Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hypovolemic shock จาก UGH - Coggle Diagram
Hypovolemic shock จาก UGH
พยาธิสภาพ
เมื่อปริมาตรเลือดในระบบไหลเวียนลดลง จะทำให้Venous returnกลับสู่หัวใจลดลง Stroke volumeลดลง ส่งผลให้ cardiac out put ลดลง การไหลเวียนเลือดไม่พอ perfusionลดลง จึงทำให้เนื้อเยื่อขาดออกซิเจน
ร่างกายจึงกระตุ้นให้รับรู้ว่าต้องการ perfusion มากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ร่างกายจะตอบสนองโดยเพิ่ม sympathetic tone ทําให้ CO เพิ่มขึ้น และมี vasoconstriction เพื่อเพิ่ม perfusion pressure และเป็นกลไก redistribute เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสําคัญ คือ หัวใจและสมอง
สาเหตุ
จากทฤษฎี
Internal loss
คือ การมีเลือดออกภายในอวัยวะต่างๆหรือมีการรั่วของสารน้ำจากหลอดเลือดเข้าไปในช่องว่างระหว่างเซลล์ได้แก่ เลือดตกใน ตั้งครรภ์นอกมดลูก กระดุกหัก สูญเสียน้ำในผู้ป่วยลำไส้อุดตัน หรือทองมานน้ำ
External loss
ได้แก่ การเสียเลือดจากอุบัติเหตุการผ่าตัด การสูญเสีบ plasma ในผู้ป่วยแผลไฟไหม้ หรือ น้ำร้อนลวก หรือภาวะขาดน้ำจากการได้รับสารน้ำไม่เพียงพอ หรือการสูญเสียน้ำทางปัสสาวะ ท้องเสีย หรือ อาเจียนอย่างรุนแรง
จากผู้ป่วย
อาเจียนเป็นเลือดสดๆ ประมาณ 1 กระโถน ผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารเป็นๆหายๆ ประมาณ 5 ปี ซื้อยารับประทานเอง ผู้ป่วยดื่มสุราทุกวันตอนเย็น วันละ 1 ขวดกลม
อาการ
จากทฤษฎี
ระดับ 2
ปริมาณการเสียเลือด ร้อยละ 15-30 750-1500 มิลลิลิตร : ผู้ป่วยเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย ระดับความดันโลหิตเริ่มลดลง pulse pressure แคบ หัวใจเต้นเร็ว 100-120 ครั้ง/นาที การหายใจ 20 – 30 ครั้ง/นาที CRPมากกว่า 2 วินาที มีปัสสาวะออกน้อย 20-30 cc/hr มือเท้าแขนขาซีดและเย็น
ระดับ 3
ปริมาณการเสียเลือด ร้อยละ 30-40 1500-2000 มิลลิลิตร : ผู้ป่วยมีอาการกระสับกระส่าย สับสน ระดับความดันโลหิตต่ำ pulse pressure แคบ หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 120 ครั้ง/นาที การหายใจ 30-40 ครั้ง/นาที CRPมากกว่า 2 วินาที มีปัสสาวะออกน้อย 5-25 cc/hr มือเท้าแขนขาซีดและเย็น
ระดับ 1
ปริมาณการเสียเลือด ร้อยละ 15 750มิลลิลิตร : อาจไม่มีอาการแสดงผิดปกติ
ระดับ 4
ปริมาณการเสียเลือดมากกว่า ร้อยละ 40 มากกว่า 2000 มิลลิลิตร : ผู้ป่วยซึม ระดับความดันโลหิตต่ำมาก pulse pressure แคบ หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 140 ครั้ง/นาที การหายใจมากกว่า 35 ครั้ง/นาที CRPมากกว่า 2 วินาที มีปัสสาวะออกน้อย น้อยกว่า 5 cc/hr หรือไม่มีปัสสาวะเลย มือเท้าแขนขาซีดและเย็น
จากผู้ป่วย
อ่อนเพลีย ปวดท้องใต้ลิ้นปี่ คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเลือดสดๆ ประมาณ 1 กระโถน ผู้ป่วยรู้สึกตัว ถามตอบพอรู้เรื่อง จากประวัติ สัญญาณชีพ PR= 110 bpm, RR= 24 bpm, BP= 90/58 mmHg., SaO2= 94% CRT= 3 วินาที
การตรวจร่างกาย
จากทฤษฎี
การวัดสัญญาณชีพ
การตรวจร่างกายทุกระบบ
ผิวหนัง
จุดจ้ำเลือด Spider nevi ตัวเหลืองตาเหลือง pale conjunctiva หรือ icteric sclera
ระบบทางเดินหายใจ
พบ อัตราการหายใจเพิ่ม
ระบบหัวใจและหลอดลือด
พบ อ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศรีษะ ความดันหิตต่ำ pulse pressureแคบ ปัสสาวะออกน้อยกว่า 25-30cc/hr
จากผู้ป่วย
สัญญาณชีพ T= 36.5 องศาเซลเซียส, PR= 110 bpm, RR= 24 bpm, BP= 90/58 mmHg., SaO2= 94%
(On O2) CRT= 3 วินาที
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีภาวะ hypovolemic shock เนื่องจากมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนบน
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับเลือดเนื่องจากภาวะซีด
มีการนำออกซิเจนไปสู่เนื้อเยื่อบกพร่องเนื่องจากภาวะ hypovolemic shock
มีภาวะขาดปริมาณสารน้ำ
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเนื่องจากพยาธิสภาพของภาวะ hypovolemic shock
ผู้ป่วยมีพฤติกรรมในการดูแลตนเองไม่เหมาะสมเนื่องจากขาดความรู้และความตระหนักในการดูแลตนเอง
การรักษา
จากทฤษฎี
การรักษาฉุกเฉิน
NPO
ใส่ NG tube สวนล้างกระเพราะอาหาร
เจาะเลือดเพื่อทำ grouping และ matching
ให้ 0.9% NSS หรือ Ringer’s solution
ตรวจหา Hct เป็นระยะ
ให้ PRC
ดูแลการให้ออกซิเจน
Specific treatment
Balloon tamponade
การใช้ยาลดกรด
การใช้ H2 receptor antagonist
ลดการกลั่งกรดทำให้หยุดเลือดได้
การใช้ Vasopressin
การใช้ Somatostatin
เป็นHormoneจากhypothalamus ซึ่งช่วยลดการหลั่งกรด
Endoscopic esophageal variceal sclerotherapy
การผ่าตัด
simple closure with omental graft
suture ligation of mucosal lesions
vagotomy and drainage + drainage procedure
portal systemic shunt
Trans jugular Intrahepatic Portosystemic shunt (TIPS)
จากผู้ป่วย
การตรวจพิเศษ
จากทฤษฎี
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC and differential พบ Hb Hct. ต่ำลง และ Plt สูงขึ้น
Blood for electrolyte Arterial blood gas และ BUN, creatinine เสียเลือดมากๆ พบ Metabolic acidosis อาเจียนมากๆ พบ hypokalemia และ Metabolic Alkalosis
Liver function test
EGD
Barium swallowing
จากผู้ป่วย
จากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC
Hemoglobin 10.4gm%
Hematocrit 21.6 %
Platelet 90,000 cell/mm3
WBC 12,700 cell/mm
PT 26 seconds
PTT 35 seconds
INR 2.1 seconds
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
Omeprazole 80 mg. IV stat then 40 mg. ทุก 12 ชั่วโมง
ยากลุ่ม Proton-pump inhibitor – PPI
กลไกลการออกฤทธิ์
ยับยั้งการทํางานของ H+/K+ ATPase ซึงทําหน้าทีเกี่ยวกบการหลั่งกรดเกลือในกระเพาะอาหาร โดยทําหน้าที่นํา H+ ออกจากเซลล์ pariental cell ออกสู่โพรงกระเพาะอาหารโดยแลกเปลี่ยนกับ K+ เอนไซม์ H+/K+ ATPase เป็นขั้นตอนการทํางานสุดท้ายของการหลั่งกรด โดยยาในกลุ่ม PPI เป็น prodrug จะออกฤทธิ์ในสภาวะที่เป็นกรด โดยจะเปลี่ยนเป็น sulphenamind ซึงเป็นสารที่จับกับ sulfhydryl (SH) group ของ H+/K+ ATPase จึงยับยั้งเอนไซม์นี้อยางถาวร
อาการข้างเคียง
ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน เอนไซม์ของตับเพิ่มขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆที่พบได้บ้าง เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ ง่วงนอน ผื่นแพ้ยา ภาวะซีดจากเม็ดเลือดแดงแตก เต้านมโต พบโซเดียมออกมาในปัสสาวะมากกว่าปกติ
เหตุผลการใช้ยา
เนื่องจากผู้ป่วยมีเลือดออกในกระเพราะอาหารจึงให้ยาเพื่อหยุดการหลั่งกรดในกระเพราะอาการและหยุดเลือด
Lasix 20 mg. IV. ก่อนให้เลือด
กลุ่มยา Diuretics
กลไกลการออกฤทธิ์
ยับยั้งการดูดซึมกลับของโซเดียมคลอไรด์ทำให้น้ำโซเดียมคลอไรด์ถูกขับออกมาในปัสสาวะเพิ่มขึ้น
อาการข้างเคียง
ความดันเลือดต่ำ หลอดเลือดหัวใจอักเสบทำให้ตาย หัวใจหยดุ หัวใจเต้นช้า
เวียนศีรษะรุนแรงคล้ายจะหมดสติ ปวดท้องรุนแรง ตับอักเสบ เลือดจาง ภาวะพร่องเม็ดเลือดทุกชนิด เม็ดเลือดขาวต่ำ การเห็นภาพเป็นสีเหลือง ตาพร่า
Transmine 500 mg. IV stat then ทุก 6 ชั่วโมง+ Vit.K 10 mg. IV x 3 days
tranexamic acid ออกฤทธิ์ยับยั้งการสลายตัวของไฟบริน โดยยาจะเข้าจับที่ fibrin biding site บน plasminogen แบบผันกลับได้ ทำให้โครงสร้างของไฟบรินคงตัว
vitamin K เป็น cofactor ที่จำเป็นในการสร้าง coagulation factor
อาการข้างเคียง
ปวดศีรษะ คัดจมูก ปวดท้อง รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ
กลุ่มยา ยาช่วยให้เลือดแข็งตัว
เหตุผลการใช้ยา
เนื่องจากผู้ป่วยมีเลือดออกในกระเพราอาหารการใช้ยาสองตัวร่วมกันจึงเป็นการช่วยเสริมฤทธิ์ในการต้านภาวะเลือดไหลไม่หยุดได้