Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม - Coggle Diagram
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม
ที่มา
ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม เป็นทฤษฎีที่รู้จักกันแพร่หลายในวิชาชีพการพยาบาล มีการนา แนวคิดนี้ไปใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติการพยาบาล การวิจัยการพยาบาล และการพัฒนาหลักสูตรใน สถาบันการศึกษาทฤษฎีนี้ถูกพัฒนาโดย Dorothea E. Orem ตั้งแต่ปี ค.ศ.195
วัตถุประสงค์
เพื่อบรรยาย อธิบาย ทำนาย หรือ กำหนดวิธีการพยาบาล เป็นทฤษฎีทางการพยาบาลท่ีรู้จักแพร่หลายในวิชาชีพพยาบาล และมีการนำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติการพยาบาล เป็นพื้นฐานของการสร้างหลักสูตรในโรงพยาบาลบางแห่ง และเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยทางการพยาบาล
พื้นฐานความเชื่อ
บุคคล เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
บุคคลเป็นผู้ที่มีความสามารถและเต็มใจที่จะดูแลตนเองหรือผู้ที่อยู่ในความปกครองของตนเอง
การดูแลตนเองเป็นสิ่งสำคัญ
การดูแลตนเองเป็นกิจกรรมท่ีเรียนรู้และจดจำไว้ได้จากสังคม
การศึกษาและวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อบุคคล
การดูแลตนเองหรือการดูแลผู้ที่อยู่ในความปกครองหรือผู้อื่นเป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การยกย่องส่งเสริม
ผู้ป่วย คนชรา คนพิการ และทารก ต้องได้รับการช่วยเหลือดูแลจากบุคคลอื่น เพื่อให้สามารถที่จะกลับมารับผิดชอบดูแลตนเองได้
การพยาบาลเป็นการบริการเพื่อนมนุษย์
กระบวนทัศน์และมโนทัศน์หลักของทฤษฎี
มโนทัศน์เกี่ยวกับการดูแลตนเอง
การดูแลตนเอง (Self - care: SC): หมายถึง การปฏิบัติกิจกรรมที่บุคคลริเริ่มและกระทำด้วยตนเองเพื่อดำรงไวซึ่งชีวิตสุขภาพและความผาสุก เมื่อการ
กระทำนั้นมีประสิทธิภาพจะมีส่วนช่วยให้โครงสร้าง หน้าที่และพัฒนาการดำเนินไปถึงขีดสูงสุดของแต่ละบุคคลเพื่อตอบสนองความต้องการในการดูแลตนเอง (Self - care requisites)
ระยะที่ 1 เป็นระยะของการประเมินและตัดสินใจ จะต้องหาความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและสะท้อนความคิด แล้วจึงตัดสินใจที่จะกระทำ
ระยะที่ 2 ระยะของการกระทาและประเมินผลการกระทา ซึ่งในระยะนี้จะมีการแสวงหา เป้าหมายของการกระทา ซึ่งเป้าหมายมีความสาคัญเพราะจะช่วยกาหนดทางเลือกกิจกรรมที่ต้องกระทาและ เป็นเกณฑ์ที่จะใช้ในการติดตามผลของการปฏิบัติกิจกรรม
มโนทัศน์เก่ียวกับความสามารถในการดูแลตนเอง
ความสามารถในการดูแลตนเอง (Self-care agency: SCA) หมายถึง คุณสมบัติที่ซับซ้อน หรือพลังความสามารถของบุคคลที่เอื้อต่อการกระทำกิจกรรมการดูแลตนเองอย่างจงใจ แต่ถ้าเป็นความสามารถในการดูแลบุคคลอื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบ เรียกว่า Dependent care Agency
ความสามารถและคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน (Foundational capabilities and Disposition) เป็นความสามารถของมนุษย์ขั้นพื้นฐานที่จาเป็นในการรับรู้และเกิดการกระทา
พลังความสามารถ10ประการ (Ten power component)เป็นคุณลักษณะที่จำเป็นและเฉพาะเจาะจง สำหรับการกระทำอย่างจงใจเป็นตัวกลางเชื่อมการรับรู้และการกระทำ
เช่น ความสนใจและเอาใจใส่ ความสามารถที่จะใช้เหตุผล มีแรงจูงใจที่จะกระทาในการดูแลตนเอง มีทักษะในการตัดสินใจ การเสาะแสวงหาความรู้ การจัดระบบการดูแลตนเอง
ความสามารถในการปฏิบัติเพื่อดูแลตนเอง (Capabilities for self – care operations)
เช่น ความสามารถในการลงมือปฏิบัติ
ความสามารถในการคาดคะเน
ความสามารถในการปรับเปลี่ยน
มโนทัศน์เกี่ยวกับความต้องการการดูแลตนเองท้ังหมด
ความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด (Therapeutic Self- care Demand: TSCD) หมายถึง การปฏิบัติกิจกรรม (Action demand) การดูแลตนเองทั้งหมดที่จำเป็นต้องกระทำในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อที่จะตอบสนองต่อความจำเป็นในการดูแลตนเอง
(Self - care Requisites) ความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด (Therapeutic Self - care Demand) เป็นเป้าหมายสูงสุด (Ultimate goal) ของการดูแล ตนเองที่จะถึงซึ่งภาวะสุขภาพ หรือความผาสุก
มโนทัศน์เก่ียวกับปัจจัยเงื่อนไขพื้นฐาน
ปัจจัยพื้นฐาน (Basic Conditioning Factors: BCFs) เป็นคุณลักษณะบางประการหรือปัจจัยทั้งภายในและภายนอกของบุคคลที่มีอิทธิพลต่อ
ความสามารถในการดูแลตนเอง และความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด ปัจจัยพื้นฐานนี้ยังเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในบทบาทของพยาบาล
ได้แก่ 11 ปัจจัย
1.อายุ
2.เพศ
3.ระยะพัฒนา
4.ภาวะสุขภาพ
5.ระบบบริการสุขภาพ
6.สังคมขนบธรรมเนียมประเพณี
7.ระบบครอบครัว
8.แบบแผนการดำเนินชีวิต
9.สิ่งแวดล้อม สภาพที่อยู่อาศัย
10.แหล่งประโยชน์ต่างๆ
11.ประสบการณ์ที่สำคัญในชีวิต
มโนทัศน์ความพร่องในการดูแลตนเอง
มโนทัศน์ความพร่องในการดูแลตนเอง เป็นแนวคิดหลักในทฤษฎีของโอเร็ม เพราะจะแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการดูแลตนเองและความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
ความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นมีได้
ใน 3 แบบ ดังนี้
ความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นมีได้
ใน 3 แบบ
ความต้องการที่สมดุล (Demand is equal to abilities: TSCD = SCA)
ความต้องการน้อยกว่าความสามารถ (Demand is less than abilities: TSCD <SCA)
ความต้องการมากกว่าความสามารถ (Demand is greater than abilities: TSCD >SCA)
ในความสัมพันธ์ของ 2 รูปแบบแรกนั้นบุคคลสามารถบรรลุเป้าหมายความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดได้ถือว่า ไม่มีภาวะพร่อง (No deficit) ส่วนในความสัมพันธ์ที่ 3 เป็นความไม่สมดุลของความสามารถที่มีไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความ
ต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดจึงมีผลทาให้เกิดความบกพร่องในการดูแลตนเอง
มโนทัศน์เก่ียวกับความสามารถของพยาบาล
ขึ้นอยู่กับความสามารถทางการพยาบาล (Nursing Agency:NA เป็นความสามารถของพยาบาลที่ได้จากการศึกษา และฝึกปฏิบัติในศาสตร์และศิลปะทางการพยาบาล
ปัจจัยที่มีผลต่อความสามารถทางการพยาบาล คือ
ความรู้
ประสบการณ์
ความสามารถในการลงมือปฏิบัติ
ทักษะทางสังคม
แรงจูงใจในการให้การพยาบาล
อัตมโนทัศน์ของตนเกี่ยวกับการ
ทฤษฎีท่ีเป็นองค์ประกอบของทางการพยาบาลของโอเร็ม
ทฤษฎีการดูแลตัวเอง (Self – care Theory)
อธิบายการดูแลตนเองของบุคคล และการดูแลบุคคลพึ่งพิง โดยการควบคุมปัจจัยที่มีผลต่อหน้าที่ หรือพัฒนาการของบุคคลเพื่อคงไว้ซึ่ง ชีวิต สุขภาพและความผาสุก การกระทำดังกล่าวรวมไปถึงการกระทำเพื่อบุคคลที่ต้องพึ่งพา
ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตนเอง (theory of self–care deficit)
เมื่อความต้องการการดูแลตนเอง มากกว่าความสามารถที่ตอบสนองได้ บุคคลน้ันจะมีความบกพร่องในการดูแลตนเอง และต้องการพยาบาลช่วยเหลือในการดูแล
ทฤษฎีระบบการพยาบาล (theory of nursing system)
เป็นกรอบแนวคิดเกี่ยวกับการกระทำของพยาบาลเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีความพร่องในการดูแลตนเองให้ได้รับการตอบสนองความต้องการการดูแลตนเองท้ังหมด
ขั้นตอนการใช้ทฤษฎีโอเรม
ขั้นตอนที่ 1 ขั้นวินิจฉัยและพรรณนา ( Diagnosis and Prescription )
ระบุถึงความพร่อง
รวบรวมข้อมูล
ความต้องการในการดูแลตนเองทั้ง 3 ด้าน
ปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถกับความต้องการการดูแลตนเองเพื่อบ่งชี้ถึงภาวะพร่องในการดูแลตนเอง และเขียนข้อวินิจฉัย
ขั้นตอนที่ 2 ขั้นวางแผน (Design and Plan)
เมื่อทราบถึงความพร่อง
การเลือกระบบการพยาบาล
วางแผนโดยมีการกาหนดเป้าหมาย
กําหนดกิจกรรมการพยาบาล
ขั้นตอนที่3ขั้นปฏิบัติการพยาบาลและควบคุม (RegulateandControl)
พยาบาลนำกิจกรรมไปลงมือปฏิบัติตามแผนการพยาบาล
จุดมุ่งหมาย
การบรรลุความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด (TSCD)
การประเมินผลลัพธ์ทางการพยาบาล
นำข้อมูลย้อนกลับเข้าสู่การประเมินสภาวะอีกครั้ง