Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร, นางสาวภัคนันท์ ภารมาตย์ รหัสนิสิต…
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร
ยาลดกรดและยาที่ใช้บาบัดโรคแผลในกระเพาะอาหารและลาไส้
ยาลดกรด (Antacids)
ยาลดกรดเป็นยาที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ออกฤทธิ์ทาปฏิกิริยาสะเทินกับกรด (Neutralization) ทาให้ pH ในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น และลดฤทธิ์ ของเปปซิน นอกจากนี้อะลูมินัมอิออน (AI3+) ยังกระตุ้นการหลั่งเมือก ช่วยปกคลุมผนังกระเพาะอาหารทาให้ทนทานต่อการสัมผัสกับกรดได้อีกด้วย
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีฤทธิ์แรง (Potent antacids) ได้แก่ โซเดียมไบคาร์บอเนต สารประกอบแมกนีเซียม และแคลเซียมคาร์บอเนต และชนิดที่มีฤทธิ์อ่อน (Non-potent antacids) ได้แก่ สารประกอบอะลูมินัม
โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate, NaHCO3)
สามารถละลายน้าได้ ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ ออกฤทธิ์เร็ว ทาให้ pH เพิ่มได้สูง มีอาการไม่พึงประสงค์ค่อนข้างมาก
สารประกอบแมกนีเซียม (Magnesium compounds)
เช่น Magnesium oxide, Magnesium trisilicate และ Magnesium carbonate ออกฤทธิ์ทาปฏิกิริยากับกรดได้ดี ลดกรดได้เร็ว แมกนีเซียม อิออน (Mg2+ ) ที่เกิดขึ้นหลังทาปฏิกิริยากับกรดจะถูกดูดซึมได้บ้างที่ลาไส้
แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium bicarbonate, CaCO3)
ออกฤทธิ์ลดกรดได้เร็ว และมีประสิทธิภาพดี แคลเซียมอิออน (Ca2+ ) บางส่วนที่เกิดขึ้นหลังทาปฏิกิริยากับกรดจะถูกดูดซึมได้
สารประกอบอะลูมินัม (Aluminum compounds)
เช่น Aluminum oxide ออกฤทธิ์ลดกรดช้า ไม่ทาให้ pH ของน้าย่อยสูงเกิน 5 และเปปซินยังคงมีฤทธิ์อยู่ ตะกอนของยาตกค้างตามส่วนต่างๆของกระเพาะอาหาร ทาให้ยาแสดงฤทธิ์อยู่ได้นาน อะลูมินัมที่เกิดขึ้นหลังการทาปฏิกิริยากับกรดจะถูกดูดซึมได้บ้างที่ลาไส้
ยาลดกรดชนิดผสม
เป็นยาที่สารประกอบอะลูมินัมและสารประกอบแมกนีเซียม มีข้อดีคือ ช่วยเพิ่มระยะเวลาที่มีฤทธิ์ลดกรด และช่วยลดฤทธิ์ที่ทาให้เกิดอาการท้องผูกและท้องเดิน ในหลายตารับมีการเพิ่ม Simethicone ซึ่งมีฤทธิ์ขับก๊าซ ช่วยในการขับลมและช่วยทาให้ยาลดกรดออกฤทธิ์ทาปฏิกิริยากับกรดได้ดีขึ้น
ขนาดรับประทาน ชนิดน้า 1-2 ช้อนโต๊ะ ชนิดเม็ด 1-2 เม็ด หลังอาหาร 1 ชั่วโมง 3 เวลาและก่อนนอน อาจรับประทานยาได้ถี่กว่านี้ และสามารถรับประทานได้ทุกครั้งที่มีอาการปวดแสบท้อง โดยชนิดเม็ดให้เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
ยาลดกรดอาจลดการดูดซึมยาอื่นได้ โดยทั่วไปจะไม่รับประทานพร้อมกับยาอื่น โดยรับประมาณยาอื่นก่อนยาลดกรดประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ รับประทานยาอื่นหลังยาลดกรด 2 ชั่วโมง
สารประกอบอะลูมินัม และแคลเซียมคาร์บอเนต ทาให้เกิดอาการท้องผูก มีภาวะระดับฟอสเฟตในเลือดต่า และแคลเซียมในเลือดสูง ส่วนสารประกอบแมกนีเซียมทาให้เกิดอาการท้องเดิน
ผู้ป่วยโรคไต ควรหลีกเลี่ยงใช้ยาลดกรด หรือใช้อย่างระมัดระวัง
หากใช้ยาลดกรดเป็นระยะเวลานาน อาจทาให้เกิดภาวะร่างกายเป็นด่าง เกิดภาวะ Milk-alkaline syndrome ได้
ยายับยั้งการหลั่งกรด (Antisecretory drugs)
ยายับยั้งการหลั่งกรด ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการทางานของเอนไซม์หรือที่ตัวรับของเอนไซม์ ประเภท ฮีสตามีน, Acretylcholine และแกสตริน
H2-receptor antagonists ออกฤทธิ์ยับยั้งฮีสตามีนที่กระตุ้นการหลั่งกรดผ่าน H2-receptor ส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมได้ดีจากทางเดินอาหาร อาหารรบกวนการดูดซึมได้น้อย จึงสามารถให้ยาก่อนหรือพร้อมหรือหลังอาหารก็ได้
Proton pump inhibitor ออกฤทธิ์ยับยั้งการทางานของเอนไซม์ H+/K+ ATPase หรือ Proton pump ที่ Parietal cell ของกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์แรงในการยับยั้งการหลั่งกรด ดูดซึมได้เร็ว แต่อาหารทาให้ดูดซึมช้าลง
Anticholinergic drugs ออกฤทธิ์ยับยั้งฤทธิ์ของ Acetylcholine ที่กระตุ้นการหลั่งกรด และอาจยังยั้งการหลั่งสารเมือกและไบคาร์บอเนต มีอาการที่ไม่พึงประสงค์ค่อนข้างมาก และประสิทธิภาพในการลดการกลั่งกรดต่า นอกจากนี้ยังทาให้ความทนทานของเยื่อบุกระเพาะอาหารลดลง จึงไม่นิยมใช้
Prostaglandin analogs ออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรดและช่วยเพิ่มความต้านทานของเยื่อบุกระเพาะอาหารได้
ยาเพิ่มความต้านทานของชั้นเยื่อเมือก (Mucoprotectives)
สารประกอบบิสมัท ออกฤทธิ์คล้าย Sucralfate การใช้ยาเป็นเวลานานจะมีระดับบิสมัทในพลาสมาสูงขึ้น และอาจเกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อสมองและการสร้างกระดูก
Prostaglandin analogs ออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรดและช่วยเพิ่มความต้านทานของเยื่อบุกระเพาะอาหารได้
ยาป้องกันการกลับมาเป็นซ้้า
ยาที่นิยมใช้คือ ยากลุ่ม H2-receptor antagonists และ Proton pump inhibitor
นอกจากนี้ การรักษาการติดเชื้อ Helicobactor pylori ยังนิยมใช้ยาร่วมกันระหว่างยาต้านจุลชีพ และยายับยั้งการหลั่งกรด
ยาระบายและยาถ่าย
ยาที่เพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming laxatives)
เป็นพวกกากเส้นใยอาหารที่ได้จากธรรมชาติหรือเป็นสารสังเคราะห์ เมื่อดูดน้าและจะพองขึ้นได้สารเหนียวหรือเจล ทาให้ปริมาณอุจจาระเพิ่มขึ้นและชุ่มน้า จึงเกิดการขับถ่าย มีประโยชน์ในผู้ที่มีอาการท้องผูก และมีอาการไม่พึงประสงค์น้อย การใช้ยาจะต้องดื่มน้าตามไปมากๆ หรือยาบางชนิดจะต้องปล่อยให้พองตัวในน้าก่อนรับประทาน
ยาที่ท้าให้อุจจาระลื่น (Lubricant laxatives / Emollient laxatives)
เป็นพวกน้ามันช่วยป้องกันการสูญเสียน้าของก้อนอุจจาระ และช่วยเคลือบผนังลาไส้จึงป้องกันการดูดกลับน้า และยังแทรกเข้าไปในก้อนอุจจาระ ทาให้อุจจาระนุ่มและลื่น ถูกขับถ่ายง่าย แต่สารนี้จะลดการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน จึงควรให้ยาก่อนนอนขณะท้องว่าง หากให้ยาทางปากถ้ายาตกเข้าปอดจะทาให้ปอดอักเสบได้ หากให้ยาทางทวารหนักจะทาให้ยาบางส่วนซึมออกมาทางทวารหนัก และทาให้แผลบริเวณใกล้ทวารหนักหายช้า
ยาที่ท้าให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (Stool softeners)
เป็นสารที่ช่วยลดแรงตึงผิว ทาให้น้าซึมเข้าในก้อนอุจจาระได้ดี อุจจาระอ่อนตัว ถูกขับถ่ายง่ายขึ้น แต่ยากลุ่มนี้จะเพิ่มการดูดซึมของ Mineral oil และ Docusate sodium และอาจเป็นพิษต่อตับ
ยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของล้าไส้ (Stimulant laxatives)
เพิ่มการบีบรูดของลาไส้ ทาให้เกิดการขับถ่าย เช่น มะขามแขก, Bisacodyl, Phenolphthalein
ยาที่ฤทธิ์ดึงน้้าไว้ในล้าไส้ (Osmotic laxatives)
เป็นยาที่ละลายน้าได้หรือบางส่วนละลายน้าได้ แต่ถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารได้ไม่ดี จึงดึงน้าไว้ที่ลาไส้ ทาให้อุจจาระเหลวและมีปริมาณมากขึ้น ทาให้เกิดการขับถ่ายอุจจาระ
สาหรับ Lactulose และ Lactitol เป็นน้าตาล Disaccharide กึ่งสังเคราะห์ ไม่ถูกย่อยที่ทางเดินอาหารส่วนต้นและดึงน้าไว้ นอกจากนี้ยายังถูกแบคทีเรียที่ลาไส้ใหญ่เปลี่ยนเป็นกรดแลคติก ทาปฏิกิริยากับแอมโนเนียในลาไส้ใหญ่ ช่วยป้องกันการดูดซึมแอมโมเนียจากลาไส้ ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคตับที่มีภาวะ Hepatic encephalopathy
ยาสวน (Enemas)
เป็นยาที่ทาให้รูปยาสวนทวาร โดยตัวยามีลักษณะของเหลวบรรจุอยู่ในภาชนะรูปเรียวยาวและเป็นชนิดที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ออกฤทธิ์ทาให้เกิดการขับถ่ายอุจจาระได้เร็วกว่ายาชนิดรับประทาน โดยออกฤทธิ์ภายใน 30 นาที
ห้ามใช้
ห้ามใช้ยาระบายในผู้ที่มีอาการท้องผูกและมีอาการปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ
การใช้ยาระบายอย่างพร่าเพรื่อ จะทาให้ลาไส้เคยชิน สูญเสียรีเฟล็กซ์ในการขับถ่ายอุจจาระ และเกิดการติดยา
ไม่นายาระบายและยาถ่ายไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เพื่อลดน้าหนัก
Luctulose และ Lactitol มีคุณสมบัติเป็นน้าตาล จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ยาที่ใช้บาบัดอาการท้องเดิน
ยาระงับอาการท้องเดิน
อนุพันธ์ฝิ่น ออกฤทธิ์ลดการเคลื่อนไหวของลาไส้ ออกฤทธิ์ที่ตัวรับชนิด μ-receptor ทางเดินอาหาร ทาให้ลาไส้บีบรัด ขัดขวางการบีบรูด แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อที่ทวารหนักเพิ่มขึ้น ทาให้น้าและอิเล็กโทรไลต์ถูกดูดซึมที่ลาไส้เล็กเพิ่มขึ้น เช่น Diphenoxylate, Loperamide
ยาที่ยับยั้งการขับสารหลั่ง (Antisecretory drugs) ช่วยลดการขับน้าและอิเล็กโทรไลต์จากเยื่อบุลาไส้ เช่น Racecadotril
Bismuth subsalicylate ใช้ระงับอาการท้องเดินขั้นอ่อนจนถึง ขั้น ปานกลาง ออกฤทธิ์โดยเกิดจากฤทธิ์ซาลิซีเลตที่ยับยั้งการสร้าง พรอสตาแกลนดินในทางเดินอาหาร และยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย
Lactobacilli ออกฤทธิ์ช่วยปรับสภาวะแบคทีเรียในลาไส้ให้ปกติ โดยมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลชีพก่อโรคในลาไส้
สารดูดซับ (Absorbents) เช่น Kaolin, Pectin, Attapulgite, Activated charcoal ออกฤทธิ์ดูดซับ Toxin ของแบคทีเรียและน้า
Somatostatin analogs เป็นอนุพันธ์ของ Somatostatin เช่น Octreotide ออกฤทธิ์ลดการหลั่งและเพิ่มการดูดซึมของเหลวและอิเล็กโทรไลต์ในลาไส้ ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลาไส้และลดการหลั่งฮอร์โมนจากทางเดินอาหาร
ยาที่ให้ทดแทนการสูญเสียน้้าและอิเล็กโทรไลต์ ได้แก่ น้าเกลือ เกลือแร่ชนิดผงละลายน้า
ยาต้านจุลชีพ เป็นการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงต่อเชื้อที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเดิน
ยาที่ใช้บาบัดอาการอาเจียน
Muscarinic receptor antagonists หรือ Anticholinergic drugs ออกฤทธิ์ยับยั้งสัญญาณที่กระตุ้นการอาเจียนผ่านตัวรับของ Acetylcholine ชนิด M-receptor มักใช้ระงับการอาเจียนภายหลัง การผ่าตัดหรือเมารถเมาเรือ มีอาการที่ไม่พึงประสงค์ค่อนข้างบ่อย ได้แก่ ปากแห้ง ตาพร่า ท้องผูก ปัสสาวะคั่ง และความดันในลูกตาสูง
Histamine H1-receptor antagonists หรือ ยาต้านฮีสตามีน ออกฤทธิ์ยับยั้งสัญญาณที่กระตุ้นการอาเจียนผ่านตัวรับชนิด H1-receptor ใช้ระงับการอาเจียนจากเมารถเมาเรือ ผู้ป่วยที่มีปัญหาการทรงตัว หญิงมีครรภ์ และหลังการผ่าตัด อาการไม่พึงประสงค์ คือ ง่วงนอนและปากแห้ง
Dopamine receptor antagonists เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งสัญญาณที่กระตุ้นอาเจียนผ่านตัวรับชนิด D2-receptor แบ่งออกเป็น Neuroleptic drugs และ Prokinetic drugs
5-HT3 receptor antagonists ออกฤทธิ์ที่ยับยั้งสัญญาณที่กระตุ้นการอาเจียนผ่านตัวรับชนิด 5-HT3 receptor ใช้ป้องกันการอาเจียนจากยาต้านมะเร็งชนิดต่างๆและการฉายรังสี
นางสาวภัคนันท์ ภารมาตย์ รหัสนิสิต 6305010136