Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ - Coggle Diagram
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่
ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ในปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ผู้ช่วย
อัจฉริยะ (Intelligent personal assistant) อย่าง Siri ของApple, Cortana ของ Microsoft, Alexa ของ Amazon, Google Assistant ของ Google ที่สามารถรับคำสั่งเสียงของมนุษย์ ไปประมวลผลแล้วตอบคำถาม จัดการสิ่งต่างๆ ตามคำสั่งที่ได้รับ หรือรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่สามารถแล่นไปยังจุดหมายปลายทางโดยที่ผู้โดยสารบนรถไม่ต้องขับขี่เอง
แนวคิดด้านปัญญาประดิษฐ์
การรับรู้ (Perception)ปัญญาประดิษฐ์จะเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์เซนเซอร์ เช่นกล้อง ไมโครโฟน เพื่อนำไปประมวลผล และต้องเข้าใจสิ่งที่รับรู้นั้นด้วย
การแทนความรู้และการให้เหตุผล(Representation and Reasoning)ปัญญาประดิษฐ์สามารถเก็บองค์ความรู้ในรูปแบบของตัวแทนความรู้ (Knowledge Representation)ตัวอย่างคือ กฎการตัดสินใจจากความรู้ของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ จากนั้นใช้ตัวแทนความรู้ที่มีอยู่นี้มาหาข้อสรุป โดยใช้การอนุมาน (Inference)
การเรียนรู้ (Learning)ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง(Machine Learning) จะเรียนรู้จากข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data) โดยสร้างตัวแบบ (Model) จากข้อมูลฝึกสอน (Training Data) ที่มนุษย์นำเข้าไป หรือเป็นข้อมูลจากเครื่องจักรที่สร้างข้อมูลฝึกสอนเองได้เช่น การพัฒนาตัวแบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้จำแนกเพศจากรูปภาพใบหน้าคน
การปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติ (Natural Interactionปัญญาประดิษฐ์ต้องเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เพื่อสร้างปัญญาประดิษฐ์ให้มีปฏิสัมพันธิ์กับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ผลกระทบทางสังคม (Social Impact)ปัญญาประดิษฐ์ต้องคำนึงถึงจริยธรรม (Ethics) ความปลอดภัย (Security) และความเป็นส่วนตัว(Privacy)เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์อาจตัดสินใจหรือทำในสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ได้
การประมวลผลแบบคลาวน์
เป็นรูปแบบหนึ่งของการให้บริการทรัพยากรคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ พื้นที่เก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกได้ทุกที่ทุกเวลา
ค่าใช้จ่ายการประมวลผลแบบคลาวด์
สำหรับบุคคลทั่วไป มักไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ได้รับบริการพื้นฐานอย่างจำกัด หากต้องการใช้บริการเพิ่มเติม ต้องเสียค่าบริการสำหรับการใช้งาน
สำหรับภาคธุรกิจ มีค่าใช้จ่ายสำหรับอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานที่พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์หรือแอปพลิเคชั่นเอง
รูปแบบการให้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์
Infrastructure-as-a-Service (IaaS) คือ การให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย ระบบประมวลผล ระบบการจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และระบบรักษาความปลอดภัย ผู้ใช้บริการสามารถใช้งานได้ตามการใช้งานจริง แทนการซื้ออุปกรณ์ ประหยัดค่า
บำรุงรักษาและค่ารักษาความปลอดภัยของระบบ เช่นMicrosoft Azure, Dropbox, Google Drive for business, Amazon Web Services
Platform-as-a-Service (PaaS) คือ การให้บริการด้านแพลตฟอร์ม สำหรับผู้ใช้งานที่เป็นนัก
พัฒนาแอปพลิเคชั่นเป็นหลัก โดยจะมีเครื่องมือให้บริการโดยไม่ต้องติดตั้งด้วยตนเอง รวมถึงสามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาเสร็จแล้วเพื่อใช้งานบนคลาวด์ของผู้ให้บริการได้โดยง่าย เช่น บริการฐานข้อมูลสำหรับพัฒนาเว็บไซต์
Software-as-a-Service (SaaS) คือการให้บริการด้านซอฟต์แวร์บนคลาวด์ ผู้ใช้บริการใช้งาน
ได้ผ่านบราวเซอร์ ลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา ติดตั้งบำรุงรักษา และรักษาความปลอดภัยของซอฟต์แวร์คิดค่าบริการตามลักษณะการใช้งาน เช่น Microsoft Office 365, Google G-suite
ข้อดีและข้อเสียของการประมวลผลแบบคลาวด์
ข้อดี
เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
ใช้งานฟรี หรือจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อเพิ่มเติมความสามารถ
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ แอปพลิเคชั่นและจ้างผู้ดูแลระบบ
ยืดหยุ่นในการปรับเพิ่ม-ลดขนาดทรัพยากร
ข้อเสีย
ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการรับ-ส่งข้อมูล
ข้อมูลอาจถูกโจรกรรมจากช่องโหว่ด้านการรักษาความปลอดภัย
หากระบบขัดข้องอาจทำให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ
อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
เป็นเทคโนโลยีจากการที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆสามารถเชื่อมต่อหรือสื่อสารถึงกันได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอทช์รถยนต์อัจฉริยะ และอุปกรณ์อื่นๆ โดยมีจำนวนอุปกรณ์ IoT ทั่วโลกนับหลายพันล้านชิ้นและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ความสำคัญของอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ส่งผลให้ในแต่ละวันเกิดข้อมูลปริมาณมากสะสมกันเป็นจำนวนมหาศาล การดำเนินการทางธุรกิจจึงหันมาใช้เทคโนโลยี IoT เพื่อเพิ่มศักยภาพในการ
แข่งขันทางธุรกิจและการให้บริการ
สถาปัตยกรรมอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
1.สมองกลฝังตัวและเซนเซอร์ ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัล โดยเซนเซอร์จะตรวจจับสิ่งที่สนใจ รวมทั้งประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบทันทีทันใด เช่น เซนเซอร์วัด
2.เกตเวย์และเครือข่าย ใช้สำหรับการเชื่อมต่อสู่อินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดการเชื่อมต่อแบบท้องถิ่น (Local Are Network: LAN) เครือข่ายไร้สาย (Wi-Fi)เครือข่ายโทรศัพท์ เครือข่ายส่วนบุคคล (Personal Area Network: PAN) อย่างบลูทูธ (Bluetooth)สำหรับเซนเซอร์บางตัวสามารถเชื่อมต่อกันเองได้ผ่านเครือข่ายไร้สาย เรียกว่า เครือข่ายเซนเซอร์ไร้สาย
3.ส่วนสนับสนุนการบริการ ใช้สำหรับสนับสนุนการทำงานของบริการ เช่น การประมวลผล
4.แอปพลิเคชั่น ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์กับอุปกรณ์ ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์IoT ได้จากระยะไกลผ่านอินเทอร์เน็ต
เมืองอัจฉริยะ (Smart City)
เป็นการนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ภายในเมือง เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองดีขึ้นเช่น การดูแลรักษาความปลอดภัยโดยใช้กล้องวงจรปิด การอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันการบริหารจัดการพลังงาน การจัดการจราจร
เทคโนโลยีเสมือนจริง
เทคโนโลยีที่จำลองสภาพแวดล้อมผ่านระบบเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เกิดการรับรู้เสมือนกับอยู่ในสภาพแวดล้อมจริง โดยจะกล่าวถึงความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality: AR) และความเป็นจริงเสมือน
หลักการทำงานของความเป็นจริงเสริม
ความเป็นจริงเสริม เป็นการรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือนเข้าด้วยกัน โดยนำเข้าสภาพแวดล้อมจริงผ่านกล้องถ่ายรูป นำไปแสดงเป็นฉากหลัง และเพิ่มวัตถุเสมือนซ้อนทับบนฉากหลัง ซึ่งต้องอาศัยซอฟต์แวร์ประมวลผลร่วมกับกล้องโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแว่นตาอัจฉริยะ(smart glasses)
การใช้ประโยชน์จากความเป็นจริงเสริม
-ด้านการศึกษา
-ด้านการโฆษณาและการส่งเสริมการขาย
-ด้านการท่องเที่ยว/การเดินทาง
-ด้านความบันเทิง/เกม
หลักการทำงานของความเป็นจริงเสมือน
ความเป็นจริงเสมือน เป็นเทคโนโลยีที่นำเสนอภาพและเนื้อหาที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อจำลองโลกในความจริง โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้ใช้รู้สึกเสมือนอยู่ในสภาพแวดล้อมจริง ผ่านประสาทสัมผัส เช่น การมองเห็น ได้ยิน สัมผัส มีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือซอฟต์แวร์สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง และฮาร์ดแวร์ที่ช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับโลกเสมือน
การใช้ประโยชน์จากความเป็นจริงเสมือน
-ด้านการศึกษา
-ด้านการท่องเที่ยว/การเดินทาง
-ด้านความบันเทิง/เกม
-ด้านการสร้างงานศิลปะ
-ด้านการแพทย์
เทคโนโลยีอื่นๆ ที่ควรรู้
1.Mixed Reality (MR)
สถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่ผสานโลกจริงและโลกเสมือนเข้า
ด้วยกัน เพื่อสร้างภาพแวดล้อมใหม่ที่วัตถุเสมือนและวัตถุจริงสามารถโต้ตอบกันได้ เพื่อให้รู้สึกจับต้องได้จริงๆ
.
2.บล็อกเชน (Blockchain)
เทคโนโลยีสำหรับการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์(Decentralized) ที่ทุกโหนด (Node) ในเครือข่ายบล็อกเชน จะเก็บข้อมูลชุดเดียวกัน โดยข้อมูลในแต่ละโหนดจะถูกเก็บอยู่ในรูปแบบของบล็อก (Block) แล้วนำมาเชื่อมโยงกันเป็นสายโซ่ เรียกว่า เชน(Chain) และใช้หลักการเข้ารหัส (Cryptography) ที่ยากต่อการปลอมแปลงแก้ไข รวมทั้งสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในทุกบล็อกตลอดทั้งเชนได้ ปัจจุบันมีการประยุกต์บล็อกเชน ในการสร้างสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) หรือด้านบริการลายมือชื่อออนไลน์, ซื้อขายหลักทรัพย์, ระบบลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และแอปพลิเคชั่นต่างๆ
3.ควอนตัมคอมพิวติง (Quantum Computing)
คอมพิวเตอร์ในอดีตถึงปัจจุบันเกิดจากการพัฒนาให้ระบบประมวลผลมีขนาดเล็กลงและมีความเร็วเพิ่มขึ้น แต่นักพัฒนายังต้องการพัฒนาให้ระบบประมวลผลมีขนาดเล็กลงมากกว่านี้ จึงได้ออกแบบและพัฒนาระบบประมวลผลขนาดเล็กระดับอะตอม เรียกว่า ควอนตัมคอมพิวติง 1. การสร้างปัญญาประดิษฐ์ 2. ระบบรักษาความปลอดภัย 3. การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสุขภาพ