Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่10 การวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร - Coggle…
หน่วยที่10
การวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยเชิงปริมาณในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
พื้นฐานทางปรัชญาของการวิจัยเชิงปริมาณ
กลุ่มฐานคิดปฏิฐานนิยม
กลุ่มฐานคิดตีความนิยม
กลุ่มฐานคิดวิพากษ์นิยมหรือปฏิรูปนิยม
ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ
1) อิงหลักการวัด
2) นำข้อมูลที่วัดได้เป็นตัวเลข มาทำการวิเคราะห์ แปลผลด้วยวิธีการทางสถิติ เพื่อตอบปัญหาการวิจัย
3) เน้นความเป็นปรนัย
4) ให้ความสำคัญกับเครื่องมือวิจัยที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
5) เน้นความเป็นกลางไม่เอนเอียงในกระบวนการวิจัย
6) เน้นการออกแบบการวิจัยโดยเคร่งครัด
7) รูปแบบหลักของการวิจัยเชิงปริมาณที่พบในการวิจัยทางสังคมศาสตร์
การวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research)
หมายถึง การวิจัยที่ต้องอาศัยระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาความจริง เป็นการวิจัยที่มีระเบียบวิธีที่ชัดเจนในการวิจัย โดยการสร้างเครื่องมือเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อการวัดสิ่งที่ศีกษา (ตัวแปร) ออกมาเป็นตัวเลข และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการทางสถิต เพอ่ืใหไ้ด้ผลการศึกษาที่มีความเชื่อถือได้และ
สามารถนำไปสรุปอ้างอิงยังประชากรได้
ลักษณะสำคัญของการวิจัยเชิงปริมาณ
เป้าหมายของการวิจัยเชิงปริมาณโดยหลักใหญ่ คือ มุ่งศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์
แนวทางการวิจัยที่เชิงปริมาณใช้จะมีแบบแผนเฉพาะเจาะจงที่ชัดเจนแน่นอน
ในการวิจยัเชิงปริมาณโดยมากจะมีการตั้งคำถามวิจัยหรือสมมติฐานวิจัยที่เจาะจงไว้ก่อน
เทคนิควิธีเชิงปริมาณเป็นหัวใจของการวิจัยทุกขั้นตอน
เทคนิคการเก็บข้อมูลโดยอิงเครื่องมือวัดต่างๆ
เมื่อกล่าวถึงวิจัยเชิงปริมาณ มักจะนึกถึงรูปแบบการวิจัย 2 รูปแบบได้แก่การสำรวจ กับการทดลอง
จุดมุ่งหมายของการวิจัยเชิงปริมาณ
จุดมุ่งหมายเพื่อการสำรวจ
จุดมุ่งหมายเพื่อบรรยายหรือพรรณนา
จุดมุ่งหมายเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ และทำนาย
จุดมุ่งหมายเพื่อควบคุม
ประเภทของการวิจัยเชิงปริมาณ
การวิจัยเชิงสำรวจ (survey research)
การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์(correlational research)
การวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ (causal comparative research/ex-post facto research)
การวิจัยเชิงทดลอง (experimental research)
กระบวนการดำเนินงานวิจัยเชิงปริมาณ
การกำหนดโจทย์ หรือปัญหาและวัตถุประสงค์การวิจัย
การทบทวนวรรณกรรม
การสร้างกรอบแนวคิดและสมมติฐานการวิจัย
การออกแบบการวิจัย
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การจัดกระทำและวิเคราะห์ข้อมูล
การเขียนรายงานการวิจัยและการเสนอผล
การวิจัยเชิงปริมาณแบบไม่ทดลองในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
การวิจัยเชิงสำรวจในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ
แบ่งตามขอบเขตของคำถามการวิจัย
การสำรวจเบื้องต้น
การสำรวจเชิงพรรณนา
แบ่งตามขอบเขตประชากร
การสำรวจจากประชากรทั้งหมด หรือการสำรวจสำมะโน
การสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง
การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
รูปแบบการวิจัยเชิงสหสัมพันธ
การวิเคราะห์สหสัมพันธ์
ความสัมพันธ์อย่างง่าย
ความสัมพันธ์แบบพหุ
การวิเคราะห์การถดถอย
การวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่าย
การวิเคราะห์การถดถอยพห
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์แคนนอนิคัล
การวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ
มีลักษณะเป็นการวิจัยเลียนแบบการ
ทดลอง
รูปแบบการวิจัยเชิงการวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ
รูปแบกลุ่มเปรียบเทียบ
รูปแบบความสัมพันธ์ร่วม
การวิจัยเชิงปริมาณแบบการทดลองและแบบกึ่งการทดลองในการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร
รูปแบบการวิจัยเชิงการวิจัยเชิงทดลอง
การวิจัยเชิงปริมาณแบบการทดลองขั้นต้น
One-Shot Case Study มุ่งเน้นการวิจัยเชิงทดลองกับกลุ่มทดลองเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น โดยดำเนินการทดลองแล้วศึกษาผลที่เกิดขึ้นกับตัวแปรตามว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร
One Group Pretest Posttest Design มุ่งเน้นการด าเนินการทดลองกับกลุ่มทดลองเพียงกลุ่มเดียว แต่ดำเนินการสังเกต ผู้เข้าร่วมการทดลองก่อนและหลังการทดลอง
Static Group Comparison ป็นการแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุม ทำการทดลองเฉพาะกลุ่มทดลองโดยไม่มีการวัดหรือสังเกตใด ๆ ก่อนการทดลอง ส่วนกลุ่มควบคุมไม่ได้ถูกกระทำใด ๆ เพียงแต่ต้องมีการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนไม่ให้ส่งผลใด ๆ ต่อตัวแปรตาม
การวิจัยเชิงปริมาณแบบการทดลองจริง
Posttest-Only Control Group Design มีลักษณะ
คล้ายกับแบบแผนการทดลองแบบ One-Shot Case Study แต่เพิ่มกลุ่มควบคุมในการทดลองอีก 1 กลุ่ม โดยทั้ง 2 กลุ่มเกิดจากการสุ่มจาก
กลุ่มประชากรที่มีคุณลักษณะคล้ายกัน และมีจำนวนเท่ากัน ดำเนินการทดลองโดยให้กลุ่มทดลองได้รับการทดลอง ส่วนกลุ่ม
ควบคุมไม่ได้รับการกระทำใด ๆ ภายหลังจากเสร็จสิ้นการทดลองจึงให้ทั้ง 2 กลุ่มถูกวัดด้วยเครื่องมือวัด เพื่อเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่ม
Pretest Posttest Control Group Design มุ่งเน้นการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่เกิดจากการสุ่มจากกลุ่มประชากรจำนวน 2 กลุ่มด้วยกันได้แก่ กลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม โดยให้กลุ่มตัวอย่างที่มีคุณลักษณะเหมือนกันได้ มีโอกาสได้เข้าร่วมทั้ง 2 กลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน
Solomon Four Group Design เป็น การทดลองที่ผนวกแบบแผนการทดลองแบบ Pretest Posttest Control Group Design กับ Posttest-Only Control Group Design เข้าด้วยกัน โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 4 กลุ่ม จำนวนเท่า ๆ กัน ได้แก่ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างละ 2 กลุ่ม โดยใช้วิธีการสุ่ม เพื่อกระจายกลุ่มตัวอย่างให้มีโอกาสได้เข้าร่วมในกลุ่มต่าง ๆอย่างเท่าเทียมกัน และด าเนินการทดลองครั้งเดียวพร้อม ๆ
การวิจัยเชิงปริมาณแบบการ
ทดลองกึ่งการทดลอง
Quasi-Equivalent Control Group Design มีลักษณะคล้ายกับแบบแผนการทดลองแบบPosttest-Only Control Group Design แต่แบบแผนการทดลองแบบนี้มุ่งเน้นการวิจัยกึ่งทดลองโดยมีกลุ่มควบคุมอีก 1 กลุ่ม ที่มีจำนวนเท่ากัน เพื่อใช้เปรียบเทียบผลการทดลอง ก่อนเริ่มการทดลองจะมีการวัดหรือสังเกตกลุ่มตัวอย่าง ทุกกลุ่ม หลังจากนั้นจึงทำการกระทำกับกลุ่มทดลอง ส่วนกลุ่มควบคุมไม่ได้ถูกกระทำใด ๆ
Time Series Design เป็นการวิจัยกึ่งทดลองโดยเก็บข้อมูลหลายครั้งในช่วงเวลาที่ต่างกันทั้งก่อนและหลังการทดลอง ทำให้ทราบพัฒนาการของกลุ่มทดลองในช่วงเวลาที่ต่างกัน
Multiple Time Series Design เป็นการวิจัยกึ่งทดลองโดยเก็บข้อมูลหลายครั้งในช่วงเวลาต่างกันและมีกลุ่มควบคุมมีลักษณะใกล้เคียงกับแบบแผนการทดลองแบบ Time Series Design เพียงแต่เพิ่มกลุ่มควบคุมในกระบวนการทดลอง แต่ไม่ได้กระทำใด ๆ กับกลุ่มควบคุม โดยมีการวัดหรือสังเกตทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมเป็นระยะ ๆ ก่อนการทดลอง ภายหลังเสร็จสิ้นการทดลองแล้วจึงมีการวัดหรือสังเกตเป็นระยะ ๆ อีกครั้งหนึ่ง แล้วน าผลการทดลองไปเปรียบเทียบกันทั้งก่อนและหลังการทดลอง รวมทั้งการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม