Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อมูลยาแผนไทยและยาจากสมุนไพรที่มีโอกาส ใช้แทนยาแผนปัจจุบัน :…
ข้อมูลยาแผนไทยและยาจากสมุนไพรที่มีโอกาส
ใช้แทนยาแผนปัจจุบัน : ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ
กลุ่มอาการของระบบทางเดินอาหาร
ขมิ้นชัน (Turmeric)
ชื่อวิทยาศาสตร์1: Curcuma longa L.
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)1: เหง้า
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology)
ขมิ้นชันมีสารสำคัญคือ กลุ่ม curcuminoids
ข้อบ่งใช้ (Indication)4: บรรเทาอาการแน่นจุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)4:
รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม - 1 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
รูปแบบยา (Dosage form)4: ยาแคปซูล ยาเม็ด
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)4: ผิวหนังอักเสบจากการแพ้
ข้อห้ามใช้ (Contraindication)4: ห้ามใช้กับผู้ที่ท่อน้ำดีอุดตัน หรือผู้ที่ไวต่อยานี้
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)
ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี ยกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์
ควรระวังการใช้กับหญิงตั้งครรภ์ ยกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์
ควรระวังการใช้กับเด็ก เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย
อันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยา (Herb-Drug Interaction)
สารกันเลือดเป็นลิ่ม anticoagulants
ยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด antiplatelet agents
ยาละลายลิ่มเลือด thrombolytic agents
ยาที่กระบวนการเมแทบอลิซึม ผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP 450) เนื่องจากสาร curcumin ยับยั้ง CYP 3A4, CYP 1A2 แต่กระตุ้นเอนไซม์ CYP 2A6
ยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด เช่น doxorubicin, chlormethine, cyclophosphamide และ camptothecin อาจมีผลต้านฤทธิ์ยาดังกล่าว
ยากลุ่ม Beta blockers เนื่องจาก curcumin มีผลลดการดูดซึมยา talinolol ในคน แต่เพิ่มการดูดซึม celiprolol ในหนูทดลอง
ขิง (Ginger)
ชื่อวิทยาศาสตร์1: Zingiber officinale Rosc.
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)1: เหง้า
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology)
มีกลไกการออกฤทธิ์โดยกระตุ้นการทำงาน
เพิ่มการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้
ข้อบ่งใช้ (Indication)
บรรเทาอาการท้องอืด ขับลม แน่นจุกเสียด
ป้องกันและบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่มีสาเหตุจากการเมารถ เมาเรือ
ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังการผ่าตัด
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)
บรรเทาอาการท้องอืด ขับลม แน่นจุกเสียด รับประทานวันละ 2 – 4 กรัม
ป้องกันและบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการเมารถ เมาเรือ รับประทานวันละ 1 – 2 กรัม ก่อนเดินทาง 30 นาที – 1 ชั่วโมง หรือเมื่อมีอาการ
ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังการผ่าตัด รับประทานครั้งละ 1 กรัม ก่อนการผ่าตัด 1 ชั่วโมง
รูปแบบยา (Dosage form)
ยาแคปซูล ยาชง ยาผง
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)4
อาการแสบร้อนบริเวณทางเดินอาหาร อาการระคายเคืองบริเวณปากและคอ
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)
ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี ยกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์
ไม่แนะนำให้รับประทานในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ
อันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยา (Herb-Drug Interaction)
สารกันเลือดเป็นลิ่ม anticoagulants
ยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด antiplatelet agents
Nifedipine เนื่องจากมีรายงานว่าการให้ร่วมกันของขิงและ nifedipine ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
ยาธาตุอบเชย
สูตรตำรับ
ในยาน้ำ 100 มิลลิลิตร ประกอบด้วย เปลือกอบเชยเทศ เปลือกสมุลแว้ง ลูกกระวาน ดอกกานพลู รากชะเอมเทศ หนักสิ่งละ 800 มิลลิกรัม เกล็ดสะระแหน่ การบูร หนักสิ่งละ 50 มิลลิกรัม
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology)
เปลือกอบเชยเทศ
แก้ลมอัมพฤกษ์ แก้ไข้สันนิบาต แก้อ่อนเพลีย ขับผายลม
เปลือกสมุลแว้ง
แก้น้ำลายเหนียว แก้ไอ กัดเสมหะ ขับลม
ลูกกระวาน
ขับลม
ดอกกานพลู
แก้ท้องอืด ท้องเฟื้อ จุกเสียดแน่น
รากชะเอมเทศ
แก้ไอ ขับเสมหะ
เกล็ดสะระแหน่
ขับลม
การบูร
ขับลม ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ แก้ปวด
มะขามแขก (Alexandrian Senna)
ชื่อวิทยาศาสตร์4: Senna alexandrina Mill.
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)4: ใบ
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology)
มะขามแขกมีสารสำคัญคือ กลุ่ม anthraquinone glycosides
มื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกายจะถูกแบคทีเรียในลำไส้
ทำปฏิกิริยาได้สารกลุ่ม anthraquinone ซึ่งสามารถดูดซึมผ่านผนังลำไส้
มีกลไกการออกฤทธิ์ผ่านการกระตุ้นระบบประสาทในชั้น submucosal
ข้อบ่งใช้ (Indication)4
บรรเทาอาการท้องผูก
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)
ชนิดชง รับประทานครั้งละ 2 กรัม ชงน้ำร้อนประมาณ 120 - 200 มิลลิลิตร ก่อนนอน
ชนิดแคปซูลและชนิดเม็ด รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม – 1.2 กรัม ก่อนนอน
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)
ปวดมวนท้อง ผื่นคัน
ข้อห้ามใช้ (Contraindication)4
ผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตัน (gastrointestinal obstruction) หรือปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)
ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือในผู้ป่วย inflammatory bowel disease
การรับประทานยาในขนาดสูง อาจทำให้เกิดไตอักเสบ (nephritis)
ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากเกินไปโดยเฉพาะ
โพแทสเซียมและการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้ลำไส้ใหญ่ชินต่อยา ถ้าไม่ใช้ยาจะไม่ถ่าย
ควรระวังการใช้ ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
อันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยา (Herb-Drug Interaction)
Digoxin อาจทำให้อาการข้างเคียงเพิ่มขึ้น เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ การมองเห็นผิดปกติ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม
Corticosteroids อาจทำให้เกิดอาการไฮโปคาลีเมีย
Diuretics (loop diuretics และ thiazide diuretics) อาจทำให้เกิดอาการไฮโปคาลีเมีย
Theophylline อาจทำให้เกิดอาการไฮโปคาลีเมีย
กลุ่มอาการของระบบทางเดินหายใจ
ฟ้าทะลายโจร (Andrographis)
ชื่อวิทยาศาสตร์1: Andrographis paniculata (Burm. f.) Wall. ex Nees
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)1: ส่วนเหนือดิน
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology)
ฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญคือ andrographolide
มีกลไกช่วยลดอาการของโรคหวัด โดยลดอาการเจ็บคอ ความเหน็ดเหนื่อย
อาการนอนไม่หลับ น้ำมูกไหล
นอกจากนี้ยังพบกลไกการลดการอักเสบ ผ่านการลดการสร้าง nitric oxide
ข้อบ่งใช้ (Indication)6
บรรเทาอาการเจ็บคอ
บรรเทาอาการของโรคหวัด (common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)
บรรเทาอาการหวัด เจ็บคอ รับประทานครั้งละ 1.5 – 3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร และก่อนนอน
รูปแบบยา (Dosage form)
ยาแคปซูล ยาเม็ด ยาลูกกลอน
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)
อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษได้
ข้อห้ามใช้ (Contraindication)
ห้ามใช้กับผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร
ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร เนื่องจากอาจทำให้เกิดทารกวิรูปได้
ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A
ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากเคยติดเชื้อ Streptococcus group A
ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูห์มาติค
ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง และหนาวสั่น
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)
หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง
หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือ มีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยาควรหยุดใช้และพบ แพทย์
ตรีผลา
สูตรตำรับ
ประกอบด้วย มะขามป้อม (Phyllanthus emblica L) สมอไทย (Terminalia chebula Retz.) และ สมอพิเภก [Terminalia bellirica (Gaertn.) Roxb.] อย่างละเท่ากัน
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology)
ตรีผลามีส่วนผสมของมะขามป้อม
มีกลไกช่วยกระตุ้นการหลังเมือกในระบบทางเดินหายใจ (laryngopharyngeal
ลดการกระตุ้นที่ irritant receptor ทำให้การไอลดลง
ข้อบ่งใช้ (Indication)6
บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)
ชนิดชง
รับประทานครั้งละ 1 - 2 กรัม ชงน้ำร้อนประมาณ 120 – 200 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 3 - 5 นาที
ดื่มในขณะยังอุ่น เมื่อมีอาการไอ ทุก 4 ชั่วโมง
ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน
รับประทานครั้งละ 300 - 600 มิลลิกรัม เมื่อมีอาการไอ วันละ 3 - 4 ครั้ง
รูปแบบยา (Dosage form)
ยาเม็ด ยาลูกกลอน ยาแคปซูล ยาชง
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)
ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ท้องเสียง่าย
อาการทางสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา
ยาประสะไพล
สูตรตำรับ1: ไพล หนัก 81 ส่วน ผิวมะกรูด ว่านน้ำ กระเทียม หัวหอม พริกไทย ดีปลี ขิง ขมิ้นอ้อย เทียนดำ เกลือสินเธาว์ หนักสิ่งละ 8 ส่วน การบูร หนัก 1 ส่วน
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology): สารสกัดไพลและสาร (E)-4-(3',4'-dimethoxyphenyl)but-3-en-2-ol ซึ่งเป็นสารสำคัญในเหง้าไพลสามารถลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูกได้2 และสรรพคุณตามหลักการแพทย์แผนไทย
ข้อบ่งใช้ (Indication)1:
ระดูมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ
บรรเทาอาการปวดประจำเดือน
ขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)1:
กรณีระดูมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ
ชนิดผง
รับประทานครั้งละ 1 กรัม ละลายน้ำสุก วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เป็นเวลา 3 - 5 วัน เมื่อระดูมา ให้หยุดรับประทาน
ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน
รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เป็นเวลา 3 - 5 วัน เมื่อระดูมาให้หยุดรับประทาน
กรณีปวดประจำเดือน
ในกรณีที่มีอาการปวดประจำเดือนเป็นประจำ ให้รับประทานยาก่อนมีประจำเดือน 2 - 3 วันไปจนถึงวันแรกและวันที่สองที่มีประจำเดือน
ชนิดผง
รับประทานครั้งละ 1 กรัม ละลายน้ำสุก วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน
รับประทานครั้งละ 1 กรัมวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
กรณีขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร
ชนิดผง
รับประทานครั้งละ 1 กรัม ละลายน้ำสุก วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ให้รับประทานจนกว่าน้ำคาวปลาจะหมด แต่ไม่เกิน 15 วัน
ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน
รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ให้รับประทานจนกว่าน้ำคาวปลาจะหมด แต่ไม่เกิน 15 วัน
รูปแบบยา (Dosage form)1: ยาแคปซูล ยาผง ยาเม็ด ยาลูกกลอน
ข้อห้ามใช้ (Contraindication)1:
• ห้ามใช้ในหญิงตกเลือดหลังคลอด หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีไข้
• ห้ามรับประทานในหญิงที่มีระดูมากกว่าปกติ เพราะจะทำให้มีการขับระดูออกมามากขึ้น
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)1:
• ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับ ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกิดพิษได้
• กรณีระดูมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 1 เดือน
• กรณีขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 15 วัน
อาการทางระบบผิวหนัง
พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์1: Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)1: ใบ
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology): พญายอมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส herpes simplex virus ชนิดที่ 1 และ 2 ดังนี้ 1. สารสกัดจากผงใบแห้ง (เฮกเชน ไดคลอโรมีเทน และเมทานอล)2 2. สารกลุ่ม beta-galactosyl diglycerides3 และ 3. สารกลุ่ม chlorophyll derivatives (phaeophytins) 3 ชนิด ได้แก่ 132-hydroxy-(132-R)-phaeophytin b, 132-hydroxy-(132-S)-phaeophytin a และ 132-hydroxy-(132-R)-phaeophytin a. โดยสารกลุ่ม chlorophyll derivatives สามารถรบกวนโครงสร้างของ envelop หรือจับกับไกลโคโปรตีนของไวรัส ทำให้ไวรัสไม่สามารถเข้าสู่ host cell และแพร่กระจายต่อไปได้4
ข้อบ่งใช้ (Indication)5:
ยาครีม บรรเทาอาการของเริมและงูสวัด
สารละลาย (สำหรับป้ายปาก) รักษาแผลในปาก (aphthous ulcer) แผลจากการฉายรังสีและเคมีบำบัด
ยาโลชัน บรรเทาอาการผดผื่นคัน ลมพิษ ตุ่มคัน
ยาขี้ผึ้ง บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมจากแมลงกัดต่อย
ยาทิงเจอร์ บรรเทาอาการของเริม และงูสวัด
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)5: ทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 5 ครั้ง
รูปแบบยา (Dosage form)5: ยาครีม สารละลาย (สำหรับป้ายปาก) ยาโลชัน ยาขี้ผึ้ง ยาทิงเจอร์
ยารักษากลุ่มอาการอื่นๆ
หญ้าดอกขาว (Little Ironweed)
ชื่อวิทยาศาสตร์1: Cyanthillium cinereum (L.) H.Rob.
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)2: ต้น ใบ ดอก
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology): สารออกฤทธิ์และกลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบแน่ชัด โดยหญ้าดอกขาวสามารถออกฤทธิ์เฉพาะที่ทางปากโดยทำให้ลิ้นชา การรับรู้กลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังพบอาการไม่รู้สึกอยากสูบบุหรี่ รู้สึกเหม็นกลิ่นบุหรี่ เมื่อสูบบุหรี่แล้วรู้สึกอยากอาเจียนในกลุ่มที่ใช้ชาหญ้าดอกขาวอีกด้วย2
ข้อบ่งใช้ (Indication)3: ลดความอยากบุหรี่
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)3:
รับประทานครั้งละ 2 กรัม ชงน้ำร้อนประมาณ 120 - 200 มิลลิลิตร หลังอาหาร วันละ 3 - 4 ครั้ง
รูปแบบยา (Dosage form)3: ยาชง
ข้อห้ามใช้ (Contraindication): -
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)3: ปากแห้ง คอแห้ง
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)3: ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต เนื่องจากยาหญ้าดอกขาวมีโพแทสเซียมสูง
กลุ่มอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก
เถาวัลย์เปรียง
ชื่อวิทยาศาสตร์1: Derris scandens (Roxb.) Benth
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)1: เถา
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology)
เถาวัลย์เปรียงมีสารสำคัญกลุ่ม Isoflavonoids
กลไกการออกฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยการยับยั้งการสร้างสารกลุ่ม eicosanoids
ข้อบ่งใช้ (Indication)
ยาเถาวัลย์เปรียง บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ
ยาสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียง บรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง และอาการปวดจากข้อเข่าเสื่อม
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)
ยาเถาวัลย์เปรียง รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม – 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารทันที
ยาสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียง รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารทันที
รูปแบบยา (Dosage form)3: ยาแคปซูล
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)
ปวดท้อง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย คอแห้ง ใจสั่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อุจจาระเหลว
ข้อห้ามใช้ (Contraindication)3: ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)
ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคแผลเปื่อยเพปติก เนื่องจากเถาวัลย์เปรียงออกฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวดกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs)
อาจทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
ยาสหัศธารา
สูตรตำรับ
พริกไทยล่อน
ขับลม ขับเหงื่อ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยให้เจริญอาหาร
รากเจตมูลเพลิงแดง
บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต ขับลมในลำไส้ ขับประจำเดือน กระจายเลือดลม
ดอกดีปลี
ขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง แก้ท้องร่วง บำรุงธาตุ แก้ลมวิงเวียน
หัศคุณเทศ
ขับลมที่เป็นก้อนในท้องให้กระจาย แก้ขัดยอก เสียดแทง
เนื้อลูกสมอไทย
แก้บิด แก้ท้องผูก ท้องขึ้นอืดเฟ้อ ตับ ม้ามโต แก้อาเจียน แก้สะอึก แก้หืดไอ
รากตองแตก
ใช้เป็นยาถ่าย ถ่ายเสมหะเป็นพิษ ไม่ไซร้ท้อง แก้บวมน้ำ แก้ฟกบวม
เหง้าว่านน้ำ
ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด อาหารไม่ย่อย แก้ปวดตามข้อ
ดอกจันทน์
บำรุงโลหิต บำรุงธาตุ ขับลม
เทียนแดง
แก้เสมหะ แก้ลม น้ำดีพิการ แก้เสียดแทงสองราวข้าง แก้คลื่นเหียนอาเจียน
ลูกจันทน์
บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ท้องร่วง แก้ปวด ขับลมในลำไส้
เทียนตาตั๊กแตน
บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อในเด็ก ขับลม แก้เสมหะพิการ แก้กำเดา
เทียนสัตตบุษย์
ขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อในเด็ก แก้ไข้ จับให้หอบให้สะอึก แก้พิษอันระส่ำระส่าย
เทียนดำ
ขับเสมหะให้ลงสู่คูถทวาร ขับลมในลำไส้ แก้อาเจียน บำรุงโลหิต
มหาหิงคุ์
ขับลมในลำไส้ แก้ท้องขึ้น อืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ ขับเสมหะ ขับผายลม ช่วยย่อยอาหาร
โกฐกักกรา
แก้ลมคลื่นเหียน แก้ดีพิการ แก้ปวดหัว แก้ตัวร้อน นอนสะดุ้ง ขับลม
โกฐเขมา
เป็นยาบำรุงธาตุ เจริญอาหาร แก้แผลเน่าเปื่อย แก้เสียดแทงสองราวข้าง ระงับอาการหอบ
โกฐก้านพร้าว
แก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย แก้ไข้ แก้หอบ แก้เสมหะเป็นพิษ
โกฐพุงปลา
ฝาดสมาน แก้ท้องเสีย แก้บิด อาเจียน ปวดเบ่ง
การบูร
ขับลม ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ แก้ปวด
ข้อบ่งใช้ (Indication)3: ขับลมในเส้น แก้โรคลมกองหยาบ
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)3: รับประทานครั้งละ 1 – 1.5 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
รูปแบบยา (Dosage form)3: ยาแคปซูล ยาผง ยาเม็ด ยาลูกกลอน
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)3: ร้อนท้อง แสบท้อง คลื่นไส้ คอแห้ง ผื่นคัน
ข้อห้ามใช้ (Contraindication)3: ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีไข้
ไพล (Cassumunar Ginger)
ชื่อวิทยาศาสตร์13: Zingiber montanum (J.KÖenig) Link ex A.Dietr.
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)13: เหง้า
ข้อบ่งใช้ (Indication)3: บรรเทาอาการบวม ฟกช้ำ เคล็ดยอก
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)3: ทาและถูเบา ๆ บริเวณที่มีอาการวันละ 2-3 ครั้ง
รูปแบบยา (Dosage form)3: ยาครีม ยาน้ำมัน
ข้อห้ามใช้ (Contraindication)3:
ห้ามทาบริเวณขอบตาและเนื้อเยื่ออ่อน
ห้ามทาบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลหรือมีแผลเปิด
พริก (Chili pepper)
ชื่อวิทยาศาสตร์3: Capsicum annuum L., Capsicum frutescens L.
ส่วนที่ใช้เป็นยา (Part used)3: ผล
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (Pharmacology): พริกมีสารสำคัญคือ capsaicin กลไกการออกฤทธิ์โดยการกระตุ้น Transient Receptor Potential Vanilloid 1 (TRPV1) ที่เป็น ligand-operated cationic channel อยู่บริเวณปลายประสาทรับความรู้สึกเมื่อกระตุ้น TRPV1 channel ด้วย capsaicin จะทำให้สารสื่อประสาท(เช่น substance P) หลั่งจากปลายประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนในระยะแรก ต่อมาเมื่อมีการลดลงของสารสื่อประสาท (substance P depletion) จะทำให้อาการเจ็บปวดแสบร้อนลดลง พร้อมกับสามารถลดอาการปวดของในบริเวณนั้นได้
ข้อบ่งใช้ (Indication)3: บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ (musculoskeletal pain)
ขนาดและวิธีใช้ (Dosage & Administration)3: ทาบริเวณที่ปวด 3 - 4 ครั้ง ต่อวัน
รูปแบบยา (Dosage form)3: ยาเจล ยาครีม ยาขี้ผึ้ง
อาการไม่พึงประสงค์ (Adverse reaction)3: ผิวหนังแดง ปวด และแสบร้อน
ข้อห้ามใช้ (Contraindication) 3:
• ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ capsaicin
• ห้ามสัมผัสบริเวณตา
• ระวังอย่าทายาพริกบริเวณผิวที่บอบบางหรือบริเวณผิวหนังที่แตก เนื่องจากทำให้เกิดอาการระคายเคือง
คำเตือนและข้อควรระวัง (Warning & Precaution)3:
• การใช้ร่วมกับยารักษาโรคหัวใจ กลุ่ม angiotensin-converting enzyme inhibitor (ACE inhibitor) อาจทำให้เกิดอาการไอเพิ่มขึ้น
• อาจเพิ่มการดูดซึมของยาโรคหอบหืด คือ theophylline ชนิดออกฤทธิ์เนิ่นนาน
นางสาวภัคนันท์ ภารมาตย์ รหัสนิสิต 6305010136