Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆ - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆ
ระบบต่อมไร้ท่อ
ฮอร์โมนของรก(Placental hormone)
Human Chorionic Gonadotropin :HCG ลดลงอย่างรวดเร็วจนมีการตกไข่
Estrogen ลดลงอย่างรวดเร็ว ใน3hr.หลังรกคลอดและกลับสู่ปกติเมื่อเข้าสู่ระยะ follicular phase
Progesterone ลดลงใน3วันหลังคลอด ต่ำกว่าระยะ luteal phase ผลิตอีกครั้งในระยะตกไข่
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง(Pituitary hormone)
FHS LH ต่ำลงใน10-12 วัน
Prolactin
มารดาที่ให้นมบุตร Prolactin หลั่งมากขึ้น ทำให้นมคัดและน้ำนมไหล
มารดาที่ไม่ให้นมบุตร ลดลงใน 2 wks
ฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโต(Growth hormone)
เอนไซม์จากรกและน้้าย่อย
อินสุลิน (Insulinase) ซึ่งจะลดปัจจัยต่อต้านอินสุลินหลังคลอดจะมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำภายในสัปดาห์แรกหลังคลอด
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ส่วนมากระหว่างคลอดจะเสียเลือดประมาณ 300 – 400 ซีซี
หลังคลอดปริมาณเลือดจะลดลงทันทีแล้วค่อยๆลดลงเรื่อยๆประมาณ 3 – 4 สัปดาห์หลังคลอดปริมาณเลือดจึงจะลดลงสู่ระดับปกติ
ระบบเลือด
3 วันแรกHct อาจสูงขึ้นเล็กน้อย
WBC สูงร่างกายสร้างกลไกป้องกันการติดเชื้อ
ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ
จึงมักถ่ายปัสสาวะ
ลำบากและจะเป็นมากขึ้นถ้ามีอาการบวมของฝีเย็บ
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ
ลดลงท้าให้มีความจุมากขึ้นแต่ความไวต่อแรงกดจะลดลง
กระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะทุก 4 – 6 ชั่วโมงป้องกันPPH
ความดันเลือดและชีพจร
อาจมีค่าความดันโลหิตต่ำได้จากการ
เสียเลือดมากกว่าปกติจนทำให้ปริมาณเลือดน้อยเกินไป อาจมีอาการเวียนศีรษะหน้ามืด เป็นลม จึงค่อยๆลุกจากเตียง
ชีพจร ในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอดจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติคือประมาณ 50 – 70 ครั้ง/นาที
เข้าสู่ระดับปกติภายใน7 – 10 วันหลังคลอด
ระบบหายใจ
ความจุภายในช่องท้องและกะบังลมลดลงปอดขยายได้ดีขึ้นการหายใจสะดวกขึ้น
การทำงานของไต(Renal function)
ไตปรับสภาพสมดุลของน้ำและเลือด ทำให้ปัสสาวะบ่อย
ยูเรียไนโตรเจนในกระแสเลือดจะปกติใน6wk
อาจพบน้ำตาลแลคโตส อะซิโตน โปรตีนในปัสส่วะเล็กน้อย จะปกติใน3วัน
น้้าหนักลด(Weight Loss)
6 สัปดาห์หลังคลอดน้ำหนักตัวคงที่
หลังคลอดน้ำหนักตัวจะลดลงอีกประมาณ 2 – 4 kgจากการขับปัสสาวะและเหงื่อ
ระบบทางเดินอาหาร
2 – 3 วันแรกมักมีความอยากอาหารและดื่มน้ำมาก
เพราะสูญเสียน้้าระหว่างคลอด
ระยะแรกหลังคลอดมารดามีแนวโน้มที่จะท้องผูกจากการที่
สูญเสียแรงดันภายในช่องท้องทันทีกล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัว
ระบบกล้ามเนื้อและโครงกระดูก
สามารถบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ภายใน 24
ชั่วโมงหลังคลอด
1 – 2 วันแรกรเมื่อยและปวดกล้ามเนื้อเพราะต้องออกแรงเบ่งขณะคลอดและหลังคลอดรกฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนลดต่ำลงทำให้
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อเริ่มลดลง
ระบบโครงกระดูก 2 – 3 วันแรกระดับฮอร์โมนรีแลคซินค่อยๆ
ลดลงแต่หญิงระยะหลังคลอดยังคงเจ็บปวดบริเวณตะโพกและข้อต่อเข้าสู่สภาพปกติ6 – 8 สัปดาห์หลังคลอด
ระบบผิวหนัง
เอสโตรเจนลดลงอย่างรวดเร็วในระยะหลังคลอดร่างกายจะขับน้ำออก
ทางผิวหนังจำนวนมาก (Diaphoresis)จึงมีเหงื่อออกอาจเกิดขึ้น
ในเวลากลางคืน
อุณหภูมิ
Reactionary Fever ขาดน้ำพลังงานในการคลอด T=37.8 Cลดลงสู่ปกติใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
Milk Fever เกิดจากนมคัด 3 – 4 หลังคลอดTสูงกว่า
38 c หายใน 24 hr.หรือเมื่อลดการคัดตึงของเต้านม
Febile Fever เกิดจากมีการติดเชื้ออุณหภูมิจะสูงกว่า 38 C
ติดต่อกัน 2 วันหรือมากกว่า
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตสังคมของมารดาในระยะหลังคลอด
กระบวนการในการปรับตัวของสตรีหลังคลอด
2.Taking – hold phase 3 – 10 วัน ช่วยเหลือตนเองได้มากยิ่งขึ้น
เริ่มสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการเป็นมารดาที่ดี ดูแลทารก
การพยาบาล
ให้กำลังใจในการเป็น “มารดา” และเป็น “ภรรยา” ที่ดีของทารกและสามีดูแลตนเอง
และทารกให้ถูกต้อง
แนะนำเรื่องการวางแผนครอบครัว
Letting-go phase เริ่มตั้งแต่
วันที่ 10 หลังคลอดกลับมาอยู่ที่บ้าน มารดาเริ่มมีความ
ต้องการที่จะพบหรือพูดคุยกับบุคคลภายนอก
การพยาบาล
ให้กำลังใจบุตรคนแรกๆเพื่อป้องกันการ
เกิดอิจฉาริษยาของบุตรคนแรกต่อทารกที่เกิดใหม่
สนับสนุนให้สมาชิกในครอบครัวได้พูดคุยทำความเข้าใจนเช่น
สามีอาจจะช่วยภรรยาดูแลทารกในบางโอกาส
1.Taking – in phase1 – 3 วันแรก ร่างกายมี
ความอ่อนล้าไม่สุขสบายจากการปวดมดลูกเจ็บปวดแผลฝีเย็บและคัดตึงเต้านม
การพยาบาล
ให้การพยาบาลด้วยท่าทีที่อบอุ่นเห็นอกเห็นใจเข้าใจความรู้สึกด้วยความจริงใจ
เปิดโอกาสให้มารดาหลังคลอดได้ระบายความรู้สึกและรับฟังด้วยความสนใจ
ดูแลช่วยเหลือประคับประคอง การรับประทานอาหาร การพักผ่อน การรักษาความสะอาดของร่างกาย การขับถ่าย
อธิบายให้สามีและญาติเข้าใจถึงความรู้สึกและการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ของมารดา สังเกตอาการผิดปกติ
ภาวะที่มารดาเศร้าหลังคลอด(Postpartum blues หรือbaby blues)
ปัจจัย
มีความเครียดทางร่างกายเช่นอ่อนเพลียเจ็บแผลฝีเย็บปวดจากเต้านมคัดตึงเจ็บริดสีดวงทวาร
ความเครียดด้านจิตใจในช่วงรับบทบาทการเป็นมารดาแต่ขณะเดียวกันก็ต้องคงไว้ซึ่งบทบาทการเป็น
ภรรยาที่ด
ผิดหวังเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองในช่วงหลังคลอดเช่นหน้าท้องห้อยหย่อนยานรู้สึกเบื่อหน่ายคิดว่าตนเองมี
รูปร่างที่ไม่น่าดูไม่เป็นที่ดึงดูดใจจากผู้อื่นและมักคิดว่าไม่สามารถท้ารูปร่างให้เหมือนเดิมได้
มีความขัดแย้งระหว่างบุคคล เช่นมีความขัดแย้งระหว่างตนเองกับสามีกับสมาชิกคนอื่นๆภายในบ้านกับ
เพื่อนหรือเพื่อนบ้าน
มีการลดลงทันทีของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
รู้สึกถูกละเลยไม่ได้รับความสนใจเนื่องจากช่วงหลังคลอดบุคคลแวดล้อมจะแสดงความชื่นชมยินดีกับทารกมากกว่าที่จะแสดงความชื่นชมยินดีหรือสนใจหญิงระยะหลังคลอดทำให้หญิงระยะหลังคลอดมักมีความรู้สึก
เศร้าและเสียใจ
อาการ
พบใน 10 วันแรกหลังคลอด หายได้เองภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอด
อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายมีความรู้สึก
เศร้าร้องไห้โดยหาสาเหตุไม่ได้ นอนไม่หลับ
บทบาทการเป็นมารดา
ระยะหาข้อมูล (The formal stage)
ได้รับค้าแนะน้าชี้แนะจากบุคคลอื่นๆเช่นเจ้าหน้าที่ทีมสุขภาพเพื่อนสนิท
ระยะเป็นกันเองกับทารก (The informal stage)
ตอบสนองความต้องการของทารกในลักษณะแตกต่างเป็นของตนเองมากกว่าที่จะปฏิบัติตามตำราหรือเจ้าหน้าที่ทีมสุขภาพ
ระยะที่คาดหวังไว้(The anticipatory stage)
คู่สามีภรรยาจะเป็นผู้เลือกแพทย์
ผดุงครรภ์สถานที่คลอด
4.ระยะของการเป็นมารดาบิดาอย่างสมบูรณ์ (The personal stage)
รู้สึกว่าประสบความสำเร็จเมื่อทารกอายุประมาณ 4 เดือน
ระบบภูมิคุ้มกัน
ภูมิคุ้มกันต่อปฏิกิริยาการไม่เข้ากันของหมู่เลือด (Blood - type incompatibilities)ในช่วงที่เจ็บ
ครรภ์และคลอดเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการส่งผ่านเลือดจากทารกไปสู่มารดาซึ่งจะมีความส้าคัญมากในมารดาที่มี
Rh- เพราะจะได้รับเซลล์จากทารกในครรภ์ที่มี Rh+ระบบภูมิคุ้มกันของมารดาจะสร้างแอนติบอดีเพื่อตอบสนองต่อแอนติเจนซึ่งถือเป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกายโดยอาจท้าให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
ในช่วงหลังคลอดใหม่ๆสามารถป้องกันการสร้างแอนติบอดีโดยการฉีดแอนติ Rh อิมมูนกลอบบูลิน
(anti - Rho (D)immune globulin)ภาวะเลือดแม่และลูกไม่เข้ากันนอกจากจะเกิดจาก Rhแอนติเจนแล้ว
อาจเกิดจากหมู่เลือด ABO ด้วยพบว่าร้อยละ 20 ของหญิงตั้งครรภ์ที่มีเลือดหมู่ Oจะมีทารกที่มีเลือดหมู่ Aหมู่
B หรือหมู่ AB ซึ่งร้อยละ 5ของทารกเหล่านี้จะมีภาวะเลือดไม่เข้ากันจนทำให้เกิดเม็ดเลือดแดงแตกในระดับ
เล็กน้อยจนถึงปานกลางทารกจะแสดงอาการตัวเหลืองภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด