Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงสูง, ่, นางสาวนภัสศุภางค์ ไวยพารา…
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะเสี่ยงสูง
ทารกแรกเกิด
อยู่ในช่วง 28วันแรก
จำแนกได้ 2 ประเภท
น้ำหนักแรกเกิด
low birth weight infant
น้อยกว่า 2,500 g.
very low น้อยกว่า1,500g.
extreme lowน้อยกว่า1,000g.
normal birth weight infant
2,500 g-4,000 g
อายุครรภ์
preterm infant
ก่อน 37 wk
mature infant
37(1d)-41 wk
post term infant
เกิน41 wk
ลักษณะทารกคลอดก่อน
น้ำหนักตัวน้อย
เสียงร้องเบา
reflexน้อย
หายใจไม่สม่ำเสมอและหยุดหายใจได้ง่าย
หัวนมเล็ก
ศรีษะใหญ่เมื่อเทียบลำตัว
ลายฝ่ามือฝ่าเท้าน้อย
รูปร่างแขนขาเล็ก
ปัญหาที่พบในเด็กคลอดก่อนกำหนด
การควบคุมอุณหภูมิ
สูญเสียความร้อน
4 ประเภท
พา:convection
พาความร้อนจากทารกไปอากาศเย็น
แผ่:radiation
เสียความร้อนไปที่เย็นกว่า(ไม่สัมผัสวัตถุ)
นำ:conduction
ผิวสัมผัสกับวัตถุเย็น
ระเหย:evaporation
เสียเมื่อของเหลวเปลี่ยนเป็นไอน้ำ
วัดอุณหภูมิ
ทวารหนัก
ปกติ 3 min 2.5cm
คลอดก่อน 3min 3cm
รักแร้
คลอดก่อน นาน 5 min
ปกติ นาน 8 min
Hypothermia(อุณหภูมิต่ำ)
ต่ำกว่า 36.5องศา(ประมาณ 36.8-37.2)
มือเท้าเย็น ซีด ซึม ดูดนมช้าน้อยลง ผิวหนังลาย
Hyperthermia(อุณหภูมิสูง)
สูงกว่า 37.5 องศา
หงุดหงิด หายใจแรงและเร็วหรือหยุดหายใจ ผิวหนังอุ่นกว่าปกติ
การดูแล
จัดให้อยู่ในที่อุ่น(32-34องศา)
วัดอุณหภูมิ(Body Tem) 36.8-37.2องศา
Air Servocontrol mode
ตู้อบเริ่ม36 องศา เพิ่มขึ้นที่ละ 0.2 องศา
ติดตามทุก 15-30min
วัดได้36.8-37.2องศา 2 ครั้งติดกัน ให้ปรับแล้วติดตามทุก 15-30min อีก 2 ครั้งแล้วต่อไปทุก4 hr.
Skin Servocontrol mode
ริ่ม36.5 องศา เพิ่มขึ้นที่ละ 0.1 องศา
นอกนั้นเหมือนAir Servocontrol mode
ติดSkin probe ตรงหน้าท้อง
ต้อง Keep warm
ระวัง Cold stress
ปรับอุณหภูมิห้อง(25-26องศา)
ป้องกันการสูญเสียความร้อน
ดูTemทุก 4 hr.และปรับให้เหมาะกับทารก
ระบบไหลเวียนโลหิต
Patent Ductus Arteriosus: ภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน
อาการ
หายใจเร็ว เหนื่อย รับนมได้น้อย ท้องอืด(เลือดลัดไปปอด เลือดไปเลี้ยงลำไส้ได้น้อย) ได้ยิน้สียงMurmur
การรักษา
รักษาทั่วไป ให้ยาควบคุมภาวะหัวใจวายเมื่อมีอาการ
รักษาจำเพาะ
ข้อห้ามใช้
Ibuprofen
BUN > 20 mg/dl , Cr > 1.6 mg/dl
Indomethacin
urine < 0.5 cc/Kg/hr. นานกว่า 8 hr.
Plt. < 60,000 /mm3
BUN > 30 mg/dl , Cr > 1.8 mg/dl
ใช้ยา ช่วยยับยั้งprostaglandin
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด :
Hyperbilirubinemia
สาเหตุ
สร้างBilirubinมากกว่าปกติจากการทำลายRBC
ผิดปกติของเยื้อหุ้มRBCทำให้แตกง่าย
ผิดปกติที่Enzyme ของ RBC
หมู่เลือดของแม่ลูกเข้ากันไม่ได้incompatability
เลือดออกในร่างกาย
RBC เกิน
ธาลัสซีเมีย
มีการดูดซึมBilirubinจากลำไส้มากขึ้น
กำจัดBilirubinได้น้อยลง(ท่อน้ำดีอุดตัน,ขาดEnzyme)
ดูดซึมBilirubinจากลำไส้มากขึ้นจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
สร้างBilirubinเพิ่มร่วมกับกำจัดได้น้อย
แบ่ง 2 ชนิด
Physiological jaundice:เหลืองจากสรีรภาวะ
สร้างBilirubinมาก : RBCอายุสั้นและตับการทำงานไม่สมบูรณ์ ทำให้การขับBilirubinได้ช้า
Pathological jaundice : เหลืองจากพยาธิภาวะ
Bilirubinมากกว่าปกติและเหลืองเร็ว
Bilirubinในเลือดสูง
Bilirubinในเลือดสูงจับกับเนื้อสมองด้านในทำให้เกิดความผิดปกติ : Kernicterus
อาการระยะแรก
เกร็งแอ่นหลัง ชัก ไข้ ดูดนมได้น้อย ซึม
อาการระยะยาว
move ร่างกายและแขนขาผิดปกติ การเคลื่อนไหวของตาและการได้ยินผิดปกติ พัฒนาการช้า สติปัญญาลดลง
การรักษา
ส่องไฟ : phototherapy
เปลี่ยนถ่ายเลือด : exchange transfusion
การพยาบาลการส่องไฟและเปลี่ยนถ่ายเลือด
คสรเปิดตาทุก 4 hr. และเปลี่ยนทุก 8-12 hr.
ถอดเสื้อผ้าและจัดท่านอนหงายหรือคว่ำเปลี่ยนทุก 2 hr.เพื่อให้ได้รับแสงทั่ว
เช็ดทำความสะอาดตาและตรวจทุกวันเพราะอาจมีการระคายเคือง
ดูแลให้ได้นอนบริเวณตรงกลางของไฟห่าง35-50cm
ปิดตาด้วยผ้า(eyes patches)ป้องกันระคายเคือง
เตียมอุปกรณ์ฟื้นคืนชีพให้พร้อม
ดูแลให้ร่างกายอบอุ่น
อธิบายให้ครอบครัวทราบ
ขณะเปลี่ยนถ่ายต้องบันทึกI/O check V/S
บันทึกและรายงานการเปลี่ยนแปลงV/S ทุก 1-4hr.
สังเกตภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการส่องไฟ
บันทึกและสังเกตการอุจจาระเพื่อประเมินการสูญเสียน้ำ
ดูฉลให้ได้รับการตรวจเลือดหาBilirubinอย่างน้อยทุก 12hr.เพื่อดูความก้าวหน้า
สังเกตอุจจาระถ้าถถ่ายบ่อยขึ้นอาจมีอาการถ่ายเหลวปนเหลืองจากBilirubinและน้ำดี
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
ภายหลังการถ่ายเปลี่ยนCheck V/S ทุก 15 min ทุก 30 minจนกว่าจะคงที่
ระบบภุมิคุ้มกัน
คลอดก่อนกำหนด
สร้างIgMยังไม่สมบูรณ์, ได้รับIgE จากมารดาขณะในครรภ์น้อย
WBCน้อย ทำให้ทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคไม่ดี
ผิวหนังบางepidermis และ dermis หลวม ทำให้ถูทำลายง่าย
Sepsis
2 ประเภท
Late onset
ติดเชื้อแสดงอาการหลัง 72 hr.-1m
Early onset
ติดเชื้อก่อน/ระหว่างคลอด แสดงอาการใน2-3วัน แรกหลังคลอดใน 72 hr.แรก
สาเหต
มารดาติดเชื้อ น้ำคร่ำมีกลิ่น
ทารกพร่องออกซิเจนในครรภ์
คลอดล่าช้า
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด 18hr.
อาการ
อาจตรวจพยความผิดปกติ
ไม่ดูดนม
ซีด
ร้องนาน
ผิวหนังเย็น
ซึม
หายใจเร็ว ลำบาก
สั่น ชัก
ท้องอืด อาเจียน
การรักษา
ส่วนมากให้Ampicillin กับGentamycin IV
ให้ยาAntibioticที่เหมาะสมกับ sensitivity
ถ้าไม่ได้ผลให้Cephalosporins IV
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับAntibiotic และสังเกตอาการข้างเคียง
ควบคุมอุณหภูมิให้ปกติ
ประเมินภาวะติดเชื้อ
ดูแลความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อม
ติดตามผลLab
แยกทารก
ระบบทางเดินอาหาร
Necrotizing Enterocolitis
(NEC)
เป็นภาวะลำไส้เน่าอักเสบ มักเกิดที่ลำไส้เล็และใหญ่ ในทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อย
ปัจจัยเสี่ยง
น้ำหนักน้อย
หัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด
ทารกเกิดภาวะเลือดข้น(polycythemia)
ให้นมผสมที่มีควา่มเข้มข้นสูง
ทารกเกิดภาวะออกซิเจน(hypoxia)
คลอดก่อนหรือมีปัญหาระหว่างทำคลอด
เติบโตช้าในครรภ์
ทารกติดเชื้อBacteria
อาการ
ซึม ดูดนมไม่ดี ตัวเหลือง ร้องกวน
อาการเฉพาะ
ท้องอืด ถ่ายเหลว เลือดในทางเดินอาหาร อาเจียนเป็นสีน้ำดี
การรักษา
พยุงระบบไหวเวียน โดยการให้สารน้ำ สารอาหารทางหลอดเลือด
ให้ยากระตุ้นความดัน(Vasopressor)
Antibiotic ระงับการติดเชื้อ
เฝ้าการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
I/O
การแข็งตัวของเลือด
V/S
ระงับสิ่งกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบ (NPO)
วิธีการรักษา
การใส่ท่อระบายช่องท้อง
การผ่าตัดแบบเปิดสำรวจช่องเท้า
หลังจากผ่าตัด
ต้องเฝ้าฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ โดยดู BP IV fluid ดูภาวะติดเชื้อ การแข็งตัวของเลือด หากไม่มีอาการแทรกซ้อน แพทย์เริ่มให้อาหารผ่านทางเดินอาหารกับทารก
Hypoglycemia
น้ำตาลในเลือดต่ำ40 mg% (term)
น้ำตาลในเลือด35 mg% (preterm)
อาการ
ซึม ไม่ดูดนม สั่น ผวา ซีด/เขียว หยุดหายใจ ชักกระตุก
ทารกไม่มีอาการ
ถ้าระดับมันน้อยกว่า 25 มล./ดล ให้นมและติดตาม 1 hr.
ถ้าระดับมันน้อยกว่า 25 มล./ดล ให้สลล.กลูโคสทางหลอดเลือด
แรกเกิด-อายุ 4 hr. ให้นมภายใน 1 hr.แรก ติดตามระดับน้ำตาลในเลือด 30 minหลังให้นมมื้อแรก
ระดับ25-40 มล./ดล ให้นมหรือสลล.กลูโคสทางหลอดเลือด
อายุ4-24 hr. ให้นมทุก 2-3hr. และติดตามก่อนให้นม
ถ้าระดับมันน้อยกว่า 35 มล./ดล ให้สลล.กลูโคสทางหลอดเลือด
ถ้าระดับมันน้อยกว่า 35 มล./ดล ให้นมและติดตามใน 1hr.
ระดับ35-45 มล./ดล ให้นมหรือสลล.กลูโคสทางหลอดเลือด
กรณีที่เสี่ยงน้ำตาลในเลือดต่ำ ต้องตรวจภายใน 1-2hr.หลังคลอดและติดตามทุก 1-2hr. ใน 6-8hr.แรกหรือจนระดับน้ำตาลปกติ รีบให้ 5,10%D/W ทางปาก หรือNG Tube ใน1-2มื้อแรก แล้วให้นม
กรณีถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำ ควรติดตามทุก 30 min
ในรายที่ไม่แสดงอาการ ให้กินมหรือสลล.กลูโคส ถ้ากินไม่ได้ให้ทางหลอดเลือดดำ
ควบคุมอุณหภูมิห้องให้อบอุ่นแก่ทารก
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
Meconium aspiration syndrome
(MAS)
ภาวะที่ทารกในครรภ์สูดหรือหายใจเอาขี้เทาเข้าปอดหรือหลอดลม
การถ่ายขี้เทาออกปนในน้ำคร่ำ เกิดได้ 2 ลักษณะ
ทางพยาธิสรีรวิทยาปกติ
การเคลื่อนตัวของลำไส้ที่พัฒนาสมบูรณ์แล้ว
ทางพยาธิสรีรวิทยาไม่ปกติ
เกิดความผิดปกติของรกและทารกที่ตอบสนองต่อความเครียด ที่เกิดจากความผิดปกติ
แนวทางการรักษา
พิจารณาให้ยาขยายหลอดเลือดไปในปอด(กรณีที่มีความดันในปอดสูง)
ให้ยาAntibiotic ในกรณีมีภาวะหายใจล้มเหลว
พิจารณาให้ยาตามอาการ เพื่อให้ทารกพักผ่อน ลดการใช้ออกซิเจน
เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน(ล้มรั่วในช่องเยื้อหุ้มปอดและภาวะความดันในปอดสูง)
ให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
การพยาบาล
วัดBPทุก 2-4hr. เฝ้าระวังการเกิดBPต่างจาก PPHN
รบกวนทารกน้อยสุด
ดูแลติดตามให้ออกซิเจน ติดตามอาการแสดงของการขาดออกซิเจน
สังเกตอาการติดเชื้อ
สิ่งสำคัญเพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนเพียงพอ
ปัญหาที่พบในเด็กคลอดก่อนกำหนด
พัฒนาการพฤติกรรมทางระบบประสาท
พยาบาลควรให้การดูฉลเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ โดยการดูแล ดังนี้
จัดสภาพแวดล้อมให้มีการกระตุ้นทางแสงและเสียงน้อยสุด
ส่งเสริมการดูดนมของทารก โดยใช้หัวนมหลอก
กรณีที่สภาพทารกไม่เหมาะที่จะดูดนม ส่งเสริมให้ดูดเอง ถ้าทารกมีอาการเหมาะสมก่อนให้การพยาบาลควรประเมินพฤติกรรม หรือสัญญาณของทารกที่แสดงออกทุกครั้ง
จับต้องทารกเท่าที่จำเป็น พยายามๆจัดกิจกรรมให้อยู่ในเวลาเดียวกัน ควรสัมผัสทารกก่อนการจับต้องเพื่อให้การรักษาพยาบาล การเคลื่อนย้ายทารก ควรอยู่ในท่าแขน ขา งอ และอยู่กลางลำตัว
ส่งเสริมพัฒนาด้านประสาทสัมผัสของทารกในขณะให้การพยาบาล
การจัดท่า
ใช้ผ้าอ้อมหรือผ้าห่มผืนเล็กม้วนวางรอบๆ ทารกเสมือนอยู่ในครรภ์มารดา
ห่อตัวทารกให้แขนงอ มือ2 ข้างอยู่ใกล้ปาก เลี่ยงการห่อตัวแบบเก็บแขน
เลี่ยงการเหยียดแขนขา พยายามให้ทารกอยู่ในท่าแขน ขางอเข้าหากกลางลำตัว
ส่งเสริมสัมพันธภาพ
เมื่อพ่อแม่เข้ามาเยี่ยมทารก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย รักษา พยาบาลที่ทารกได้รับของเขตความรับผิดชอบของพยาบาลที่จะทำได้
ขณะมารดาอยู่ในโรงพยาบาล ส่งเสริม กระตุ้นให้มารดาเยี่ยมทารกหลังคลอดให้เร็วสุด
ส่งเสริมการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา น้ำนมของมารดาที่คลอดก่อนกำหนดเหมาะกับทารกที่เกิดก่อรกำหนดเพราะมีโปรตีนสูง การให้นมมารดาให้นมที่บีบออกภายหลัง(Hide milk) เพราะมีไขมันซึ่งมันให้พลังงานสูงกว่านมที่บีบออกมาช่วงแรก(Fore milk)
เปิดโอกาสให้พ่อแม่ถามข้อสงสัย รวมถึงระบายความรู้สึก
สอนให้แม่ทราบถึงพฤติกรรมหรือสัญญาณของทารก กระตุ้นให้พ่อและแม่อุ้ม หรือสัมผัส ไม่บังคับหรือตำหนิพ่อแม่ยังไม่พร้อมที่จะทำ
ปัญหาระบบทางเดินหายใจ
(Respiratory Distress Syndrome)
RDS
การป้องกัน
1.มารดามีความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดแต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก(24-34wk) ควรได้antenatal corticosteroids อย่างน้อย 24 hr.ก่อนคลอดเพื่อกระตุ้นสร้างสารSurfactant และให้ปอดมีความสมบูรณ์มากขึ้น
2 ชนิด
Betamethazone 12 mg ทางกล้ามเนื้อ ทุก 24 hr. จนครบ2 ครั้ง
Dexamethazone 6 mgทางกล้ามเนื้อ ทุก 24 hr. จนครบ 4ครั้ง
ป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจนในระยะแรกเกิด ซึ่งจะทำให้เป็นกรด ขวางการทำงานของการสร้างสารSurfactant
การรักษา
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับออกซิเจน โดยลดความเข้มข้นและอัตราการไหล
ภาวะแทรกซ้อนจาการได้รับออกซิเจน
ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง(BPD)
ภาวะจอประสาทตาพิการจากการคลอดก่อนกำหนด(ROP)
ให้สารSurfactantเพื่อทำให้ความยืดหยุ่นของปอดดีขึ้น ลดความรุนแรงของภาวะหายใจลำบาก
ให้ออกซิเจนตามความต้องการของทารก
Perinatal asphyxia
ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิด
การรักษาประคับประคองและรักษาตามอาการสำคัญที่สุด
งดอาหารทางปากชั่วคราว ให้สารน้ำ/อาหารทางหลอดเลือด
ให้เลือด ถ้าความเข้มข้นของเลือดต่ำหรือเสียเลือด
ให้ออกซิเจนที่เหมาะสม
หลัง 12hr.ให้ระวังการชัก
ให้ความอบอุ่นและการควบคุมทารกให้อุณหภูมิปกติ
พิจารณาให้Antibiotic
สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ระมัดระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
ผลของการขาดออกซิเจนแรกคลอด
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
การดลงของไกลโคเจนทำให้การทำงานลดลง BPต่ำเกิดภาวะช็อกจากหัวใจ
อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย
หัวใจถูกกดเป็นผลทำให้หัวใจเต้นช้าลง
ระบบหายใจ
เนื่อเยื่อขาดออกซิเจนมากๆ ทำให้เซลล์ถุงลมไม่สามารถสร้างสารSurfactantได้
ถ้าถูกกดทำให้หายใจช้าหรือหยุดหายใจ
อาจะทำให้เกิดภาวะปอดคั่งน้ำได้
ระบบประสาทส่วนกลาง
ภาวะสมองบวมจากการคั่งของสารน้ำภายในและนอกเซลล์
เลือดออกในสมองจากหลอดเลือดของสมองเสียหาย
ภาวะชักจากCortextของสมองถูกทำลาย
ระบบขับถ่าย
ไตจะไวต่อภาวะขาดออกซิเจน ทำให้หลอดเลือดฝอยของไต เนื้อไตเกิดเนื้อตาย ปัสสาวะลดลง หรือไม่ปัสสาวะใน 48 hr.หลังคลอด หรือปัสสาวะเป็นเลือด
ระบบทางเดินอาหาร
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ Bilirubin สูง ทำให้มีการดูดซึมเพิ่มขึ้น
เลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหารลดลง ทำให้เกิดภาวะลำไส้เน่า
Apnea of prematurity
AOP
ภาวะหยุดหายใจนานกว่า 20 min ร่วมกับcyanosis
central apnea
ภาวะหยุดหายใจที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอก
obstruction apnea
ภาวะหยุดหายใจที่มีการเคลื่อนไหวของทรวงอก
การดูแล
สังเกตอาการพร่องออกซิเจน
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
จัดท่านอนให้เหมาะสม
ระวังสำลัก
ดูดเสมหะเมื่อจำเป็น
ภาวะแทรกซ้อนจาการได้รับออกซิเจน
(Bronchopulmonary Dysplasia: BPD)ปอดอุดกั้นเรื้อรัง
พบในทารกคลอดก่อนกำหนอดRDS หรือต้องการออกซิเจนความเข้มข้นสูงเกิน 60%และใช้เครื่องช่วยหายใจนานกว่า 24 hr.
ตามสาเหต
ตามอาการ
รักษาภาวะแทรกซ้อน
ฟื้นฟูสมรรถภาพปอด
ให้ยาขยายหลอดลม
การให้ออกซิเจน
(Retinopathy of Prematurity :ROP)จอประสาทต่อปกติ
การงอกผิดปกติของเส้นเลือดบริเวณรอยต่อระหว่างจอประสาทตาที่มีเลือดไปเลี้ยงและจอประสาทตาขาดเลือด
การวินิจฉัย
ถ้าไม่พบว่ามีการดำเนินของโรค ตรวจซ้ำทุก 4wk
ถ้าพบว่ามีการดำเนินของโรคอยู่ตรวจซ้ำทุกอาทิตย์
ตรวจครั้งแรกอายุ4-6wk หรืออายุครรภ์รวมหลังเกิด32wk
ถ้าพบROP ควรนัดมาตรวจทุกๆ1-2wk
การพยาบาล
ดูแลให้ทารกได้รับการตรวจ screening ROP
ดูแลให้ได้รับออกซิเจน ติดตามO2 saturation ดูแลให้มีระดับ 88-92%
ดูแลให้ทารกได้รับวิตามินอีตามแผนการรักษา
ดูแลทารกมีภาวะ ROP รุนแรงและอยู่ในเกณฑ์ให้ได้รับการรักษา โดยแสงเลเซอร์
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนเท่าที่จำเป็น
1.เลือดออกในช่องสมอง : มักเกิดในทารกคลอดก่อนกำหนด ที่มีRDS รุนแรงและต้องช่วยหายใจ
รายที่มีเลือดออกมาและเร็ว ทารกจะทรุดเร็ว หมดสติชักเกร็ง หยุดหายใจ ซีด และกระหม่อหน้าโป่งตึง
รายที่เลือดออกไม่มาก อาจไม่ซีด บางรายอาจซึม กล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นพักๆ โดยความรุนแรงของIVH มี 4ระดับ
grade 2
เลือดออกที่โพรงสมอง และขนาดของโพรงสมองปกติ
grade 3
เลือดออกที่โพรงสมอง และขนาดของโพรงสมองปกติ
grade 1
เลือดออกที่ germinal matrix
grade 4
เลือดออกในโพรงสมอง สมองร่วมกับเลือดออกในเนื้อสมอง
่
นางสาวนภัสศุภางค์ ไวยพารา เลขที่ 35 62111301036