 92 bpm (ถ้าชีพจรน้อยกว่า 120 bpm ให้จัดอยู่ใน T2,Urgent,สีเหลือง)
รายที่ 4 เด็กชาย อายุ 5 ปี ลุกเดินไปร้องไห้งอแงอยู่ข้างแม่อยู่ข้างแม่ (ผู้ป่วยรายที่ 3) RR 30 bpm มีแผลถลอกที่แขนและขาขวา bpm PR 88 bpm BP 116/92 mmHg GCS E4V4M5
การดูแล
- ดูแลให้ออกซิเจนโดยให้ Mask with reservoir bag (non rebreather bag) 10-12 LPM.
- ทำแผลถลอกที่บริเวณแขนและขาขวา
- ประเมิน vital sign, O2 saturation, GCS ซ้ำ ทุก 15 นาที
Triage sort Respiratory = 3 Systolic blood pressure = 4 Glasgow coma scale = 4 Triage sort score = 11 คือ T2 (สีเหลือง) ต้องดูแลรักษาภายใน 2-4 ชั่วโมง
Triage sieve เด็กสามารถลุกเดินได้ จึงจัดให้อยู่ในกลุ่ม T3,delayed,สีเขียว คือ ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง
การประเมินผู้ป่วย
Triage sieve

Triage sort
รายที่ 1 ชาย อายุ 15 ปี นั่งอยู่ข้างถนน ยกมือขอความช่วยเหลือ มีแผลถลอกที่แขนซ้าย หน้าแข้งซ้ายปวดโก่ง
ผิดรูป RR 22 bpm PR 98 bpm BP 110/94 mmHg GCS E4V5M3
Triage sort Respiratory = 4 Systolic blood pressure = 4
Glasgow coma scale = 3 Triage sort score = 11 คือ T2 (สีเหลือง) ต้องดูแลรักษาภายใน 2-4 ชั่วโมง
การดูแล 1. ดามกระดูกที่หัก ให้ครอบคลุมข้อต่อที่อยู่เหนือและใต้ต่อส่วนที่หัก (One joint above, one joint below) ในท่าที่ทำให้มีการเจ็บปวดน้อยที่สุด 2. ทำแผลบริเวณแผลถลอกที่แขนซ้าย
- ประเมิน vital sign, O2 saturation, GCS ซ้ำ ทุก 15 นาที
Triage sieve ผู้บาดเจ็บไม่สามารถเดินได้ เนื่องจากบาดเจ็บที่ขา แต่สามารถหายใจได้เอง (ถ้าอัตราการหายใจ 10-29 bpm ให้ประเมินชีพจรต่อ) ผู้บาดเจ็บมี RR 22 bpm จึงประเมินชีพจร ผู้บาดเจ็บมี PR 98 (ถ้าชีพจรน้อยกว่า 120 bpm ให้จัดอยู่ใน T2,Urgent,สีเหลือง)
รายที่7 หญิง 13 ปี ลำตัว ลำตัวมีรอยฟกช้ำถลอก บ่นปวดท้อง หายใจไม่สะดวก RR 18 bpm PR 118 bpm BP 116/90 mmHg GCS E4V5M5
Triage sort Respiratory = 4 Systolic blood pressure = 4 Glasgow coma scale = 4 Triage sort score = 12 คือ T3 (สีเขียว) รอได้นานเกิน 4 ชั่วโมง
การดูแล
-
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NSS 1000 cc IV
- ประเมิน vital sign, O2 saturation, GCS ซ้ำ ทุก 15 นาที
Triage sieve ผู้บาดเจ็บเดินไม่ไหว บ่นปวดท้อง หายใจไม่สะดวก RR 18 bpm (ถ้าอัตราการหายใจ 10-29 bpm ให้ประเมินชีพจรต่อ) ผู้บาดเจ็บมี PR 118 bpm (ถ้าชีพจรน้อยกว่า 120 bpm ให้จัดอยู่ใน T2,Urgent,สีเหลือง)
รายที่ 6 ชายขับรถ 2 แถว อายุ 55 ปี ติดอยู่ในตัวรถ เรียกไม่รู้สึกตัว RR 12 bpm หน้าอกถูกอัดกับพวงมาลัยรถ ต้นขาผิดรูปทั้งสองข้าง PR 88 bpm BP 96/64mmHg GCS E1V1M1
Triage sort Respiratory = 4 Systolic blood pressure = 4 Glasgow coma scale = 0 Triage sort score = 8 คือ T1 (สีแดง) ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
การดูแล
- ดามกระดูกที่หัก ให้ครอบคลุมข้อต่อที่อยู่เหนือและใต้ต่อส่วนที่หัก (One joint above, one joint below) ในท่าที่ทำให้มีการเจ็บปวดน้อยที่สุด
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NSS 1000 cc IV
- ประเมิน vital sign, O2 saturation, GCS ซ้ำ ทุก 5 นาที
Triage sieve ผู้บาดเจ็บไม่สามารถเดินได้ ติดอยู่ในตัวรถ เรียกไม่รู้สึกตัว หายใจได้เอง RR 12 bpm (ถ้าอัตราการหายใจ 10-29 bpm ให้ประเมินชีพจรต่อ) ผู้บาดเจ็บมี PR 88 bpm (ถ้าชีพจรน้อยกว่า 120 bpm ให้จัดอยู่ใน T2,Urgent,สีเหลือง)
รายที่ 2 ชาย อายุ 12 ปี มีรอยถลอกช้ำบริเวณทรวงอกด้านขวา บ่นหายใจไม่สำดวก แน่นหน้าอก RR 28 bpm มีแผลฉีกขาดที่ต้นแขนขวา ขนาด 2x4 cm เลือดไหลซึมตลอด PR 104 bpm BP 122/101 mmHg GCS E4V5M4
Triage sort Respiratory = 4 Systolic blood pressure = 4 Glasgow coma scale = 4 Triage sort score = 12 คือ T3 (สีเขียว) รอได้นานเกิน 4 ชั่วโมง
การดูแล
- ทำการห้ามเลือดที่บริเวณต้นขาขวา
-
- ดูแลให้ออกซิเจนโดยให้ Mask with reservoir bag (non rebreather bag) 15 LPM.
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NSS 1000 cc IV
- ประเมิน vital sign, O2 saturation, GCS ซ้ำ ทุก 15 นาที
Triage sieve ผู้บาดเจ็บไม่สามารถเดินได้ เนื่องจากบาดเจ็บที่ทรวงอก ประเมินการหายใจพบว่า หายใจได้เอง แต่หายใจไม่สะดวก RR 28 bpm (ถ้าอัตราการหายใจ 10-29 bpm ให้ประเมินชีพจรต่อ) ประเมินชีพจรต่อ ผู้บาดเจ็บมี PR 104 bpm (ถ้าชีพจรน้อยกว่า 120 bpm ให้จัดอยู่ใน T2,Urgent,สีเหลือง)
สถานการณ์: เวลา 15.30 น. ได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการ มีเหตุรถทัวร์ชนกับรถสองแถวและรถกระบะบนถนนมิตรภาพขาเข้าโคราชหน้าเซฟวัน มีผู้บาดเจ็บ 7 คน
-

Transfer ส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสม
จัดกลุ่มผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม
*Transfer ไปที่โรงพยาบาลในเขตพื้นที่รับผิดชอบที่ใกล้ที่สุดคือ โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมาโดยมีการจัดลำดับนำส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลโดยการคัดแยกผู้บาดเจ็บตามระดับความรุนแรง (Triage sieve) ทันทีที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งต้องประเมินอย่างต่อเนื่องเพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
- สีเหลืองผู้ป่วยภาวะเฉียบพลันไม่เร่งด่วน : ผู้ป่วยอาการปานกลาง
รายที่ 1 ชายอายุ 15 ปี นั่งอยู่ข้างถนน ยกมือขอความช่วยเหลือ มีแผลถลอกที่แขนซ้าย หน้าแข้งซ้ายปวดโก่ง ผิดรูป RR 22 bpm BP 110/94 mmHg GCS E4V5M3
รายที่ 2 ชาย อายุ 12 ปี มีรอยถลอกช้ำบริเวณทรวงอกด้านขวา บ่นหายใจไม่สำดวก แน่นหน้าอก RR 28 bpm มีแผลฉีกขาดที่ต้นแขนขวา ขนาด 2x4 cm เลือดไหลซึมตลอด PR 104 bpm BP 122/101 mmHg GCS E4V5M4
รายที่ 3 หญิง อายุ 42 ปี มีแผลที่หน้าผากขนาด 2x3 cm สลบ เรียกไม่รู้สึกตัว RR 10 bpm PR 92 bpm BP 108/82 mmHg GCS E1V1M1
รายที่ 6 ชายขับรถ 2 แถว อายุ 55 ปี ติดอยู่ในตัวรถ เรียกไม่รู้สึกตัว RR 12 bpm หน้าอกถูกอัดกับพวงมาลัยรถ ต้นขาผิดรูปทั้งสองข้าง PR 88 bpm BP 96/64 mmHg GCS E1V1M1
รายที่ 7 หญิง 13 ปี ลำตัว ลำตัวมีรอยฟกช้ำถลอก บ่นปวดท้อง หายใจไม่สะดวก RR 18 bpm PR 118 bpm BP 116/90 mmHg GCS E4V5M5
เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ประจำรถ : หน่วยกู้ชีพระดับกลาง (Intermediate Life Support, ILS) สามารถให้การพยาบาลผู้ป่วยในภาวะใกล้วิกฤตได้ การช่วยชีวิตและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยเทคนิคชั้นสูง ที่มีอุปกรณ์ถูกวิธี สามารถให้สารละลายทางเส้นเลือดและยาบางชนิดได้โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ประจำศูนย์สั่งการ
บุคลากร
- เจ้าพนักงานกู้ชีพพร้อมพยาบาลเทคนิคจำนวน 2 คน หรือ
- เจ้าพนักงานกู้ชีพ 1 คน/พยาบาลเทคนิค 1 คน และเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรม First Responder 1 คน
- คนขับรถที่ผ่านหลักสูตร First Responder
อุปกรณ์
- อุปกรณ์ช่วยชีวิต Self-inflating lung bag พร้อม Mask ต่าง ๆ อุปกรณ์ใส่ท่อช่วยหายใจ. ถังออกซิเจนติดในรถ 1 ถัง และชนิดเคลื่อนย้ายได้ 1 ถัง เครื่องดูดเสมหะ
- อุปกรณ์การขนย้ายลำเลียง เช่น เปลตัก , Spinal board , Splint คอและแขน , ที่ยึดตรึงศีรษะ
-
-
-
-
- อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ
- คู่มือปฏิบัติงานที่มีมาตรฐาน
-
- สีแดงผู้ป่วยวิกฤติ (T1) : ต้องได้รับการนำส่งรพ.ทันที และต้องได้รับการรักษาเพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนที่สุด ประกอบด้วย
รายที่ 5 ชาย อายุ 14 ปี ศีรษะกระแทกเกาะกลางถนน มีแผลแตกที่ท้ายทอย เรียกไม่รู้สึกตัว หายใจแผ่ว RR 8 bpm มีแผลแตกที่ต้นขาขวา กระดูกโผล่ มีแผลถลอกแขนซ้ายและลำตัวด้านหลัง bpm PR 62 bpm BP 88/62 mmHg GCS E1V1M1
เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ประจำรถ : หน่วยกู้ชีพระดับสูง (Advanced Life Support, ALS) สามารถให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยหนัก การช่วยชีวิตขั้นสูง การใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า การปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยเทคนิคขั้นสูง สามารถให้สารละลายทางเส้นเลือดและยาบางชนิดได้ โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ประจำศูนย์สั่งการ โดยมีเจ้าหน้าที่และบุคลากรดังต่อไปนี้
- แพทย์ หรือพยาบาลวิชาชีพที่ผ่านการอบรม ACLS, มีประสบ การณ์ภาคสนามกับหน่วยกู้ชีพ และผ่านการสอบข้อเขียนในเรื่องการให้ยาและความรู้ความเข้าใจในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
-
- คนขับรถ ที่ผ่านหลักสูตร First Responder (การปฐมพยาบาลสำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร 20 ชั่วโมง )
- เจ้าหน้าที่ ที่ผ่านการอบรม First Responder (การปฐมพยาบาลสำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร 20 ชั่วโมง )
*โดยทุกคนต้องมีความรู้ในเรื่องความสามารถในการใช้อุปกรณ์และเวชภัณฑ์ในการกู้ชีพระดับ ALS ความสามารถในการช่วยเหลือผู้ป่วย trauma ได้ถูกต้อง ความสามารถในการลำเลียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ถูกต้อง
อุปกรณ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยวิกฤติ (ในระดับสีแดง) อย่างทันท่วงที มีอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ และเครื่องช่วยชีวิตที่มีมาตรฐานสูง เช่น เครื่องช่วยหายใจ , เครื่องกระตุกหัวในไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED.) เครื่องวัดระดับการเต้นของชีพจรและหัวใจ อุปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายและยึดตรึงผู้ป่วย อุปกรณ์ในการป้องกันตนเอง ฯลฯ
-