Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Acquired Immune Deficiency Syndrome (AIDS) - Coggle Diagram
Acquired Immune Deficiency Syndrome
(AIDS)
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อHuman Immunodeficiency Virus ที่ T-helper cell (T4 lymphocyte), Macrophage ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ทางเลือด และการใช้เข้มฉีดยาร่วมกัน
พยาธิสภาพ
เมื่อเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกายแล้วจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวเป็นผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายเสื่อมหรือบกพร่องลง ทำให้ติดเชื้อโรคชนิดฉวยโอกาส เช่น ปอดบวม วัณโรค หรือมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ เช่น มะเร็งของหลอดเลือด อาการจะรุนแรงและเสียชีวิตในที่สุด
การวินิจฉัย
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
จํานวนเม็ดเลือดขาวทั้
งหมดลดลง
จํานวนและร้อยละของ lymphocyte ลดลง
สัดส่วนของ CD4+/CD8+ เปลี่ยนแปลงอยางชัดเจน (ปกติ 2.0 เหลือ 0.5)
การตรวจนับ CD4+T helper cellลดลง
(CD4+ < 500 เซลล์/uL)
ระดับ Ig เพิ่มขึ้น
การตรวจพิเศษ
ELISA Test
WESTERN BLOT
POLYMERASE CHAIN REACTION (PCR)
Agglutination Test
Viral load test
อาการและอาการแสดง
Persistent generalized Iymphadenopathy (ต่อมน้ำเหลืองโตมากกว่า 2
ตำแหน่ง และโตนานกว่า 3 เดือน)
Progression to AIDS (ตรวจพบ Viral antigen และ antibody ภายใน 6 เดือนอาจกินเวลาถึง 10 ปี โดยไม่มีอาการ จะมีอาการเมื่อ CD4+lymphocyte <500เซลล์/uL
Acute HIV infection 2-3 สัปดาห์หลังรับเชื้อ ก่อนที่จะสร้าง Antibody มี
อาการไข้ทั่วไป และหายไปเอง 2-3 สัปดาห์)
Opportunistic Infection (มีการติดเชื้อฉวยโอกาสในหลายอวัยวะได้แก่ ปอด
ระบบประสาท ทางเดินอาการ ผิวหนัง)
การรักษา
ยา นิยมใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ 2-3 ชนิดร่วมกันเพื่อชะลอการทําลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่มีหน้าที่หลักในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
Tenofovir/Emtrictabine
Atazanavir/ritonavia boosted
Lopinavir/ritonavir
Abacavir+Lamivudine
Efavirenz
Zidovudine+Lamivudine
Lamivudine
Raltegravir
การป้องกัน
การไม่มีเพศสัมพันธ์กบผู้ที่มีเชื้อเอดส์หรือป่วยเป็นเอดส์ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงยางอนามัยอยางถูกวิธีทุกครั้ง
การไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น
การตรวจเลือดและขอรับบริการปรึกษาเรื่องโรคเอดส์ก่อนแต่งงานและก่อนที่คิดจะมีบุตร
หลีกเลี่ยงการรับเลือดโดยไม่จําเป็น
การใช้ถุงยางอนามัย
การพยาบาล
การประเมินความรู้ในการปฏิบัติตนและการแพร่กระจายเชื้อ
การจัดการกับความเครียด
การดูแลด้านจิตใจและสังคมทุกช่วงระยะของการ
เจ็บป่วยรวมถึงการเจ็บป่วยในระยะสุดท้าย
ระยะของโรค
Primary HIV infection: 12-20 สัปดาห์
CD4-Tจะลดลงหลังจากนั้นจะเพิ่มจนสู่
ภาวะปกติ (500-1300 cells/mm3) อาจจะเกิดอาการของการติดเชื้อ
Early HIV infection: CD4-T อยู่ในเกณฑ์ปกติ ผู้ป่ายมักจะไม่มีอาการ
Early-stage HIV disease: CD4 <500 cells/mm3ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ
Early-stage HIV disease: CD4 <500 cells/mm3ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ
Middle-stage HIV disease: 10 ปี ระดับ
CD4+ T 200 - 500 cells/mm3
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ราในปาก งูสวัด วัณโรค
Late-stage HIV disease: ระดับเซลล์
CD4+ T ต่ำกว่า 50 cells/mm3;
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ MAC. CMY. เชื้อราในสมอง cryptococcal meningitis