Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลมารดาและทารก ในระยะที่ 1 ของการคลอด, นางสาวศิรินทิพย์ อินตา…
การดูแลมารดาและทารก ในระยะที่ 1 ของการคลอด
บทบาทของพยาบาล
รู้เทคนอกของการดูแลหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ระยะเจ็บครรภ์จนถึงสิ้นสุดของการคลอด
มีความสามารถและความชำนาญในเทคนิคต่างๆทำให้ผู้คลอดปลอดภัย
มีการตัดสินใจที่ดี มีความพร้อมในการช่วยเหลือเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน
มีความตื่นตัวในการค้นพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
มีสัมพันธ์ภาพที่ดี เห็นอกเห็นใจหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ในระยะของการคลอด
การตวจภายใน
สภาพปากมดลูก : มีลักษณะนุ่ม หรือแข็ง ยืดขยายได้ง่าย หรือยาก บวมหรือไม่ และจะต้องตรวจหาสิ่งต่อไปนี้ การเปิดขยายของปากมดลูก (Cervical dilatation) ความบางของปากมดลูก (Cervical effacement)
การบวมของปากมดลูก ตำหน่งของปากมดลูก
ตรวจหาส่วนนำ : การดูว่าส่วนนำคืออะไร ดูระดับของส่วนนำ
ตรวจหาท่าของทารก (Position) และขม่อม (Fontanel) : เป็นการคลำจากการตรวจดู sagittal suture ขม่อมหลัง(Posterior fontanel) หรือขม่อมหน้า (Anterior fontanel) ตำแหน่งของมันอยู่หน้า หรือหลัง จะช่วยบอกท่าของทารก
ข้อบ่งชี้ในการตรวจภายใน
-ผู้คลอดรับใหม่ทุกราย ยกเว้นมี bleeding per vagina,placenta previa
-ผู้คลอดที่อยู่ในระยะที่หนึ่งของการคลอด ตรวจดูความก้าวหน้าของการคลอด
-ในรายถุงน้ำทูนหัวแตกทันทีนึกถึงภาวะ fetal distress จาก prolapsed of umbilical cord
-เมื่อเจ็บครรภ์ถี่ และรุนแรงขึ้น สงสัยว่าปากมดลูกเปิดหมด
-สงสัยว่าทารกในครรภ์อยู่ในท่าผิดปกติ
-ก่อนการสวนอุจจาระให้กับผู้คลอด
-ในรายระยะของการคลอดล่าช้า (Prolonged stage of labor)
-ระหว่าง หรือภายหลังการซ่อมแซมแผลฝีเย็บโดยตรวจทางทวารหนัก
-ผู้คลอดรู้สึกอยากเบ่งหรือเริ่มเบ่ง เพื่อทราบว่าปากมดลูกเปิดหมดหรือยัง จะเบ่งได้หรือยัง
ข้อหามในการตรวจภายใน
-ผู้คลอดที่มีประวัติเลือดออกระหว่างการตั้งครรภ์ หรือกำลังมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือรกเกาะต่ำทุกราย
-ส่วนนำทารกยังไม่เข้าสู่ช่องเชิงกราน (Head float) ร่วมกับอายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนดคลอด (ยกเว้นในรายที่แพทย์ให้ตรวจ)
-เมื่อมองเห็นศีรษะของทารกในครรภ์แล้ว
-ในระยะที่มีการอักเสบมากบริเวณทวารหนัก เช่น hemorrhoid,diarrhea(ควรตรวจเท่าที่จำเป็น)
-กรณีที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด (Premature rupture of membrane) ควรตรวจเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อลดการติดเชื้อ
การเตรียมผู้คลอดในการตรวจภายใน
-บอกให้ผู้คลอดทราบ และอธิบายให้ผู้คลอดเข้าใจเพื่อให้เกิดการยอมรับให้ความร่วมมือ
-ให้ผู้คลอดถ่ายปัสสาวะ
-จัดท่าผู้คลอดให้อยู่ในท่านอนหงายชันเข่าทั้งสองข้าง dorsal recumbentโดยให้นอนชิดริมเตียงมากที่สุด
-คลุมผ้าให้ผู้คลอดให้เรียบร้อย โดยเปีดเฉพาะบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก เพื่อไม่เปิดเผยผู้คลอดมากจนเกินไป
การรับใหม่ผู้คลอด
การซักประวัติ
ประวัติจากอาการนำที่ผู้คลอดมมาโรงพยาบาล ได้แก่ การเจ็บครรภ์ ( Labor pain ) มีมูก ( Show ) มีน้ำเดินหรือถุงน้ำแตก ( Rupture of membranes )
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต ได้แก่ ประวัติการแท้งการขูดมดลูก ประวัติภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ ประวัติการคลอด ประวัติของทารก ประวัติความผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆในระยะคลอดและหลังคลอด
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน ได้แก่ ลำดับของการตั้งครรภ์ อายุครรภ์ ภาวะแทรกซ้อนหรืออาการผิดปกติขณะตั้งครรภ์
ประวัติความเจ็บป่วยทางอายุรกรรม และศัลยกรรม ทั้งปัจจุบัน และอดีต เช่น มีประวัติป่วยด้วยโคอะไร เป็นเมื่อไร ได้รับการรักษาหรือไม่ อย่างไร
ประวัติการแพ้ยาและสารอาหารต่างๆ การผ่าตัด ซึ่งมีผลต่อการคลอดในครั้งนี้ เช่น การแพ้ยากลุ่ม Penicillin ที่จะได้รับการคลอดทางช่องคลอด
ประวัติการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัว เช่น โรคหรือความผิดปกติที่ภ่ายทอดทางพันธุกรรม โรคการติดเชื้อต่างๆ
ข้อมูลทั้วไป เช่น ชื่อ-นางสกุล อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา สถานภาพสมรส ศาสนา สิทธิการรักษา ถิ่นที่อยู่อาศัย
ประวัติด้านจิตสังคม เช่น ประสบการณ์ตั้งครรภ์และการคลอด การวางแผนการตั้งครรภ์และการคลอด ความกลัวและความวิตกกังวลเกี่ยวกับทารกและการคลอด ความหวังต่อการคลอด
การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายทั่วไป
ลักษณะรูปร่าง ส่วนสูงน้อยกว่า 145 cm อาจมีปัญหาเชิงกรานแคบ ท่าเดินผิดปกติ เสี่ยงต่อการคลอดผิดปกติได้
ลักษณะทั่วไป ประเมินสภาพของผู้คลอด เช่น ซีดจากภาวะโลหิตจาง บวมจากความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์ เป็นต้น
สัญญาณชีพ - ความดันปกติอยู่ที่ระดับ 110-120/70-80 mmHg. ถ้าสูงกว่าหรือเท่ากับ 140/90 mmHg.จะเป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ่-อุณหภูมิ ถ้าสูงอาจมีการติดเชื้อในร่างกานหรือขาดน้ำ สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ควรรายงานแพทย์ -อัตราชีพจร ถ้ามากว่า 90 ครัั้ง/นาที เบา เร็ว แสดงว่ามารดาอาจมีการติดเชื้อ ขาดน้ำ อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า -การหายใจ มีอาการหอบหรือไม่ ปกติควรอยู่ระหว่าง 16-20 ครั้ง/นาที
น้ำหนัก ถ้าอ้วนมากอาจทำให้คลอดยาก ทั้งยังมีผลต่อท่าคลอดอีกด้วย
พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความเจ็บปวด ได้แก่ การหาใจเร็ว การเกร็งกล้ามเนื้อ เหงื่อออกมาก กระสับกระส่าย บิดตัวไปมา ร้องครวญคราง ทุบตีตนเอง เป็นต้น
อาการบวม ประเมินดูว่าส่วนใดของร่างกายมีการบวมบ้าง โดยเฉพาะขา แขน หรือใบหน้า ถ้ามีอาการบวมเป็นอาการแสดงของโรคไต หัวใจ และภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ผลการตรวจพิเศษอื่นๆ ดูผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผู้คลอดได้รับการตรวจระหว่างการตั้งครรภ์ ว่าผิดปกติหรือไม่
การตรวจเฉพาะที่
เพื่อประเมินลักษณะและสภาวะของทารกในครรภ์ ได้แก่ ขนาดของทารก ท่าทารก สวนนำทารก และการคาดคะแนน้ำหนักทารกในครรภ์
การดู
ดูหน้าท้องว่าใหญ่ผิดปกติหรือไม่ ถ้าใหญ่อาจมีน้ำคร่มากหรือเด็กตัวใหญ่หรือครรภ์แฝด
ลักษณะทั่วไปของหน้าท้อง มีหน้าท้องหย่อนหรือไม่ หรือกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกออกจากกัน
ลักษณะของมดลูกตามขวางหรือตามยาว
สีผิวหน้าท้อง
การคลำ
ประเมินความสัมพันธ์ของระดับยอดมดลูกกับอายุครรภ์
ส่วนนำทารก ระดับของส่วนนำ ท่าและทรงของทารก การเข้าสู่เชิงกรานของส่วนนำทารก
การคาดคะเนน้ำหนักของทารก (EFW= HF*AC)
ความสูงของยอดมดลูก ครรภ์ครบกำหนดคลอดควรอยู่ระหว่าง 33-37 cm.
การฟัง
ฟังได้ยินเสียงหัวใจชัดเจนทางด้านหลังทารก คือ บริเวณสะบักซ้าย ตำแน่งที่ฟังได้ชัดเจนจะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ และท่าของทารก
ระยะที่ 2 ของการคลอด ควรฟังเสียงหัวใจทารกทุก 5-10 นาที อัตราการเต้นของหัวใจมารกประมาณ 120-160 ครั้ง/นาที
ทารกที่ครบกำหนด มีศีรษะเป็นส่วนนำ เสียงหัวใจจะได้ยินต่ำกว่าระดับสะดือ ถ้ามีก้นเป็นส่วนนำ เสียงหัวใจจะได้ยินระดับสะดือ
จะฟังเสียงหัวใจทารกได้เมื่อครรภ์ 20สัปดาห์ขึ้นไป
การเตรียมผู้คลอด
ด้านร่างกาย
การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุภายนอก และฝีเย็บ
การสนอุจจาระ
การทำความสะอาดร่างกาย
จัดพักผ่อนในห้องรอคลอดและดูแลอย่างใกล้ชิด
การบันทึกผล : รายงานการให้การพยาบาลเพื่อรวบรวมปัญหา และการพยาบาลที่ผู้คลอดได้รับ และผลการประเมิน โดยต้องบันทึกทุกระยะที่ให้การพยาบาล รวมถึงการเซ็นต์ยอนยอมในการักษา
ด้านจิตใจ
บอกขั้นตอนการช่วยเหลือการคลอดให้ผู้คลอดเข้าใจ รวมทั้งการให้กำลังใจและการดูแลผู้คลอดอย่างใกล้ชิดและบอกแนวทางในการปฏิบัติตัวแก่ผู้คลอด เพื่อลดความตื่นเต้นและความวิตตกกังวล
การประเมินความก้าวหน้า
การหดรัดตัวของมดลูก
1.การประเมินโดยใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ คือ การใช้เครื่อ EFM ประเมินได้ทั้งการหดรัดตัวของมดลูกและประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
2.การประเมินโดยการวางฝ่ามือบนยอดมดลูก
ระยะเวลาการหดรัดตัวของมดลูก (duration)
ระยะห่างของการหดรัดตัวแต่ละครั้งของมดลูก (interval)
ความถี่ของการหดรัดตัวของมดลูก (frequeancy)
ความแรงของการหดรัดตัว (intensity)
การสั้นบางและเปิดขยายของปากมดลูก
เมื่อมดลูกมีการหดรัดตัวได้ดีจะทำให้ปากมดลูกบางและเปิดขยายมากขึ้นตามลำดับ
จนปากมดลูกเปิดหมด คือ 10 cm และบางหมด 100%
การเคลื่อนต่ำของส่วนนำ
ทารกจะเคลื่อนต่ำลงและมีการหมุนของศีรษะภายในตามกลไกการคลอดปกติดี (จากการตรวจภายใน)
ตำแหน่งของเสียงหัวใจทารกจะเคลื่อนต่ำลง และเบนเข้าหาแนวกึ่งกลางลำตัวของผู้คลอด
การตรวจทางช่องท้อง
ระยะ latent ควรตรวจทุก 4 ชั่วโมง
ระยะ active ควรตรวจทุก 2 ชั่วโมง
ตรวจเมื่อมีความก้าวหน้าของการคลอด
ผู้คลอดเจ็บครรภ์ถี่มาก ถุงน้ำคร่ำแตก
ผู้คลอดแสดงพฤติกรรมว่าใกล้คลอด เช่น อยากเบ่ง เป็นต้น
หลักการประเมินภาวะแทรกซ้อน
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์
สายสะดือย้อย
การคลอดยาวนาน การคลอดยาก
ความผิดปกติในการหดรัดตัวของมดลูก เช่น มดลูกหครัดตัวถี่เกินไป
ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภาวะความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
หลักการประเมินสภาวะของทารกในครรภ์
การเต้นของหัวใจทารก
ลักษณะน้ำคร่ำ
การดิ้นของทารกในครรภ์
การวิเคราะห์เลือดของทารกในครรภ์ (fetal blood analysis)
การบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจทารกโดยใช้เครื่องอิเล็คโทรนิก
(continuous electronic fetal heart rate monitoring)
กิจกรรมพยาบาล
การประคับประคองทางด้านจิตใจ
สามี / ญาติ ดูแล
พยาบาลอยู่เป็นเพื่อน เพข้าใจถึงความต้องการของผู้คลอด มนุษ์สัมพันธ์ที่ดี
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคลอด ผล PV การบรรเทาอาการเจ็บครรภ์
การลดสิ่งกระตุ้น / จัดสิ่งแวดล้อม
ดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคล
เช็ดหน้า
ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
ลดเสียงรบกวน
การเบี่ยงเบนความสนใจ
เพ่งจุดที่สนใจ เช่นสิ่งของ เสียง การสัมผัส
ฟังดนตรี (music therapy) เช่นการฟังเพลงไทยเย็นๆ กล่อมครรภ์ ช่วยให้คลอดบุตรไม่เจ็บท้องมาก
การชวนคุย (Support)
ระยะปากมดลูกเปิด
ระยะปากมดลูกเปิด 1 -4 ชม. แนะนำให้เดิน พูดคุย หรืออ่านหนังสือ
ระยะปากมดลูกเปิด 4-8 ชม. แนะนำให้จิตใจจดจ่อ นับลมหายใจ
ระยะปากมดลูกเปิด 8- 10 ชม. แนะนำให้หายใจลึกๆ
การถู /นวด /ลูบ
ประเมินความต้องการของผู้ป่วยก่อน
กระตุ้นใยประสาทขนาดใหญ่
ถูนวดบริเวณกระเบนเหน็บ
ลูบที่บริเวณหน้าท้อง (Effleurage)
นางสาวศิรินทิพย์ อินตา เลขที่ 79 ปีที่ 2 รุ่นที่ 30