Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

สรุปการเรียนรู้บทที่ 15 - Coggle Diagram

- - - - ตามน้ำหนักแรกเกิด
        
        low birth weight infant
        
        <1500 g = very low birth weight
        
        <1000 g = extreme low birth weight
        
        normal birth weight infant
        
        2500-4000g
      - ตามอายุครรภ์
        
        preterm infant
        
        </=37 week
        
        ปัจจัย/สาเหตุส่งเสริม
        
        มารดา
        
        โรคประจำตัว
        
        มีประวัติคลอดก่อนกำหนด
        
        อายุ<18,>35 ปี
        
        มดลูกขยายมากเกินไป
        
        ติดเชื้อในร่างกาย
        
        ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ใช้ยาเสพติด
        
        ทารก
        
        โครโมโซมผิดปกติ
        
        ติดเชื้อ
        
        term or mature infant
        
        37-41 week
        
        post term infant
        
        41 week
- - - - conduction
        
        ผิวทารกสัมผัสกับวัตถุที่เย็น
      - convection
        
        พาความร้อนจากสิ่งแวดล้อมสู่ทารก
      - radiation
        
        เสียความร้อนสู่ที่เย็นกว่าแต่ไม่สัมผัสโดยตรง
      - evaporation
        
        เสียความร้อนเมื่่อของเหลวกลายเป็นน้ำ
    - - ทวารหนัก
        
        ก่อนกำหนด
        
        3 นาที ลึก 2.5 ซม.
        
        ครบกำหนด
        
        3 นาที ลึก 3.0 ซม.
      - รักแร้
        
        ก่อนกำหนด
        
        5 นาที
        
        ครบกำหนด
        
        8 นาที
    - - T <36.6 อาจผิดปกติได้ตั้งแต่ T<36.8
        
        เริ่มแรก
        
        มือเท้าเย็น ตัวซีด ผิวหนังลาย ซึม ดูนมน้อยหรือไม่ดูดเลย อาเจียน ท้องอืด น้ำหนักไม่ขึ้น/ลด
    - - T>37.5
        
        เริ่มแรก
        
        หงุดหงิด เคลื่อนไหวลดลง หายใจเร็วและแรงหรือหยุดหายใจ ซึม ผิวหนังอุ่นกว่าปกติ
    - - จัด NTE 32-34 องศาเซลเซียส
      - Body temperature ทารก 36.8-37.2 องศาเซลเซียส
      - keep warm
      - ปรับอุณหภูมิที่เหมาะสม 25-26 องศาเซลเซียส
      - ตรวจสอบอุณหภูมิทุก 4 h
    - - ปรับให้เริ่มที่ 36 องศาเซลเซียส
      - ปรับเพิ่มขึ้นครั้งละ 0.2 องศาเซลเซียส (max 38.0 องศาเซลเซียส)
      - ติดตามทุก 15-30 องศาเซลเซียส
      - ถ้าวัดได้ 36.8-37.2 องศาเซลเซียส 2 ครั้งติดกัน ให้ปรับ NTE ติดตามทุก 15-30 นาที 2 ครั้งและต่อทุก 4 h
      - Skin Servocontrol mode
        
        ติด Skin probe บริเวณหน้าท้อง เลี่ยงตับกับกระดูก
        
        ปรับให้เริ่มที่ 36.5 องศาเซลเซียส
        
        ปรับเพิ่มขึ้นครั้งละ 0.1 องศาเซลเซียส (max 38.0 องศาเซลเซียส)
        
        ติดตามทุก 15-30 องศาเซลเซียส
        
        ถ้าวัดได้ 36.8-37.2 องศาเซลเซียส 2 ครั้งติดกัน ให้ปรับ NTE ติดตามทุก 15-30 นาที 2 ครั้งและต่อทุก 4 h
  - - - Foramen ovale ปิดสมบูรณ์
      - Ductus arteriosus จะหดตัวและปิดกลายเป็นเอ็น(ligamentum arteriosum)
      - Ductus venosus ปิดเมื่อสายสะดือถูกตัดกลายเป็นเอ็นที่ตับ(ligamentum venosum)
    - - อาการและอาการแสดง
        
        หายใจเร็ว หอบเหนื่อย
        
        รับนมน้อย
        
        ท้องอืด น้ำหนักไม่ขึ้น
      - การรักษา
        
        ทั่วไป ให้ยาควบคุมหัวใจวาย
        
        จำเพาะ
        
        ยับยั้ง prostaglandin
        
        Indomethacin 0.1-0.2 มก./กก.ทุก 8 ชม.
        
        BUN > 30 mg/dl , Cr > 1.8 mg/dl :forbidden:
        
        Plt. < 60,000 /mm3 :forbidden:
        
        urine < 0.5 cc/Kg/hr. นานกวา่ 8 hr. :forbidden:
        
        มีภาวะ NEC :forbidden:
        
        Ibuprofen
        
        BUN > 20 mg/dl , Cr > 1.6 mg/dl :forbidden:
        
        การผ่าตัด PDA ligation :forbidden:
    - - Physiological jaundice
        
        เกิดจาการสร้างบิลิรูบินมาก ตับทำงานไม่ดี พบในช่วง 2-4 วันหลังคลอด หายใน 1-2 week
      - Pathological jaundice
        
        มีบิลลิรูบินในเลือดสูงมากผิดปกติและเหลืองเร็ว ภายใน 24 h แรกหลังเกิด
      - สาเหตุ
        
        สร้างบิลิรูบินเพิ่มมากกว่าปกติ
        
        จากภาวะ
        
        จากการทำลายของเม็ดเลือดแดงที่หมู่เลือดของลูกและแม่ไม่เข้ากัน
        
        ความผิดปกติของเยื่อหุ้มเม็ดเลือดแดง
        
        ความผิดปกติของเอนไซม์
        
        มีเลือดออกในร่างกาย
        
        เม็ดเลือดแดงเกิน
        
        ธาลัสซีเมีย
        
        ดูดซึมบิลิรูบินมากในลำไส้
        
        breastfeeding jaundice ให้นมช้า ไม่พอ
        
        กำจัดได้น้อยจากท่อถุงน้ำดีอุดตัน
      - อาการ
        
        บิลิรูบินสูง > Kernicterus
        
        ระยะแรก
        
        ซึม ดูดนมน้อย ตัวอ่อนปวกเปียก เกร็งหลังแอ่น ชัก ไข้
        
        ระยะยาว
        
        การเคลื่อนไหวแขน ขา ลูกตา ผิดปกติ รวมไปถึงการได้ยิน พัฒนาการช้า สติปัญญาลดลง
      - การวินิจฉัย
        
        การซักประวัติ
        
        ตรวจร่างกาย ซีด เหลือง ตับม้ามโต
        
        ตรวจทางห้อง lab (CBC, Coombs’test, LFT, G6PD)
        
        การรักษา
        
        การส่องไฟ(phototherapy)
        
        การถ่ายเปลี่ยนเลือด(exchange tranfusion)
        
        การพยาบาล phototherapy
        
        ปิดตาด้วย eyes patches ตรวจเช้ดทำความสะอาดทุกวัน
        
        เปิดตาทุก 4 h เปลี่ยนทุก 8-12 h
        
        ควรเปิดตาขณะให้นมบุตรเพื่อความผูกพัน
        
        ถอดเสื้อผ้าออกจัดเปลี่ยนท่านอนทุก 2-4 h เพื่อโดนแสงทุกส่วน
        
        ดูแลให้ทารกนอนห่างจากหลอดไฟ 35-50 cm
        
        บันทึกและรายงานทุก 1-4 h
        
        สังเกตอุจจาระ อาจถ่ายบ่อยขึ้นมีสีเขียวปนเหลืองจากบิลิรูบินและน้ำดี บันทึกลักษณะและจำนวนเพื่อประเมินการขาดน้ำ
        
        สังเกตภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับการส่องไฟ
        
        การพยาบาล exchange tranfusion
        
        อธิบายให้บิดามารดาทราบ เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพ
        
        ดูแลให้ร่างกายทารกอบอุ่น
        
        บันทึกปริมาณเลือดเข้าออกขณะถ่ายเลือด
        
        สังเกตุภาวะแทรกซ้อน เช้น ใจวาย Ca ในเลือดต่ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ ตัวเย็น ติดเชื้อ
        
        หลังการถ่ายเลือดควรตรววจสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที ทุก 30 นาที จนคงที่
  - - - กลุ่มอาการหายใจลำบาก พบในทารก GA<34-36 weeks น้ำหนัก <1500 g
      - ปัจจัยเสี่ยง
        
        มารดามีเลือดออกทางช่องคลอดก่อนกำหนด
        
        ทารกมีภาวะ hypothermia, perinatal asphyxia
        
        มารดาเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
        
        ครรภ์ก่อนบุตรมีภาวะ RDS
      - สาเหตุ
        
        ขาดสาร surfactant > ถุงลมแฟบ สารนี้จะสร้างเมื่อ 22-24 weeks และจะมากขึ้นใน 35 weeks
      - การป้องกัน
        
        มารดาที่เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ควรได้ antenatal corticosteroids 24 h ก่อนคลอด เพื่อกระตุ้นให้สร้าง surfactant
        
        Dexamethazone 6 mg : M q 12 h 2ครั้ง
        
        Betamethazone 12 mg : M q 24 h 2ครั้ง
        
        ป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจน
      - อาการและอาการแสดง
        
        เกิดใน 4-6 h หลังคลอด รุนเเรงขึ้น 24-36 h
        
        ระบบไหลเวียนและระบบหายใจ
        
        tachypnea >60 ครั้ง/นาที หรือ dyspnea
        
        หายใจหน้าอก หน้าท้องไม่สัมพันธ์กัน
        
        มีกลั้นหายใจขณะหายใจออก(expiratory grunting)
        
        ซีด BP ต่ำ
        
        ระบบทรวงอก
        
        retraction บริเวณ Intercostal, Subcostal และ Substernal retraction
        
        ระบบทางเดินอาหาร
        
        ดูดนมไม่ดี อาเจียนท้องอืด
        
        ระบบประสาท
        
        ซึม กระสับกระส่าย reflex ลดลง กระหม่อมโป่งตึง
        
        เมตาบอลิซึม
        
        hypoglycemia ภาวะ acidosis
      - การรักษา
        
        ให้ออกซิเจนตามความต้องการของทารก
        
        ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ROP/BPD
        
        ให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อทำให้ความยืดหยุ่นของปอดดีขึ้น
    - - สาเหตุ
        
        เกี่ยวกับการคลอด
        
        คลอดติดไหล่ ความผิดปกติของสายสะดือ ครรภ์แฝด คลอดยาก
        
        เกี่ยวกับมารดา
        
        ตกเลือด อายุมาก เบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ซีดมาก
        
        เกี่ยวกับทารก
        
        คลอดก่อนกำหนด โตช้าในครรภ์ ติดเชื้อในครรภ์ พิการโดยกำเนิด
      - เป็นภาวะขาดออกซิเจนตั้งแต่แรกเกิด
        
        คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง(hypercapnia)
        
        เลือดเป็นกรด
        
        เลือดขาดออกซิเจน(hypoxemia)
      - APGAR Score
        
        Mild asphyxia คะแนนแอพการ์ 5 – 7
        
        Moderate asphyxia คะแนนแอพการ์ 3 – 4
        
        No asphyxia คะแนนแอพการ์ 8 –10
        
        Severe asphyxia คะแนนแอพการ์ 0-2
      - ผลการขาดออกซิเจน
        
        ระบบหัวใจและหลอดเลือด
        
        หัวใจาเต้นช้าลง
        
        กล้ามเนื้อ่หัวใจทำงานประสิธิภาพลดลง หัวใจพองขยาย BP ต่ำ > ช็อค > ใจวาย
        
        ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท
        
        ระบบหายใจ
        
        หายใจช้า/หยุดหายใจ
        
        เกิดกลุ่มอาการ RDS
        
        เกิดภาวะปอดคั่งน้ำ
        
        ระบบประสาทส่วนกลาง
        
        การรับรู้ลดลง หายใจไม่สม่ำเสมอ หยุดหายใจ กล้ามเนื้อหด/ชัก
        
        เลือดออกในสมอง
        
        ภาวะชักจากคอร์เท็กซ์ของสมองถูกทำลาย
        
        สมองบวมจากการคั่งสารน้ำ
        
        ระบบขับถ่าย
        
        อาจเกิดเนื้อไตตายเฉียบพลัน ปัสสาวะน้อย/ไม่ปัสสาวะเลย 48 h หลังคลอด
        
        ระบบทางเดินอาหาร
        
        เกิดภาวะลำไส้เน่า
        
        น้ำตาลต่ำ บิลิรูบินสูง
      - รักษาแบบประคับประคอง
        
        สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ให้ออกซิเจนตามต้องการ Keep warm งดอาหารทางปาก ให้IV ให้เลือด
        
        หลัง 12 h ระวังชัก พิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ ระวังอาการแทรกซ้อน
    - - ภาวะหยุดหายใจนานกว่า 20 วินาที ร่วมกับมี cyanosis
        
        central apnea
        
        หยุดหายใจ อกไม่ขยับ ไม่มีอาการไหลผ่านจมูก จาก ศูนย์การหายใจทำงานไม่ดี
        
        obstruction apnea
        
        หยุดหายใจ อกขยับ แต่ไม่มีอาการผ่านจมูก จาก การงอ/เหยียดคอเกิน
      - สาเหตุ
        
        infection
        
        metabolic disorder
        
        prematurity
        
        Impaired oxygenation
        
        CNS problem
        
        drug
        
        Gastroesophageal reflux
      - การดูแล
        
        สังเกตอาการพร่องออกซิเจน
        
        suction เมื่อจำเป็น
        
        ระวังสำลัก
        
        จัดท่านอนที่เหมาะสม
        
        ดูแลให้ได้รับออกซิเจนเพียงพอ
      - ภาวะแทรกซ้อน
        
        Bronchopulmonary Dysplasia: BPD
        
        โรคปอดเรื้อรัง
        
        อาการและอาการแสดง
        
        หายใจเร็ว อกบุ๋ม(intercostal retraction) O2 ต่ำ CO2 คั่ง ความดันในปอดสูง(pulmonary hypertension) ในรายรุนเเรง
        
        การวินิจฉัย
        
        ประวัติ
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ภาพถ่ายรังสี (4 ระยะ)
        
        stage 2: มีฝ้าขาวทั่วปอด
        
        stage 3: เข้าสู่ระยะเรื้อรัง เห็นก้อนเนื้อปอด จากมี hyperaeration สลับกับ fibrosis
        
        stage 1: ปอดขยายไม่เต็มที่ มีจุดฝ้าขาวเล็กๆทั่วปอด (ground glass appearance)
        
        stage 4: ระยะเรื้อรัง มี atelectasis และ hyperaeration กระจายในปอด จะมีความดันในเลือดสูง
        
        การป้องกัน
        
        เลี่ยงและลดปัจจัยเสี่ยง
        
        ให้ O2 เข้มข้นนาน
        
        ใช้ความดันเครื่องช่วยหายสูงนาน
        
        คลอดก่อนกำหนด
        
        ให้สารต้านอนุมูลอิสระ
        
        การรักษา
        
        ตามสาเหตุ
        
        ตามอาการ เช่น ให้ O2 ให้ยาขยายหลอดลม รักษาภาวะแทรกซ้อน ฟื้นฝูปอด
        
        (Retinopathy of Prematurity :ROP)
        
        การงอกผิดปกติของหลอดเลือด(neovascularization) บริเวณรอยต่อระหว่างจอประสาทตาที่มีเลือดไปเลี้ยงและไม่มีเลือดไปเลี้ยง
        
        การวินิจฉัย
        
        ตรวจครั้งแรก 4-6 weeks / ทารกอายุรวมหลังเกิด 32 weeks
        
        ถ้าไม่พบตรวจซ้ำทุก 4 weeks ถ้าพบควรตรวจซ้ำทุกอาทิตย์
        
        ถ้าพบ ROP ควรตรวจทุก 1-2 weeks
        
        ความรุนแรง
        
        stage1: Demarcation line between vascularized and avascular retina
        
        Stage 2: Ridge between vascularized and avascular retina
        
        Stage 3: Ridge with extraretinal fibrovascular
        proliferation
        
        Stage 4: Subtotal retinal detachment :
        (a) extrafoveal detachment (b) foveal detachment
        
        Stage 5: Total retinal detachment
        
        การป้องกัน
        
        การพยาบาล
        
        ดูแลให้ได้รับออกซิเจนเท่าที่จำเป็น
        
        ติดตาม O2 sat ให้อยู่ในระดับ 88-92%
        
        ดูแลให้ได้รับยาวิตามินE
        
        ดูแลให้ได้รับการตรวจ screening ROP
        
        ดูแลให้ทารกที่มีภาวะ ROP รุนเเรงและอยู่ในเกณฑ์บ่งชี้ให้ได้รับการรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์
        
        (Intraventricular hermorrhage: IVH)
        
        ภาวะเลือดออกโพรงสมอง
        
        ปัจจัยเสี่ยง
        
        ก่อนคลอด
        
        คลอดทางช่องคลอด ตกเลือดก่อนคลอด ขาดออกซิเจนขณะอยู่ในครรภ์
        
        หลังคลอด
        
        RDS, prolonged neonatal resuscitation,
        acidosis, pneumothorax, NEC และภาวะชัก
        
        การวินิจฉัย
        
        ultrasound
        
        ความรุนแรง
        
        4 more items...
  - - - คลอดก่อนกำหนด
        
        IgM ไม่สมบูรณ์ รับ IgG มาไม่พอ
        
        เม็ดเลือดขาวน้อย
        
        ผิวเปราะบาง ถูกทำลายง่าย
    - - Early onset Sepsis
        
        ติดเชื้อก่อน/ระหว่างคลอด แสดงอาการใน 2-3 วันแรกหลังคลอด
      - Late onset Sepsis
        
        ติดเชื้อแสดงอาการ หลังคลอด 72h -1m
      - สาเหตุ
        
        preterm
        
        น้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดนานเกิน 18 h
        
        การคลอดล่าชา
        
        มารดาติดเชื้อ น้ำคร่ำมีกลิ่น
        
        ทารกพร่องออกซิเจนในครรภ์
      - การวินิจฉัย
        
        ซักประวัติมารดาขณะตั้งครรภ์
        
        ตรวจร่างกาย
        
        ตรวจ lab
        
        Culture 24-48 hr.( blood, UA, CSF, Sputum)
        
        CBC , Plt count
        
        ESR ดูการตกของเม็ดเลือดขาว ทารกไม่เกิน 2 mm/hr
        
        CRP และ CXR
      - อาการและอาการเเสดง
        
        ซึม ร้องนาน ไม่ดูดนม ซีด ตัวลายเป็นจ้ำ(motting) ผิวหนังเย็น หายใจเร็วลำบาก ท้องอืด อาเจียน สั่น ชัก
      - รักษา
        
        ให้ยาปฏิชีวนะตาม sensitivity
        
        ส่วนมากให้ Ampicillin iv กบั Gentamycin iv ถ้าไม่ได้ผล ใช้ กลุ่ม Cephalosporins iv
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินภาวะการติดเชื้อ
        
        ดูแลให้ยาปฏิชีวนะและสังเกตอาการข้างเคียง
        
        ควบคุมอุณหภูมิให้ปกติ
        
        ดูแลความสะอาดร่างกายและสิ่งเเวดล้อม
        
        ติดตามผลทางห้องlab
        
        แยกทารก
  - - - ไส้เน่าอักเสบ
        
        เนื้อเยื่อเน่าและอักเสบจนขาดเลือด
        
        เกิดจากการใช้ยาของมารดาขณะตั้งครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด การเริ่มรับนมและเพิ่มปริมาณเร็ว ขาดออกซิเจน
        
        ปัจจัยเสี่ยง
        
        polycythemia น้ำหนักตัว<2000g ความพิการทางหัวใจ ใส่สายสวนหลอดเลือดทางสะดือ
        
        เกิดก๊าซแทรกตามชั้นผนังลำไส้ > ท้องอืด พบเลือดในอุจจาระ(occult blood) หากรุนแรงมาก อาจถ่ายเป็นมูกเลือด มีแผลที่ลำไส้ อาจทำให้สำไส้ทะลุ
      - อาการ
        
        เซื่องซึม (lethargy) ดูดนมไม่ดี ตัวเหลือง ร้องกวน T ต่ำ หยุดหายใจ หัวใจเต้นช้า กรดเกิน Na ต่ำ O2 ต่ำ
        
        อาการเฉพาะ
        
        ท้องอืด ถ่ายเหลว อาเจียนสีน้ำดี มีเลือดออกทางเดินอาหาร อาหารค้างกระเพาะ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
      - วินิจฉัย
        
        x-ray ช่องท้องด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ด้านข้าง การเพาะตัวอย่างเลือด
      - รักษา
        
        NPO
        
        ปฏิชีวนะชนิดสเปกตรัมกว้าง ระงับการติดเชื้อ
        
        ให้สารน้ำพยุงระบบไหลเวียน
        
        ให้ยากระตุ้นความดันโลหิต(Vasopressor)
        
        เฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
        
        2 วิธี
        
        ผ่าตัดแบบเปิดสำรวจช่องท้อง
        
        ควรเฝ้าระวังเพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังผ่าตัด
        
        ให้สารน้ำพยุงระบบไหลเวียนโลหิต
        
        เฝ้าระวังเกี่ยวกับการเเข็งตัวของเลือด ตกเลือดในสมอง ติดเชื้อในกระเเสเลือด
        
        การใส่ท่อระบายช่องท้อง
      - Hypoglycemia
        
        น้ำตาลในเลือด <40 mg% (term)
        
        น้ำตาลในเลือด <35 mg% (preterm)
        
        อาการแสดง
        
        ซึม ไม่ดูดนม มีสะดุ้งผวา อาการสั่น ซีดหรือเขียว หยุดหายใจ ตัวอ่อนปวกเปียก อุณหภูมิต่ำ ชักกระตุก
        
        สาเหตุ
        
        ไม่ได้รับ glucose จากมารดา
        
        glycogen น้อย การสร้าง glucose จำกะด
        
        มีภาวะเครียดทั้งขณะอยู่ในครรภ์ ขณะคลอดและหลังคลอด
        
        ดูแล
        
        ทารกที่มีอาการร่วมกับน้ำตาลในเลือด <40 mg% (term)
        
        ให้สารละลายกลูโคสทางหลอดเลือด(10% D/W)
        
        ทารกไม่มีอาการ
        
        แรกเกิด-4h
        
        ให้นม 1 h เเรกติดตามระดับน้ำตาล 30 min หลังกินมื้อเเรก
        
        น้ำตาลในเลือด <25 mg/dl
        
        ให้นม + ติดตามหลังกิน 1 h + ให้สารละลายกลูโคส IV
        
        น้ำตาลในเลือด 25-40 mg/dl
        
        ให้นม/สารละลายกลูโคส IV
        
        อายุ 4-24 h
        
        ให้นมทุก 2-3 h ติดตามระดับน้ำตามก่อนมื้อนม
        
        น้ำตาลในเลือด <35 mg/dl
        
        ให้นม + ติดตามหลังกิน 1 h + ให้สารละลายกลูโคส IV
        
        น้ำตาลในเลือด 35-45 mg/dl
        
        ให้นม/สารละลายกลูโคส IV
        
        *10% D/W 2 mg /kg.และ/หรือ glucose infusion rate (GIR) 5-8 mg/kg/min
        
        โดยให้ระดับน้ำตาลในเลือด ในช่วง 40-50 mg/dl
        
        กรณีเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
        
        ต้องตรวจภายใน 1-2 h หลังคลอดและติดตามทุก 1-2 ใน 6-8 h หรือจนกว่าจะปกติ
        
        รีบให้ 5,10 %D/W ทางปาก หรือ NG tube ใน 1-2 มื้อแรก แล้วให้นม
        
        กรณี Hypoglycemia
        
        ตรวจทุก 30 min
        
        ไม่แสดงอาการ
        
        ให้กินนมหรือสารละลายกลูโคส IV
        
        keep warm
        
        สังเกตการเปลี่ยนแปลง
    - - เป็นภาวะในครรภ์สูดสำลักหรือหายใจเอาขี้เทาที่มีอยุ่ในน้ำคร่ำเข้าไปในหลอดลมหรือปอด
        
        หายใจลำบาก พบบ่อยในเด็กคลอดครบกำหนดและเกินกำหนดที่มีภาวะขาดออกซิเจนขณะอยู่ในครรภ์
      - ภาวะตื่นตัวแรกเกิด(vigorous)
        
        ประเมิน 10-15 s หลังเกิด
        
        มีเเรงหายใจด้วยตนเองได้ดี
        
        มีกำลังกล้ามเนื้อดี
        
        อัตราการเต้นของหัวใจ<100/min
        
        หากผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง = non vigorous
        
        เสี่่ยงต่อการสูดสำลัก ต้องกู้ชีพด้วยการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก(positive pressure ventilation; PPV)
      - สาเหตุ
        
        มารดา
        
        ภาวะน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ
        
        มีภาวะน้ำคร่ำอักเสบ/รั่วนานมากกว่า 18 h
        
        มีภาวะรกเกาะต่ำหรือรกลอกตัวก่อนกำหนด
        
        ประวัติใช้สารเสพติด
        
        ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
        
        อายุครรภ์ >42 weeks
        
        ทารก
        
        ขาดออกซิเจน > เครียด > หูรูดลำไส้คลายตัว > ทารกถ่ายขี้เทาในน้ำคร่ำ
      - การถ่ายขี้เทามี 2 ลักษณะ
        
        ปกติ
        
        เกิดจากการเคลื่อนตัวของลำไส้ที่สมบูรณ์แล้ว
        
        ผิดปกติ
        
        เกิดจากการตอบสนองต่ความเครียด
      - อาการและอาการแสดง
        
        รุนแรงปานกลาง
        
        หายใจเร็วรุนเเรงมากขึ้น มีการดึงรั้งของช่องซี่โครงและรุนแรงสูงสุดเมื่ออายุ 24 h
        
        รุนแรงน้อย
        
        หายใจเร็วระยะสั้นๆ 24-72 h ทำให้เเรงดันลดลง และมีค่าความเป็นกรด-ด่าง มักหายใน 24-72 h
        
        รุนแรงมาก
        
        ระบบหายใจล้มเหลวทันที/ภายใน 2-3 h หลังคลอด
      - การวินิจฉัย
        
        อาการแสดง : หายใจลำบาก ทรวงอกโป่ง
        
        ตรวจร่างกาย : น้ำคร่ำมีตะกอนขี้เทา ร่างกายมีขี้เทาติด ฟังเสียงปอดไม่ได้ยินเสียงผ่านอากาศ
        
        ภาพถ่ายรังสี : alveolar infiltration hyperaeration atelectasis
        
        ABG : ภาวะเลือดเป็นกรด CO2 คั่ง พร่องออกซิเจน
      - แนวทางการรักษา
        
        ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
        
        พิจารณาตาอาการทารก
        
        ให้ยาปฏิชีวนะ ในกรณีภาวะหายใจล้มเหลว
        
        ให้ยาขยายหลอดเหลือดในปอด
        
        เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ
        
        การพยาบาล
        
        เป้าหมายเพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนเพียงพอ เฝ้าระวังการติดเชื้อ
        
        สังเกตอาการแสดงของการขาดออกซิเจน = หายใจเร็ว อกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจมากขึ้น เขียว
        
        วัด BP ทุก 2-4 เฝ้าระวังการเกิดความต่ำจาก PPHN
        
        รบกวนทารกให้น้อยที่สุด สังเกตอาการติดเชื้อ
      - พัฒนาพฤติกรรมทางระบบประสาท
        
        เพื่อให้ทารกมีพฤติกรรมทางระบบประสาทที่เหมาะสม
        
        ช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์พัฒนาด้านต่างๆน้อย
        
        ความเจ็บป่วยทำให้การรักษาส่งผลต่อการพัฒนาการ
        
        สิ่งเเวดล้อมไม่เหมาะสม
        
        ควรส่งเสริมดังนี้
        
        จัดท่า
        
        เลี่ยงการเหยียดแขนขา(extension) พยายามให้อยุ่ในท่างอแขนขาเข้าลำตัว
        
        ห่อทารกให้งอแขน มือ 2 ข้างอยู่ใกล้ๆปาก เลี่ยงการห่อตัวแบบเก็บแขน
        
        ใช้ผ้าอ้อมหรือผ้าห่มผืนเล็กๆวางรอบๆกายของทารกเสมือนอยู่ในครรภ์มารดา
        
        จับทารกเท่าที่จำเป็น
        
        กิจกรรมพยาบาลควรจัดให้อยู่ในเวลาเดียวกัน ควรสัมผัสก่อนจับต้อง การเคลื่อนย้ายให้อยุ่ในท่าแขน ขา งอ อยู่ในแนวกลางลำตัว
        
        จัดสภาพเเวดล้อมในหอผู้ป่วยให้มีการกระตุ้นทางแสงและเสี่ยงน้อยที่สุด
        
        ส่งเสริมการดูดของทารก โดยการใช้หัวนมหลอก (Non-nutritive sucking)
        
        ส่งเสริมพัฒนาการด้านประสาทสัมผัสของทารกในขณะให้การรักษาพยาบาล
      - การส่งเสริมสัมพันธภาพ
        
        บทบาทพยาบาล
        
        ขณะมารดาอยู่โรงยาบาล กระตุ้นให้มารดาไปเยี่ยมทารกให้เร็วที่สุด
        
        เมื่อบิดาเข้าเยี่ยม ให้อธิบายเกี่ยวกับการเจ็บป่วย การรักษา
        
        เปิดโอกาสให้ซักถามและระบายคามรู้สึก
        
        ส่งเสริมการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
      - การวางแผนจำหน่าย
        
        ทารกอาการดีขึ้น ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
        
        ดูดนมได้ น้ำหนักเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอและมีน้ำหนัก>1800
        
        สอนมารดาเกี่ยวกับการให้นม การทำความสะอาด การสังเกตอาการผิดปกติ สังเกตพฤติกรรม
        
        สอนมารดาเกี่ยวกับการคิดอายุจริงของทารก(Corrected age) เพื่อประเมินและส่งเสริมพัฒนาการ