Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน, นางสาวภัคนันท์ ภารมาตย์ รหัสนิสิต…
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน
Active Immunization
การกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นเอง
โดยการนาวัคซีนเข้าไปในร่างกาย
วัคซีนสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น
วัคซีนที่ใช้อาจเป็นจุลชีพที่ทาให้ตายแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่แต่ทาให้อ่อนฤทธิ์ลง
เกิดเป็นภูมิคุ้มกันแบบจาเพาะ
สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ภายหลัง
ข้อดี คือ ให้ระยะเวลาของการป้องกันได้นานกว่า
การกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันนั้นจะช้ากว่าระยะการบ่มตัวของการติดเชื้อทั่วไปตามธรรมชาติ
การกระตุ้นด้วยวัคซีนจึงต้องรอเวลาที่เหมาะสมสักระยะหนึ่งที่จะเกิดภูมิคุ้มกัน
การกระตุ้นด้วยวัคซีน เริ่มต้นกระตุ้นครั้งแรกเรียกว่า “Primary immunization”
แอนติบอดีที่สร้างเริ่มแรกเป็น IgM และตามมาด้วย IgG ซึ่งเป็น class ของอิมมูโนโกลบูลินชนิดหลักที่ใช้ในการป้องกันโรค
การฉีดกระตุ้นในภายหลังเรียกว่า “Booster dose”
ปริมาณของแอนติบอดีที่จาเพาะเปลี่ยนแปลง (Seroconversion) สูงขึ้นกว่าเดิม
วัคซีนชนิดเชื้อยังมีชีวิตอยู่จะมีผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันดีกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย
มักให้ภูมิคุ้มกันแบบตลอดชีวิต
วัคซีนชนิดเชื้อตายจะใส่สารที่เรียกว่า Adjuvant ผสมกับแอนติเจนในวัคซีน เพื่อให้เกิดผลเพิ่มปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกัน
การฉีดวัคซีนซ้า สามารถทาได้ในโรคที่ระดับของแอนติบอดีลดลง
การฉีดวัคซีนจะมีผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ขึ้นอยู่กับ สภาวะร่างกายที่ถูกกระตุ้น
ความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย
สภาวะการเป็นโรค ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
อายุ เพศ วิธีการให้วัคซีน
ขนาดและช่วงเวลาในการให้วัคซีน
Passive Immunization
เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้นโดยการนาซีรัม
อิมมูโนโกลบูลิน หรือเซลล์
Transfer factors ที่สกัดมาจาก Sensitized
จะสั้นกว่าภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นเอง
ใช้ในกรณีที่มีความต้องการชนิดเร่งด่วน แต่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกิน
ภูมิคุ้มกันที่เป็นแอนติบอดีที่ใช้
ได้จากซีรัมโดยตรง (Whole serum)
ไม่นิยมใช้ เพราะต้องใช้ปริมาณมากและอาจไม่ปลอดจากเชื้อ
เป็นเฉพาะส่วนของ Immune globulin
ซึ่งมักจะเป็น IgG ของผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงที่เคยติดเชื้อและมีแอนติบอดีในซีรัม
ได้จากซีรัมของสัตว์ทดลองที่ทาการกระตุ้น
เพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันที่เฉพาะเจาะจง
mmunomodulation
สารปรับปรุงภูมิคุ้มกัน เป็นสารที่มีคุณสมบัติทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิคุ้มกัน ทั้งในลักษณะเพิ่มหรือลด
Cytokines
เป็นโพลีเปปไทด์ที่หลั่งมาจากเซลล์หลายชนิด
มีผลต่อการเจริญเติบโตและเมตาบอลิซึม
สารไซโตคายน์ มีการออกฤทธิ์กับเซลล์เป้าหมายหลายชนิด
ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่สร้าง
Interferon
เป็นกลุ่มของสารที่เป็นโปรตีนหรือไกลโคโปรตีนที่เซลล์ในร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อเชื้อไวรัส
มีฤทธิ์ในการทาลายไวรัส มีผลต่อเนื้องอก การอักเสบ
การปรับภูมิคุ้มกันตลอดจนเมตาบอลิซึมของเซลล์
Interferon Alpha
มีบทบาทในการรักษาโรคติดเชื้อโดยเฉพาะจากไวรัส อาการข้างเคียงที่พบ
มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
Interferon Beta
Interferon Gamma มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพการทางานของแมคโครฟาจ และการตอบสนองของ B-cell และ T-cell
nterleukin-2
มีการนามาใช้เพื่อปรับปรุงภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยโรคเอดส์
หวังเกิดการกระตุ้นการตอบสนองของ T-cell
พบอาการข้างเคียงคือไปลดการทาหน้าที่ของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันอื่น
Erythropoietin
เป็นสารกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงและแบ่งตัวของเซลล์ต้นกาเนิดของเม็ดเลือดแดง
นามาใช้ในการรักษาโรคเลือดจางจากสาเหตุต่างๆ
อาการข้างเคียง คือ ก่อให้เกิดความดันเลือดสูง
Colony-Stimulating Factor
เป็นไซโตคายน์ที่กระตุ้นการทางานของเซลล์ต่างๆ
มีความสาคัญเกี่ยวกับการแบ่งตัวแลเพิ่มจานวนของเซลล์
ทาให้เซลล์ที่ปกติคงทาหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
นามาใช้ในการเพิ่มจานวนของเม็ดเลือดขาว
นการรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบาบัด
Tumor Necrosis Factor
เป็นไซโตคายน์ที่มีบทบาทในการทาลายมะเร็ง
ช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
สารหลั่งจากร่างกายออกมาต้านทานการติดเชื้อ
การเป็นมะเร็ง หากใช้มากเกินไปอาจทาให้เกิดการช็อกได้
Immunostimulation
Antilymphocyte Globulin นามาใช้รักษาร่วมกับสารเคมีตัวอื่น
เพื่อกดภูมิคุ้มกันในการปลูกถ่ายอวัยวะ
แต่จะมีผลทาให้เกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกิน
อาจถึงเกิดภาวะการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis)
Cyclosporin A เป็นยาต้านจุลชีพได้จากเชื้อรา
ที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน
โดยกดการกระตุ้น T-cell และลดการหลั่ง IL-2
Azathioprine ออกฤทธิ์ขัดขวางเมตาบอลิซึมของพิวรีน
ทาให้เกิดการสร้างโปรตีนที่ผิดปกติ
มีผลลดการแบ่งตัวของเซลล์
Predisolone เป็นกลุ่มของคอร์ติโคสเตอรอยด์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างโปรตีนของ IL-1, IL-2
Immunosuppression
ข้อควรระวัง
การให้ยากดภูมิคุ้มกันร่วมกับยาตัวอื่นที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน จะทาให้ยาเสริมฤทธิ์กัน
ระมัดระวังในการใช้ในผู้ป่วยที่มีการทางานของไตและตับลดลง
หญิงมีครรภ์ที่จะใช้ยากลุ่มนี้ควรพิจารณาถึงความจาเป็น
มารดาควรงดการให้นมบุตรระหว่างให้ยา
ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันจะมีโอกาสเสียงต่อการเกิดเนื้องอกมากขึ้น
ยาที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จะมีผลต่อการฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกัน โดยลดประสิทธิภาพของร่างกายต่อการกระตุ้นด้วยวัคซีน
นางสาวภัคนันท์ ภารมาตย์ รหัสนิสิต 6305010136