Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
ภาวะความดันโลหิตสูงวิกฤต
(Hypertensive crisis)
ศัพท์
Target organ damage (TOD) หมายถึง ความผิดปกติที่เกิดแก่อวัยวะในร่างกายจากความดันโลหิตสูง ได้แก่ การแข็งตัวของหลอดเลือดแดง หัวใจห้องล่างซ้ายโต้ เป็นต้น
Cardiovascular disease (CVD) หมายถึง โรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคของหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี่ โรคหัวใจล้มเหลว เป็นต้น
Hypertension หมายถึง ความดันโลหิตที่วัดมีค่ามากกว่า 140/90 มม.ปรอท ในผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป
Hypertensive urgency คือ ภาวะความดันโลหิตสูงรุนแรงแต่ไม่มีอาการของอวัยวะเป้าหมายถูกทำลาย ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก
Hypertensive emergency หมายถึง ภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่า 180/120 มม.ปรอท ร่วมกับมีการทำลายของอวัยวะเป้าหมาย อาจมีอาการของ Stroke, Kidney failure เป็นต้น เมื่อเกิดแล้วเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง หรืออาจเรียกชื่อว่า hypertensive crisis หรือ malignant hypertension ก็ได้
สาเหตุ
มีการใช้ยาเกี่ยวกับความดันโลหิต
โรคไตเฉียบพลัน(Acute)หรือเรื้อรัง(Chronic)
หยุดยาลดความดันกระทันหัน
อาการกำเริบของความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
อาการและอาการแสดง
Myocardial infarction
Unstable angina
Acute cardiovascular syndromes
Pulmonary edema
hypertensive encephalopathy
Aortic dissection
การซักประวัติ
โรคประจำตัว หรือโรคอื่นๆที่เคยเป็นและเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตเช่น Hypertension, coarctation of aorta, renal artery stenosis, Congenital adrenal hyperplasia (CAH), Hyperthyroidism เป็นต้น
สอบถามอาการของอวัยวะที่ถูกผลกระทบจากโรค
ความดันโลหิตสูง (target organ damage, TOD) เช่น Headache, blurred vision, change in level of consciousness, coma เป็นต้น
ถามโรคประจำตัว ความสม่ำเสมอในการรับประทานยาผลข้างเคียงของยาที่ใช้ การสูบบุหรี่ ประวัติความดันโลหิตสูงที่เป็นในสมาชิกครอบครัว ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด มีอาการ chest pain เหนื่อยง่ายแน่นอกเวลาออกแรง ถ้าพบว่าเคยมีอาการไตวายเฉียบพลัน ปริมาณปัสสาวะลดลง หรืออาจไม่มีการขับถ่ายปัสสาวะ
การตรวจร่างกาย
วัดสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิตเปรียบเทียบกันจากแขนซ้ายและขวา น้ำหนัก ส่วนสูง BMI เส้นรอบเอว
ตรวจหาความผิดปกติที่เกิดจาก TOD
ตรวจจอประสาทตา
Papilledema
ประเมินภาวะ increased intracranial pressure ตรวจ retina
cotton-wool spots and hemorrhages
ตรวจ Retina ว่ามีการแตกของ retina blood vessels และ retina nerves หรือไม่
โรคหลอดเลือดสมอง
แขนขาชาหรืออ่อนแรงครึ่งซีก blurred vision ระดับความรูhสึกตัวผิดปกติ coma
Chest pain
acute coronary syndrome or aortic dissection
oliguria or azotemia
คลำชีพจรที่แขนและขา
ทั้ง 2 ข้าง และวัดความดันโลหิตที่แขนทั้ง 2 ข้าง จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน(pseudohypotension)
การตรวจทางห5องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
การทำงานของไต
Creatinine, eGFR, albumin in Urine,
CBC
microangiopathic hemolytic anemia (MAHA)
หัวใจ
12-lead ECG, chest X-ray
สมอง
CT scan, MRI
การรักษา
ยาลดความดันโลหิตที่พึงประสงค์ควรออกฤทธิ์เร็วและหมดฤทธิ์เร็วเมื่อหยุดยา
ไม่ใช้ Nifedipine ออกฤทธิ์สั้นแต่ ความดันโลหิตลดต่ำไม่สามารถควบคุมได้
Admit ICU ทันที
MAP ลด 20-30% ใน 2 ชม. แรก และ 160/100 ภายใน 6 ชม.
การพยาบาล
ในระยะเฉียบพลัน
Cardiac symptoms เช่น aortic dissection, MI, dysrhythmias
Acute kidney failure
Neurologic symptoms เช่น confusion, stupor, seizures, coma, or stroke.
ในระหว๋างได็รับยา
ประเมินและบันทึก v/s ทุก 15 นาที capillary refill อุณหภูมิของผิวหนัง ปริมาณปnสสาวะสมดุลกับสารน้ำที่รับเข้าร่างกาย ค่า BUN Cr ปกติ
เฝ้าระวัง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ระดับความรู้สึกตัวลดลง สับสนบุคคลวันเวลาสถานที่
การรักษาด้วย short-acting intravenous antihypertensive agents
ติดตามอาการ excessive hypotension หัวใจเต้นช้า, ภาวะกรด phlebitis และที่สำคัญคือ cyanide toxicity ซึ่งจะมีอาการ หัวใจเต้นเต็ว ความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง หายใจตื้นเร็ว มีภาวะกรด ชัก และหมดสติ
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจกรรม
จัดท่านอน จัดสิ่งแวดล้อม การทำทำกิจวัตรส่วนตัว
ให้ความรู้/ข้อมูลแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการรักษา
เพื่อควบคุมความดันโลหิต และ
เหตุผลที่ต้องติดอุปกรณ์ที่ใช้เฝ้าระวังต่างๆ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
Risk for ineffective cerebral tissue perfusion
Risk for ineffective peripheral tissue perfusion
Anxiety related to threat to biologic, psychologic, or social integrity
Deficient knowledge related to lack of previous exposure to information
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะCardiac dysrhythmias
Atrial fibrillation (AF)
ประเภทของ AF
Paroxysmal AF
หายได้เองภายใน 7 วันโดยไม่ต้องใช้ยา หรือการช็อคไฟฟ้า
Persistent AF
ไม่หายได้เองภายใน 7 วัน หรือหายได้ดัวยการรักษาด้วยยา หรือการช็อคไฟฟ้า
Permanent AF
เป็นนานติดต่อกันกว่า 1 ปีโดยไม่เคยรักษาหรือเคยรักษาแต่ไม่หาย
Recurrent AF
AF ที่เกิดซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง
Lone AF
ที่เป็นในผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 60 ปี ที่ไม่มีความผิดปกติของหัวใจ และ HT
ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพริ้ว เกิดจากจุดปล่อยกระแสไฟฟ้า (ectopic focus) ใน atrium ส่งกระแสไฟฟ้าออกมาถี่และไม่สม่ำเสมอและไม่ประสานกัน ทำให้ atrium บีบตัวแบบสั่นพริ้ว และคลื่นไฟฟ้าไม่สามารถผ่านไปยัง ventricle ได้ทั้งหมด ลักษณะ ECG ไม่สามารถบอก P wave ได้ชัดเจน จังหวะไม่สม่ำเสมอ QRS complex ไม่เปลี่ยนแปลง
สาเหตุการเกิด
โรคหัวใจขาดเลือด
โรคหัวใจขาดเลือด
โรคหัวใจขาดเลือด
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
HT
open heart surgery
open heart surgery
อาการและอาการแสดง
ใจสั่น
เหนื่อยเวลาออกแรง
อ่อนเพลีย
คลำชีพจรที่ข้อมือได้เบา
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษาในผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีลิ่มเลือดเกิดขึ้น
สังเกตอาการและอาการแสดงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน สมอง ปอด แขนและขา
เตรียมผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการทำ Cardioversion เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
เตรียมผู้ป่วยในการทำRadiofrequency Ablation ในผู้ป่วยที่เป็น AF และไม่สามารถควบคุมด้วยยาได้
Ventricular tachycardia (VT)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดที่ ventricle เป็นจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจ ในอัตราที่เร็วมากแต่สม่ำเสมอ 150-250 ครั้ง/นาที ซึ่งจุดกำเนิดอาจมีตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่ง ลักษณะ ECG ไม่พบ P wave ลักษณะ QRS complex มีรูปร่างผิดปกติกว้างมากกว่า 0.12 วินาที VT อาจเปลี่ยนเป็น VF ได้ในทันทีและทำให้เสียชีวิต
ประเภทของ VT
Nonsustained VT
เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลาน้อยกว่า 30 วินาที
Sustained VT
เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 30วินาที ซึ่งทำให้blood Circulation ลดลง
Monomorphic VT
ลักษณะของ QRS complex เป็นรูปแบบเดียว
Polymorphic VT / Torsade
ลักษณะของ QRS complex มีหลายรูปแบบ
สาเหตุ
MI
Rheumatic heart disease
ไฟฟ้าดูด
K ต่ำ
Digitalis toxicity
กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้นจากการตรวจสวนหัวใจ
อาการและอาการแสดง
ใจสั่น
hypotension
หน้ามืด
chest pain
หายใจลำบาก
หัวใจหยุดเต้น
การพยาบาล
นำเครื่อง Defibrillator มาที่เตียงผู้ป่วยและรายงานแพทย์ทันที และเปิดหลอดเลือดดำเพื่อให้ยาและสารน้ำ
คลำชีพจร ประเมินสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว เจ็บหน้าอก ภาวะเขียว จำนวนปัสสาวะ เพื่อประเมินภาวะเลือดไปเลี้ยงสมอง และอวัยวะสำคัญลดลง
ร่วมกับแพทย์ในการดูแลให้ได้รับยาและแก้ไขสาเหตุหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรได้ร่วมกับมีBlood Circulation ลดลงให้เตรียมผู้ป่วยในการทำ synchronized cardioversion
5.ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรไม่ได้ (Pulseless VT) ให้เตรียมเครื่อง Defibrillator เพื่อให้แพทย์ทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ ในระหว่างเตรียมเครื่องให้ทำCPR ไปเรื่อยๆ
ทำ CPR ถ้าหัวใจหยุดเต้น
Ventricular fibrillation (VF)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดที่ ventricle เป็นจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่ง เต้นรัวไม่เ็นจังหวะ ไม่สม่ำเสมอ
สาเหตุ
Hypovolemia
Hypoxia
Hydrogen ion
Hypokalemia
Hyperkalemia
Hypothermia
Tension pneumothorax
Cardiac tamponade
Toxins
Pulmonary thrombosis
Pulmonary thrombosis
อาการและอาการแสดง
หมดสติ
ไม่มีชีพจร
รูม่านตาขยาย
หัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตออกมาได้
เสียชีวิต
การพยาบาล
เตรียมเครื่งมือ อุปกรณ์และยาที่ใช้ในการช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อมและทำ CPR ทันที เนื่องจากการรักษา VF และ Pulseless VT สิ่งที่สำคัญคือ การช็อกไฟฟ้าหัวใจทันที และการกดหน้าอก
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ปริมาณเลือดออกจากหัวใจในหนึ่งนาทีลดลงเนื่องจากความผิดปกติของ อัตรา และจังหวะการเต้นของหัวใจ
การพยาบาล
ป้องกันภาวะ tissue hypoxia โดยให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
ติดตาม electolyte
ติดตามผลข้างเคียงของยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยว่ามียาชนิดใดที่มีผลต่อ อัตรา และจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือไม่
ติดตามและบันทึกอาการแสดงของTissue perfusion
ติดตามและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของ สัญญาณชีพ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยเฉพาะ ST segment
ให้ยา antidysrhythmia ตามแผนการรักษาและเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำ synchronized cardioversion
ทำ CPR ร;วมกับทีมรักษาผู้ป่วย ในกรณีเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง (lethal dysrhythmias)