Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Oligohydramnios การตั้งครรภ์ที่มีน้ำคร่ำน้อย - Coggle Diagram
Oligohydramnios
การตั้งครรภ์ที่มีน้ำคร่ำน้อย
ความหมาย
การตั้งครรภ์ที่มีน้ำหล่อเด็กหรือน้ำคร่ำน้อยกว่า 500 ซีซี หรืออาจจะลดลงเหลือ 200 – 300 ซีซี น้ำคร่ำจะมีลักษณะเหนียวและข้น AFI < 5 Cms.หรือค่าวดแอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ำน้อยกว่า 2 ซม.บางรายลดลงเหลือเพียง 2-3 มิลลิเมตร เหนียวและข้นมาก
สาเหตุ
ด้านมารดา
มารดาได้รับยาบางอย่างเช่นIndomethacin (ยายับยั้งการปัสสาวะ)
Prostaglandin synthetase inhibitor (ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก)
ตั้งครรภ์เกินกำหนด พบว่ารกเสื่อม
Angiotensin-converting enzyme inhibitor (ยาลดความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดตีบ แต่ไม่ควรใช้กับหญิงตั้งครรภ์ เพราะจะทำให้น้ำคร่ำน้อย ไตวายเสียชีวิต)
มีการแตกรั่วของถุงน้ำคร่ำเป็นระยะเวลายาวนาน(prolonged premature rupture of membrance)
ภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรม เช่น ภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์โรคเบาหวาน
ด้านทารก
1.รกเสื่อมสภาพ
ทารกเจริญเติบโตในครรภ์ช้าเนื่องจากมารดามีความผิดปกติของเส้นเลือด ผลจากความดันโลหิตสูง ทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกและรกน้อย
2.Twin – Twin transfusion syndromeการตั้งครรภ์แฝดที่มีเส้นเลือดเชื่อมต่อกันและอยู่ถุงเดียวกันรกอันเดียวกัน กลุ่มอาการที่เกิดจากการเชื่อมต่อกันของเส้นเลือดที่รกของแฝดทั้ง 2 ทำให้มีการไหลเวียนเลือดจากแฝดหนึ่งไปยังอีกแฝดหนึ่ง ส่วนใหญ่เลือดจะผ่านจากเส้นเลือดแดงของ แฝดให้ ( donor ) เข้าสู่เส้นเลือดดำของแฝดรับ ( recipient )
3.ทารกมีความพิการของระบบทางเดินปัสสาวะแต่กำเนิดทำให้ปัสสาวะออกน้อยผิดปกติความผิดปกติของไต คือภาวะไตฝ่อ (renal agenesis)
มีการอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะ (urethral obstruction)
มีความผิดปกติของโครโมโซม เช่น trisomy 18 Turner syndrome
อาการและอาการแสดง
. 1.ขนาดของมดลูกเล็กกว่าอายุครรภ์ คลำส่วนของทารกได้ชัดเจน
2.รู้สึกว่าทารกเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ เนื่องจากถูกมดลูกบีบรัด
3.ทารกอยู่ในท่าผิดปกติบ่อย
4.น้ำหนักเพิ่มน้อยหรือไม่เพิ่ม
ด้านแม่
มีการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี ในระยะคลอดปากมดลูกเปิดขยายช้า
การคลอดกินเวลานาน
พยาธิสภาพ
การที่ถุงน้ำคร่ำรั่วอย่างเรื้อรัง ทารกมีความพิการของระบบทางเดินปัสสาวะไม่มีการถ่ายปัสสาวะหรือปัสสาวะออกน้อย ปริมาณการสร้างน้ำคร่ำน้อย การเสื่อมของรกทำให้การแลกเปลี่ยนสารน้ำจากมารดาและทารกลดลง ส่งผลให้น้ำคร่ำน้อยลง
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของทารก
Abortion ตั้งแต่ไตรมาสแรก ของการตั้งครรภ์สัมพันธ์กับทารกมีความพิการ
ทารกเกิดภาวะ amniotic band syndrome จากการที่มีเยื่อพังผืดรัดติดส่วนของร่างกายทารกกับผนัง amnion ทำให้เกิดภาวะพิการ เช่นแขนขาเกิด amputationหรือคอดกิ่วมดลูกบีบรัดตัวทารกมากและมักมีพังผืดยึดติดรัดส่วนของร่างกายทารกกับผนัง Amnion ทำให้ทารกเกิดความพิการได้ง่ายเช่นเท้าแป แขน ขาโก่ง ผิวหนังเหี่ยวย่น
ทารกในครรภ์ถูกกดเบียดจากภาวะน้ำคร่ำน้อยมาก เป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดผลเสียต่อทารกเรียกว่า potter sequences,oligohydramnios sequences (potter syndrome)
เกิดภาวะ pulmonary hypoplasia เนื่องจาก
การกดผนังทรวงอก ขัดขวางการขยายตัวของปอด
ปอดหยุดการเจริญเติบโตเนื่องจากน้ำคร่ำไหลผ่านถุงลมปอดน้อย เนื้อปอดไม่เจริญ จึงทำให้ปอดแฟบ
หน้าตาผิดปกติ จมูกแบนคางเล็ก แขน ขาหดเกร็ง ข้อสะโพกเคลื่อน clubfoot ภาวะปอดแฟบทำให้ทารกเสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอดAgenesis of ear (ไม่มีรูหู)
เพิ่มความเสี่ยงในระยะคลอด เช่น สายสะดือถูกด ( cord compression) ทำให้เกิดภาวะ fetal distress มีขี้เทาปนกับน้ำคร่ำ อัตราการเต้นของหัวใจทารกลดลงในรูปแบบ variable deceleration
Intra uterine growth restiction (IUGR ) จากรกเสื่อม
ทารกขาด ออกซิเจน
เลือดเลี้ยงไตเด็กลดลงทำให้ปัสสาวะลดลง
บ่งชี้ถึงภาวะของทารกในครรภ์สุขภาพไม่ดี
การรักษา
ประเมินการเจริญเติบโตและสภาวะของทารกในครรภ์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
เติมสารละลายเข้าในถุงน้ำคร่ำ(amnioinfusion) เป็นเทคนิคที่ใช้น้ำเกลือ (0.9% normal saline) หรือ physiological saline ใส่เข้าแทนที่น้ำคร่ำ (amniotic fluid) ทางห้าท้องผ่านทางสาย intrauterine catheter 200-300 ml.เพื่อป้องกันไม่ให้สายสะดือถูกกดทับ
หากทารกในครรภ์อยู่ในภาวะอันตราย พิจารณาให้คลอดโดยวิธีที่เหมาะสม
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะน้ำคร่ำน้อย
ระยะตั้งครรภ์
แนะนำนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอโดยนอนตะแคงซ้ายเพื่อเพิ่มปริมาณการไหลเวียนเลือด
แนะนำการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เพิ่มโปรตีน ดื่มน้ำวันละ 2000-3000 มิลลิลิตร
สังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์อย่างน้อย 10 ครั้ง/วัน
ติดตามระดับยอดมดลูกและการเพิ่มของน้ำหนักตัว
ดูแลให้ Dexamethazone 6 mg. เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของปอดทุก 12 ชั่วโมง x 4 dose ให้เมื่อ 24-34 สัปดาห์ ยาออกฤทธิ์ หลัง 24 ชั่วโมงหรือ 1-7 วันหลังให้ยา (สมบูรณ์ บุญยเกียรติม2557:66)
ติดตามผล L/S Ratio โดยการตรวจน้ำคร่ำ เพื่อดูความสมบูรณ์ของปอดสัดส่วนของสาร lecithin : sphygomyeline เท่ากับ 2:1 เมื่ออายุครรภ์ 35-36 สัปดาห์ แสดงว่าทารกสมบูรณ์ โอกาสเกิดอาการผิดปกติทางเดินหายใจน้อย
ติดตาม NST ทดสอบเมื่ออายุครรภ์ 30-32 สัปดาห์ ถ้ามี deceleration คือ FHS ต่ำกว่า 120 ครั้ง/นาที แสดงว่าอาจมี fetal distress อาจเกิดจากเลือดมาเลี้ยงรกไม่เพียงพอ สายสะดือถูกกดทับ รก infarct มีหินปูนมาเกาะ
ติดตามผล biophysical profile (เป็นการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์)
ระยะคลอด
นอนตะแคงซ้ายเพื่อลดภาวะสายสะดือกดทับและช่วยให้การไหลเวียนเลือดไปมดลูกดี
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและฟัง FHS ทุก1/2-1 ชั่วโมง
ถ้าถุงน้ำแตกและมีขี้เทา หรือหัวใจทารกเต้นผิดปกติให้นอนตะแคงซ้ายและให้ออกซิเจน เพิ่มอัตราการหยดของสารน้ำ รายงานแพทย์
หลีกเลี่ยงการให้ยาบรรเทาอาการปวดเนื่องจากกดการหายใจของทารก
สูติแพทย์จะเตรียมปรึกษากุมารแพทย์เตรียมอุปกรณ์ในการฟื้นคืนชีพเพื่อช่วยทารกแรกเกิด ได้ทันท่วงที
ระยะหลังคลอด
ช่วยเหลือทารกที่น้ำหนักน้อย ควบคุมอุณหภูมิโดยอาจจะต้องให้อยู่ในตู้อบ เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกาย
ประเมินความพิการและความผิดปกติ
เน้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกแรกเกิด
มารดาประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและประเมินเลือดที่ออกทางช่องคลอด
สร้างสัมพันแม่ลูกโดยนำทารกให้แม่โอบกอด และเลี้ยงลูกด้วยนมแม่