Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสนทนาให้เกิดความสัมพันธ์และการนำไปใช้ - Coggle Diagram
การสนทนาให้เกิดความสัมพันธ์และการนำไปใช้
การสนทนาเพื่อสร้างสัมพันธภาพทางการพยาบาล
4.การเห็นใจ เข้าใจในความรู้สึกของผู้อื่น (Empathy)
มีความรู้สึกและแสดงออกถึงความ นับถือในคุณค่าของความเป็นตนเองในแต่ละบุคคล
เช่นนี้ได้ ผู้ใช้บริการจะรู้สึกว่าตนมีความหมายได้รับการเอาใจใส่ สนใจ
แสดงให้ผู้ใช้บริการเข้าใจว่าพยาบาลเข้าถึง (enter) ความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ใช้บริการ
โอดร์ลิตซ์ (T. Lidz) นักจิตวิทยาที่มี ชื่อเสียงของอเมริกันกล่าวว่า “คนเราจะไม่สามารถรู้จักหรือเข้าถึงบุคคลอื่นได้เลย ถ้าหากว่าตนไม่ได้เรียนรู้ จักตนเองเสียก่อนในทุกด้าน”
5.ความเชื่อถือ ไว้วางใจ (Trust)
กระทำให้บุคคลมีความยอมรับ เชื่อถือ มั่นใจว่าบุคคลที่เขาเชื่อถือนั้นจะ กระทำในสิ่งที่ดีที่สุดกับเขา และไม่เป็นอันตรายกับเขา
3.การยอมรับ (Acceptance)
ให้ความเคารพในคุณค่าของบุคคลโดยการให้สนใจ ให้ความเป็นกันเองและแสดงออกซึ่งผู้อยู่ใกล้รู้สึกผ่อนคลาย
ดังตัวอย่างพฤติกรรมต่อไปนี้
-การยิ้มให้ผู้ป่วย
-การแสดงการยอมรับโดยการพยักหน้าในขณะพบ หรือพูดคุย
-การเรียกชื่อผู้ใช้บริการได้ถูกต้อง
-รู้จักขอโทษเมื่อมีโอกาสจะพึงกระทำ
-ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และจำเป็น
-ตอบคำถามหรือข้อสงสัยด้วยความจริงใจ
-เอาใจใส่ว่าผู้ใช้บริการชอบอะไร และไม่ชอบอะไร
-ให้เวลาในการอธิบายสิ่งต่างๆ ด้วยความเต็มใจ
-รับฟังปัญหาที่ผู้ใช้บริการระบายได้ แม้จะต้องฟังซ้ำหลายเที่ยว
-แสดงออกถึงความห่วงใยในความสุขสบาย เช่น การห่มผ้าให้ผู้ใช้บริการ
-แสดงกิริยาสุขภาพ และมั่นคงต่อผู้ใช้บริการ
-เสาะแสวงหาแหล่งขอความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้บริการ ในการแก้ปัญหา
-รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ใช้บริการ
6.การจริงใจ (Genuineness)
แสดงตนออกมาอย่างเป็นธรรมชาติที่แท้จริงและเปิดเผยความรู้สึก ความคิดของตนเองออกมาอย่างแท้จริง ไม่เสแสร้ง
แสดงออกซึ่งความเห็นอกเห็นใจและการยอมรับนับถือ
รับฟังเงียบๆ ก่อน และไม่มีการสื่อความหมายที่เป็นการตัดสินว่าอะไรถูก อะไรผิด หรือ อะไรไม่ดี ใดๆ
การแสดงความจริงใจอย่างถูกต้องเหมาะสม จะช่วยเอื้ออำนวยให้เกิดการสำรวจ ตนเอง คือ การแสดงความจริงใจที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการมีความปรารถนาที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และในลักษณะที่เป็นการช่วยเหลือด้วย
2.เคารพในความเป็นบุคคลของผู้อื่น (Respect
การที่พยาบาลได้ใช้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการที่มีปัญหาสุขภาพหรือบุคคลอื่น โดยความรู้สึก มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือ สละเวลาและความรู้สึกความสามารถในการที่จะช่วยผู้อื่นด้วยความเต็มใจ พร้อมที่จะ แลกเปลี่ยนความเป็น“ตนเอง”ของกันและกันให้เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาเป็นการช่วยแบ่งเบา ความรู้สึกทุกข์ทรมาน และความไม่สุขสบายต่างๆ
7.ความเข้าใจ (Understanding)
เข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ศาสนา ครอบครัว และสังคมของผู้ใช้บริการ
ไม่ตัดสินผู้ใช้บริการ แต่จะต้องแสดงออกโดยความเมตตากรุณา อบอุ่นเป็นกันเอง
ความเข้าใจเป็นทั้งระดับของความรู้สึกของบุคคล (feeling state) และความสามารถทางสติปัญญาของบุคคลด้วย (intellectual function)
พยายามหาข้อมูลเพื่อให้ได้ ข้อเท็จจริง ที่ถูกต้องในการแปลความหมายพฤติกรรมและให้ข้อวินิจฉัยปัญหา โดยที่พยาบาลเองจะต้องมี ความตระหนักและมีสติในตนเองอยู่ตลอดเวลา
การยอมรับ (Acceptance)
การยอมรับบุคคลอื่นไม่ใช่การแสดงออกโดยผิวเผิน แต่ต้องหมายถึงระดับความรู้สึกและอารมณ์ของบุคคลที่มาจากใจจริง
การยอมรับในที่นี้จึงไม่ได้หมายถึง การตกลงยินยอม (agreement) เห็นด้วยหรือรับหลักการ (approval) หรือความอดทน (tolerance)
การที่พยาบาลรับฟังผู้ใช้บริการ หรือมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับผู้ใช้บริการโดยไม่ตัดสินว่าสิ่งที่ผู้ใช้บริการพูดหรือแสดงออกนั้น ดี เลว ถูก ผิดอย่างไร แต่จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการได้ให้ข้อมูล เหตุผลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและช่วยให้มองเห็นการกระทำของตนเองจะช่วยให้จัดการปัญหาของตนเองได้
1.ความรัก (Love)ในเพื่อนมนุษย์
หมายถึงความห่วงใย (care) และความเอาใจใส่ (concern) ที่ พยาบาลจะพึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถ้าปราศจากสิ่งเหล่านี้แล้วสัมพันธภาพจะไม่เกิดขึ้น
8.การดูแลเอาใจใส่ (Caring)
สามารถปฏิบัติการพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม
สามารถแสดงออกได้ทั้งวาจา และท่าทางเช่นเดียวกัน เช่น การฟังอย่างตั้งใจเมื่อ ผู้ใช้บริการพูด การปฏิบัติอย่างนุ่มนวล การดูแลใกล้ชิดต่อเนื่องเป็นต้น“Nursing is Caring”หรือ“การพยาบาลคือการเอาใจใส่ดูแล”
หาก พยาบาลมีความจริงใจที่จะเอาใจใส่ช่วยเหลือผู้ใช้บริการอย่างแท้จริงพยาบาลจะร่วมรับรู้ และเข้าใจภาวะของผู้ใช้บริการ
เป็นการแสดงออกถึงความสนใจอย่างจริงใจที่จะช่วยเหลือบุคคลอื่นๆ
การพยาบาลที่มีคุณภาพจึงจะต้องประกอบด้วยกระบวนการพยาบาล (nursing process) ควบคู่ไปกับการเอาใจใส่ดูแล (caring)
การเอาใจใส่ดูแลของพยาบาลนั้นเป็นปฏิบัติการทางวิชาชีพที่กระทำด้วยความรู้ หลักการ มีเป้าหมาย กระบวนการที่จะช่วยเหลือผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งแสดงออกถึงเจตคติ ความต้องการที่จะประคับประคองให้ผู้ใช้บริการมีสุขภาพดี
ปัจจัยในการสนทนา
ควรจะสื่อภาษาอย่างเหมาะสม กับกาละ เทศะ และบุคคล
ลักษณะของสถานการณ์
สังคมสถานที่
เป็นเป้าหมายของการสื่อสารหรือสถานภาพทางสังคมของบุคคลเหล่านั้น
ลักษณะของความสัมพันธ์ที่มีอยู่ต่อกัน
ความหมายของการสนทนา
การสนทนาคือการสื่อสารโต้ตอบระหว่างบุคคลสองคนขึ้นไป เป็นการพูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อสังเกตความคิดเห็นหรือความรู้สึกระหว่างคน การสนทนาต้องเป็นไปเพื่อสร้างมิตรภาพและเพื่อประโยชน์ในการแสดงและรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผู้สนทนาที่ดีต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย คือตั้งใจฟัง ยอมรับฟังผู้อื่นได้
การสนทนาอาจจะมีบุคคลเพียงสองคนหรืออาจจะมีจำนวนเป็นกลุ่ม ก็ได้
หลักสำคัญในการสนทนา การสนทนาต้องเป็นไปเพื่อสร้างมิตรภาพและเพื่อประโยชน์ในการแสดงและรับฟังความคิดเห็น ซึ่งกันและกันมิใช่เพื่อเอาชนะหรือเพื่อแสดงความเด่นเหนือผู้อื่น
การสนทนาเพื่อสร้างสัมพันธภาพ
ต้องรู้ความต้องการและความรู้สึกของผู้อื่น
ต้องสร้างแรงจูงใจ
ต้องรู้จักเข้าใจตนเอง
ต้องทราบถึงวิธีการเอาชนะและครองใจคน
บุคลิกภาพกับการสนทนา
เรียบร้อย สง่างาน ตามความเหมาะสม น้ำเสียงการพูดจาน้ำเสียงจริงจังฉะฉานชัดถ้อยชัดคำด้วยระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ดังเกินไป รู้จักเรียนรู้สังเกตคู่สนทนา วางตัวด้วยท่าทีที่เหมาะสม
ประเภทของการสนทนา
๒. การสนทนาแบบไม่เผชิญหน้า (Interposed communications)
เป็นการสนทนาที่ผู้สนทนาไม่ได้เห็นหน้ากันโดยตรงในเวลาที่สื่อสารกันเช่น การสนทนาทางโทรศัพท์ การประชุมผ่านทางเครื่องรับทางไกล
๔. มีอัตราความเร็วพอเหมาะ
๕. ไม่พูดสิ่งที่เป็นความลับทางโทรศัพท์
๓. พูดให้กระชับ ตรงเป้าหมาย
๖. ไม่ควรชิงกดปิดโทรศัพท์มือถือก่อนการสนทนาจบลง หรือ กระแทกหูโทรศัพท์
๒. การออกเสียงถูกต้องชัดเจน
๗. ไม่แอบบันทึกการสนทนาในโทรศัพท์ หากต้องการให้ขออนุญาตคู่สนทนา
๑. ใช้น้ำเสียงสุภาพ เป็นปกติไม่ตะโกน
๘. ไม่ควร เคี้ยวอาหารขณะกำลังโทรศัพท์
๙. หากมีข้อผิดพลาดควรกล่าวคำขออภัย
๑. การสนทนาแบบเผชิญหน้า ( face to face communications)
เป็นการสนทนาที่คู่สนทนาได้คุยแบบเห็นหน้ากัน สามารถสังเกตอากัปกิริยาท่าทางซึ่งกันและกันได้
สวัสดี สร้างรอยยิ้ม ผงกศีรษะ ถามถึงเรื่องทั่วๆ ไป
ต้องระวังอย่าถามเรื่องส่วนตัวของคู่สนทนา
ทักทายผู้อื่นอย่างเหมาะสมด้วยกาละเทศะ
ข้อควรปฏิบัติในการสนทนา
๓.ละเว้นพูดคุยแต่เรื่องส่วนตัว
๔. ไม่ใช้วาจาเท็จ หรือพูดปดมดเท็จ
๒. อย่าแย่งพูดเพียงคนเดียว หรือฟังแต่เพียงอย่างเดียว
๕.ไม่ใช้วาจายุยงให้ผู้อื่นแตกร้าว
๑. อย่าทำตัวเป็นผู้รู้ไปทุกเรื่อง หรือถ่อมตนจนเหมือนคนโง่
๖.อย่านินทาว่าร้ายผู้อื่น
๑๓.อย่าตั้งใจโต้เถียงอย่างเอาชนะข้างเดียว
๗. หลีกเลี่ยงวาจาหยาบคาย
๑๒. พูดชมเชยอย่างจริงใจ
๘.ขอโทษเมื่อกล่าวผิดพลาด
๑๑. อย่าบ่นไม่ชอบคนโน้นคนนี้
๙.หลีกเลี่ยงการใช้เสียงที่ดังจนเกินไป
๑๐. อย่าบ่นถึงเคราะห์กรรมของตน
๑๔. ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นบุพการี
แนวทางนำไปใช้
นำไปใช้กับผู้อื่นได้แก่ ผู้อาวุธโสกว่า เพื่อนวิชาชีพอื่น เด็ก ที่เหมาะสม ยิ้มแย้ม มีกาละเทศะ
คิดก่อนพูด พูดสร้างสรรค์ ไม่ทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อนหรือเสียใจ
นำไปใช้กับเพื่อนร่วมงานและครอบครัวคือเอาใจใส่กันและกัน คอยช่วยเหลือพร้อมให้กำลังใจซึ่งกันและกันไม่ใช้อารมณ์ พูดสุภาพต่อกันที่เหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ
นำไปใช้ในวิชาชีพคือ เข้าใจ รับฟัง พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีต่อคนไข้ที่มารับษากับเรา เข้าใจเขาพร้อมสื่สารกันอย่างเป็นมิตรมีสติตลอดเวลา
นำเนื้อหาที่เรียนมานี้ไปประยุกต์กับบุคคลรอบๆตัในทางวที่ดีที่เหมาะสมมากขึ้น