Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบหัวใจ - Coggle Diagram
บทที่ 3 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบหัวใจ
โรคหัวใจแต่กำเนิด congenital Heart disease
คือโรคที่มีความผิดปกติของโครงสร้างในหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากการเจริญที่ผิดปกติของโครงสร้างในหัวใจและหลอดเลือด ขณะทารกอยู่ในครรภ์ระยะอ่อนๆ
สาเหตุ
พันธุกรรม
สภาพแวดล้อมที่เห็นชัดเจนคือการติดเชื้อหัดเยอรมันของมารดาในระหว่างตั้งครรภ์ การได้รับยา หรือ สารเคมีบางชนิดในระหว่างตั้งครรภ์และมารดามีโรคประจำตัว
หลายสาเหตุรวมกัน
โรคหัวใจที่ไม่มีอาการตัวเขียว A Cyanitic type
Venticular Septal Defect (VSD)
ผนังกั้นหัวใจห้องล่างรั่ว
อาการ
มีเหงื่อออกมากโดยเฉพาะเวลาดูดนม
ตัวเล็กเลี้ยงไม่โต
ติดเชื้อระบบหายใจได้บ่อย
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะหัวใจวาย พบได้บ่อยที่สุด
ภาวะความดันภายในหลอดเลือดที่ปอดสูง
ภาวะติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
ภาวะติดเชื้อที่หัวใจ
การรักษา
การดูแลรักษาในระหว่างที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัด
ดูแลให้เด็กรับประทานยาป้องกันภาวะหัวใจวายอย่างถูกต้อง
ให้รับประทานนมและน้ำตามปริมาณที่แพทย์กำหนด
ไม่ให้เด็กรับประทานอาหารรสเค็มอาหารหมักดอง อาหารที่ใส่ผงชูรสและอาหารที่มีส่วนผสมของผงฟู
ให้เด็กรับประทานอาหารหรือนมในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง ใช้หัวนมที่มีรูขนาดใหญ่เพื่อลดการใช้แรงดูด
ดูแลให้เด็กนอนหลับอย่างเพียงพอ
ไม่ควรให้เด็กร้องไห้นาน
งดการเล่นที่ต้องใช้แรงมากและมีการแข่งขัน
ป้องกันไม่ให้เด็กท้องผูก เก้าเช็ดตัวลดไข้ให้เด็กทุกครั้งเมื่อมีไข้และควรพาไปพบแพทย์
การดูแลรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดปิดรูรั่ว เป็นการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติที่มีโดยผ่าตัดปิดรูรั่วที่ผนังกั้นห้องหัวใจ หลังผ่าตัดจะมีแผลผ่าตัดบริเวณกลางหน้าอก ให้ผู้ปกครองดูแลป้องกันภาวะหัวใจวายให้เด็กหลังผ่าตัดระยะแรก และพาเด็กมาตรวจตามแพทย์นัดหลังผ่าตัด
การรักษาด้วยการสวนหัวใจ
วิธีนี้สามารถรักษาได้เฉพาะในรายที่มีรูรั่วขนาดเล็กเท่านั้น
การพยาบาลหลังการรักษาด้วยการสวนหัวใจ
ประเมินสภาพแรกรับ
ประเมินสภาวะพื้นฐานทางระบบประสาท
เฝ้าระวังภาวะเลือดออก
ดูแลให้นอนพักบนเตียงและการจำกัดการเคลื่อนไหวของแขนและขาข้างที่สวนหัวใจ
ประเมินในเฝ้าระวังอุณหภูมิ ประเมินและตรวจดูบริเวณตำแหน่งที่ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
อาการและอาการแสดงเด็กที่เป็นโรคหัวใจ
ขนาดเล็ก
มักไม่มีอาการผิดปกติ แต่ฟังเสียงหัวใจได้ยินเสียงฟู่
ขนาดกลาง
จะมีอาการหายใจเร็ว หายใจลำบาก เหนื่อยหอบและเหงื่อออกบวมน้ำ
ขนาดใหญ่
เหนื่อยง่าย ต้องให้นมแบบหยด เหงื่อออกมาก หายใจเร็ว เวลาร้องไห้มีอาจมีเขียวได้
Atrial Septal Defect (ASD)
ผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว
อาการ
อายุต่ำกว่า 5 ปีมักไม่มีอาการ ตรวจพบโดยบังเอิญ
หากมีความดันเลือดในปอดสูง หรือ ASD มีขนาดใหญ่ มักมีอาการเหนื่อยง่าย เหงื่อออกมาก มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ
ตรวจร่างกาย คำได้หัวใจห้องล่างขวาโตและเต้นแรงกว่าปกติ
ภาวะแทรกซ้อน
โรคหัวใจล้มเหลว
การติดเชื้อแบคทีเรียในหัวใจ
ลิ้นหัวใจรั่ว
การเติบโตช้า
หัวใจบีบตัวผิดจังหวะ
ความดันในปอดสูง
การรักษา
ต้องใช้ยารักษาเพื่อประคับประคองอาการ หากไม่ดูแลรักษาอาจเกิด infective endocarditis
Parent ductus ateriosus (PDA)
มีช่องเปิดระหว่างหลอดเลือดหัวใจใหญ่ทั้ง 2 เส้น
สาเหตุ
การคลอดก่อนกำหนด
มีภาวะขาดออกซิเจนขณะคลอด
มารดาที่มีการติดเชื้อหัดเยอรมันหรือการได้รับสารต่างๆ
อาการ
1.ในเด็กที่มีเส้นเลือดเกินขนาดเล็กมาก ไม่มีอาการผิดปกติ บางรายอาจมีอาการเหนื่อยง่ายเวลาเล่นเมื่อเทียบกับเด็กอื่น
2.ในเด็กที่มีเส้นเลือดเกินขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ มักมีอาการหัวใจวาย โดยมีอาการเหนื่อยหอบ กระสับกระส่าย หายใจเร็วขึ้นหัวใจเต้นเร็ว
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะหัวใจวาย
ภาวะความดันภายในหลอดเลือดที่ปอดสูง
ภาวะติดเชื้อที่ปอด
ภาวะติดเชื้อที่หัวใจ
การดูแล
1.ป้องกันการเกิดภาวะหัวใจวาย
2.ป้องกันการติดเชื้อ
การรักษา
การให้ยาเพื่อปิดเส้นเลือด PDA ยาที่ใช้รักษาเพื่อปิดเส้นเลือดเกิน คือ ยาอินโดเมทาซิน (Indomethacin)
การให้ยาเพื่อควบคุมและป้องกันภาวะหัวใจวาย
การรักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาด้วยการทำสวนหัวใจ
Coarctation of Aorta (CoA)
เป็นการตีบแคบของ aorta
สาเหตุ
เป็นการตีบแคบของ aorta ส่วนใหญ่พบที่ตำแหน่ง ใกล้รอยต่อ ductus ateriosus หรือ aortic
arch
อาการสำคัญ
มีความดันโลหิตที่แขนสูงมากกว่าขา
มีอาการเขียวเฉพาะส่วนล่างของร่างกาย
หัวใจวาย
มีเลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ
การดูแลรักษา
ป้องกันภาวะเลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ แพทย์จะให้ยาพรอสต้าแกลนดินแก่เด็กทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยขยายเส้นเลือดเกินนี้ไว้ไม่ให้หดเล็กแต่ต้องระวังผลข้างเคียงของยาที่อาจทำให้เด็กหยุดหายใจและมีไข้ได้
ควบคุมภาวะหัวใจวาย ในกรณีที่เด็กมีอาการหัวใจวายแพทย์จะให้ยาเพื่อควบคุมภาวะหัวใจวาย ได้แก่ ยาไดจ็อกซิน ยาขับปัสสาวะ ควรดูแลให้เด็กได้รับยาอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามข้อปฏิบัติในการดูแลเด็กเพื่อป้องกันภาวะหัวใจวาย
ทำผ่าตัด เมื่อสามารถควบคุมอาการหัวใจวายได้แล้วแพทย์จะทำผ่าตัดโดยตัดส่วนที่มีการตีบแคบออก
Pulmonary Stenosis PS
ลิ้นหัวใจห้องล่างขวาตีบ
สาเหตุ
เป็นการตีบของ pulmonary artery ก็ได้ทำให้เลือดดำออกจาก right ventricle ไปปอดลดลง
โรคหัวใจที่มีอาการตัวเขียว ( Cyanotic Type)
(Tetralogy of Fallot - TOF)
มีรูรั่วของผนังกั้นหัวใจห้องล่างร่วมกับหลอดเลือดหัวใจที่จะไปยังปอดตีบหรือลิ้นหัวใจตีบ
อาการและอาการแสดง
ในเด็กที่เดินได้แล้วนั้นจะได้ประวัติว่าเด็กชอบนั่งยองๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้สึกเหนื่อย
อาการอื่นๆที่สำคัญได้แก่ อาการเขียวมากขึ้นทันที ในเด็กที่มีอาการมากอาจมีอาการตัวแข็ง ตาเหลือก ไม่รู้สึกตัว ชัก และอาจตายได้ เรียกภาวะนี้ว่า ภาวะ Cyanotic spell หรือ ภาวะ Anoxic Spell เป็นภาวะที่เกิดจากการที่สมองขาดออกซิเจน
อย่าเฉียบพลัน
อาการเขียวมากขึ้นทันทีนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ อายุ 2-3 เดือน มักเป็นในตอนเช้าหลังตื่นนอน
การแก้ปัญหา ภาวะ Cyanotic spell
squatting หรือการนั่งยองๆ เป็นการทำเพื่อให้เกิดการพับของ femoral arteries และเพิ่ม systemic resistance ทำให้เลือดไปสู่ปอดมากขึ้นและ Right to left shunt ลดลงชั่วขณะ
ในทารกอาจจัดให้นอนท่า knee chest position
ภาวะแทรกซ้อน
1.สมองพิการ
2.ฝีในสมอง มักพบในเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ปี
3.Infective endocarditis
4.ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
การดูแลรักษา
ดูแลให้เด็กได้รับยาโพรพาโนโลน (propranolol) ตามที่แพทย์สั่ง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะเขียวกะทันหัน
ไม่ปล่อยให้เด็กร้องไห้นาน ๆ
จัดกิจกรรมการเล่นที่ใช้แรงน้อย
ป้องกันเด็กขาดน้ำ
ดูแลให้เด็กนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ป้องกันภาวะซีด
ป้องกันไม่ให้เด็กท้องผูก
ป้องกันการติดเชื้อ
บันทึกการเกิดอาการเขียวกะทันหันของเด็กทุกครั้งและแจ้งให้แพทย์
การช่วยเหลือเมื่อเด็กมีภาวะเขียวกะทันหัน
จัดให้เด็กอยู่ในท่างอเข่าขึ้นมาชิดหน้าอกมากที่สุด (Knee-chest position)
ปลอบให้สงบถ้าร้องไห้
ดูแลเด็กให้อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก
ถ้าอาการเขียวกะทันหันยังคงมีอยู่ และมีอาการหายใจเร็วหอบ ควรรีบพาเด็กมาพบแพทย์
หลอดเลือดใหญ่ของหัวใจสลับขั้ว
(Transposition of theGreat Arteries - TGA)
สาเหตุ
การที่หลอดเลือดดำและแดงของหัวใจสลับขั้วกันอย่างสิ้นเชิง จากขวาเป็นซ้าย จากซ้ายเป็นขวา
ความผิดปกตินี้ทำให้เด็กที่เกิดมามีภาวะเขียวเนื่องจากเลือดที่ฟอกแล้วจากปอดถูกส่งกลับไปที่ปอด ขณะที่เลือดดำที่ถูกส่งมาที่หัวใจก็ถูกส่งไปเลี้ยงอวัยวะอื่น ๆ ต่ออีก
โรคหัวใจพิการที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Heart Disease)
โรคหัวใจรูห์มาติก
สาเหตุ
เป็นโรคหัวใจที่เกิดจากการเป็นไข้รูห์มาติกซ้ำ ๆ กันหลายครั้งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการติดเชื้อเบต้าฮีโมไลติก สเตปโตคอคคัส กลุ่มเอ
อาการ
อาการไข้ เด็กจะมีไข้ติดกันอย่างน้อย 3 วัน
ปวดบวมตามข้อ โดยเฉพาะข้อใหญ่ ๆ เช่น ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อมือ ข้อศอก มักมีอาการปวดมากกว่า 1 ข้อ
มีผื่นแดงที่ผิวหนังรูปร่างคล้ายแผนที่ มีขอบหยัก ๆ อาจเป็นชั่วคราวแล้วหายไปก่อนมาพบแพทย์ มักพบผื่นแดงนี้ที่แขนหรือขา
มีตุ่มแข็งที่สามารถจับเคลื่อนไหวได้ใต้ชั้นผิวหนัง เป็นก้อนรี ๆ คล้ายเม็ดถั่วแดง โดยมักพบใกล้ ๆ ข้อต่าง ๆ
มีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบร่วมด้วยโดยจะมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หายใจหอบ บวมที่หนังตา หน้า เท้าและขา
มีอาการทางสมองร่วมด้วย เช่น มีความผิดปกติของการเคลื่อนไหว สั่น เกร็งกระตุก
การรักษา
เก็บเสมหะจากคอส่งตรวจหาเชื้อเบต้าฮีโมไลติก สเตปโตคอคคัส กลุ่มเอ ซึ่งเป็นเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคไข้รูห์มาติก
ตรวจเลือดเพื่อตรวจหาการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย
ตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อหาความผิดปกติของหัวใจ
ให้การรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อเบนซาตินเพนนิซิลลิน
เด็กต้องนอนพักและงดการออกแรงเพื่อลดการอักเสบของหัวใจ
ภาวะแทรกซ้อน
มีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ลิ้นหัวใจถูกทำลาย
ภาวะหัวใจวาย
ภาวะหัวใจวาย Heart failure
สาเหตุ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายในเด็กมักเกิดจากโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ส่วนในผู้ใหญ่มักเกิดจากโรคของหลอดเลือดที่นำเลือดมาเลี้ยงหัวใจจึงทำให้ผู้ใหญ่ที่หัวใจวายมักเสียชีวิตทันที
อาการ
หัวใจเต้นเร็วมากขึ้นในขณะพัก
หายใจเร็วมากขึ้น ในขณะพัก
ปัสสาวะออกน้อย
เหงื่อออกมาก
บวม
มือและเท้าเย็น ซีด
รับประทานอาหารได้น้อย
การช่วยเหลือเบื้องต้น
ดูแลให้เด็กนอนในท่าศีรษะสูง เพื่อให้เด็กหายใจสะดวกสูดออกซิเจนเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น
ดูแลให้เด็กพักผ่อน ถ้าเด็กร้องไห้ต้องปลอบให้สงบ เพราะถ้าเด็กร้องไห้จะทำให้เหนื่อยมากขึ้น
ดูแลให้เด็กอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เปิดพัดลมให้มีการระบายอากาศ
โทรศัพท์ปรึกษาแพทย์หรือนำเด็กไปพบแพทย์ที่อยู่ใกล้มากที่สุด
การป้องกัน
ดูแลให้เด็กรับประทานยาตามขนาดและเวลาที่แพทย์สั่งไม่หยุดยาหรือเปลี่ยนยาเอง
ดูแลให้เด็กรับประทานนมและน้ำในปริมาณที่แพทย์แนะนำ
ดูแลให้เด็กรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารรสเค็ม
ดูแลให้เด็กรับประทานอาหารปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง
ดูแลให้เด็กได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
ไม่ปล่อยให้เด็กร้องนาน
จัดกิจกรรมการเล่นที่ใช้แรงน้อย งดการเล่นที่มีการแข่งขัน
สังเกตการขับถ่ายของเด็กทุกวัน ต้องป้องกันไม่ให้ท้องผูก
ป้องกันการติดเชื้อที่หัวใจด้วยการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะช่องปากและฟัน