Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ - Coggle Diagram
การพยาบาลเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ
การติดเชื้อ Infection
การรับเชื้อจากสิ่งแวดล้อม
โรคติดเชื้อ Infection disease
ไข้หวัด
โควิด
โรคติดต่อ Communicable disease
สามารถแพร่ไปได้
กลไกการป้องกันการติดเชื้อ
ปาก : การกินเข้าไป
ผิวหนัง : การสัมผัส
ระบบทางเดินหายใจ : การสูดดมเข้าไป
ระบบทางเดินปัสสาวะ : การทำความสะอาด หรือ การติดเชื้อ
ระบบทางเดินอาหาร : จุดต่อจากปากที่เกิดจากการสะสม
สิ่งนำเชื้อ : เชื้อโรคแพร่กระจายได้จะต้องจำเป็นมีพาหนะในการนำเชื้อ
อากาศ
อาหารและน้ำ
สัมผัสโดยตรงกับคน
วัตถุต่างๆ
แมลงและสัตว์
บุคคลที่มีเชื้อโรค
วิธีการแพร่กระจายเชื้อ
Vectorborne transmission : แพร่กระจายเชื้อโดยแมลง หรือสัตว์นำโรค
Air bone transmission : การสูดหายใจเอาเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
Common Vehicle transmission : แพร่กระจายเชื้อ จากการที่มีเชื้อจุลชีพ ปนเปื้อนอยู่นเลือด ผลิตภัณฑ์ของเลือด อาหาร น้ำ ยา สารที่ห้น้ำแก่ผู้ป่วย
Contact transmission
Direct contact : จากคนสู่คน
Indirect contact : สัมผัสสิ่งของหรืออุปกรณ์ที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่เป็นการที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านตัวกลาง
Droplet spread : สัมผัสกับฝอย ละออง น้ำมูก น้ำลาย
Contact Precautions
แยกผู้ป่วยไว้ในห้องแยกและปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรือออกจากห้องผู้ป่วย
สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อสัมผัสผู้ป่วยทั้งบุคลากรและญาติ
ล้สงมือแบบ hygienic handwashing หลังถอดถุงมือและก่อนออกจากห้องแยก
Droplet Precautions
สวมถุงมือชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง ทุกครั้งที่สัมผัสผู้ป่วย
ล้างมือแบบ hygienic handwashing หลังถอดถุงมือและก่อนออกจากห้องแยก
ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วยต้องใส่ ผ้าปิดปาก-จมูก ชนิด N95
ให้ผู้ป่วยใช้ผ้าหรือกระดาษปิดปาก-จมูกเวลาไอ จาม และใส่ผ้าปิดปาก-จมูก ชนิดธรรมดาตลอดเวลา ยกเว้นเวลารับประทานอาหารและแปรงฟัน
แยกผู้ป่วยไว้ในห้องแยกและปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรือออกจากห้องผู้ป่วย
ถ้าต้อองมีความจำเป็นในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกนอก ห้องให้ผู้ป่วยใสผ้าปิดปาก-จมูก ชนิดธรรมดา
โรคติดเชื้อโรงพยาบาล Nosocomial infection
การติดเชื้อ เกิดจากการได้รับเชื้อขณะที่ผู้ป่วยได้รับการตรวจ หรือการได้รับการพยาบาล การติดเชื้อของบุคลากรจากการปฏิบัติงาน (มักเกิดขึ้นภายใน 48-72 ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน)
ภาวะปลอดเชื้อและเทคนิคปลอดเชื้อ
Asepsis : การปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่จะเกิด เครื่องมือ เครื่องช้ สิ่งแวดล้อม การวางกลยุทธ์ การควบคุม การติดเชื้อ ลดแหล่งของเชื้อโรคและการแพร่กระจายเชื้อ
เทคนิคปลอดเชื้อ Asepic technique
การกีดกั้นเชื้อชนิดไม่เคร่งครัด Medical asepsis
เทคนิคการทำให้สะอาด Clean technique
การแยกผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อด้วยวิธีการแยกเฉพาะ Isolation technique
การกีดกั้นเชื้อชนิดเคร่งครัด Surgical asepsis
เทคนิคการทำให้สะอาด (การใส่ถุงมือ (gloves) เสื้อคลุม (gown) ที่นึ่งแล้ว)
การใช้ปากคีบที่ทำให้ไร้เชื้อหยิบเครื่องมือเครื่องใช้ที่สะอาดปราศจากเชื้อ
เทคนิคปราศจากเชื้อ Sterile technique
เครื่องมือเครื่องช้ปราศจากเชื้อ Sterile
ความหมายของคำศัพท์
Sterilization : ขบวนการทำลายเชื้อโรคทุกชนิด รวมทั้งพวกที่มีสปอร์ให้หมดสิ้นไป
Sterile : สิ่งของหรือเครื่องมือที่ปราศจากเชื้อโรค รวมทั้งชนิดที่มีสปอร์
Contamination : การสัมผัส ปนเปื้อนเชื้อโรค
Disinfection : การทำลายเชื้อโรคแต่ไม่สามารถทำลายชนิดที่มีสปอร์ได้
Disinfectant : ยา สารเคมี ใช้ทำลายจุลินทรย์ ไม่สามารถทำลายชนิดที่มีสปอร์
Antiseptics : สารเคมีที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
Critical items : เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่สัมผัสกับเยื่อบุ ก่อนช้ต้องทำให้ปราศจากเชื้อ
Semi-Critical or Intermediate items : เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่สัมผัสเยื่อบุ ก่อนใช้ต้องสะอาดไมม่มีเชื้อโรค ยกเว้นสปอร์ของแบคทีเรีย
Non-Critical items : เครื่องมือ สัมผัสกับผิวหนังภายนอก ไม่ได้สัมผัสกับเยื่อบุต่างๆ ของร่างกาย ก่อนใช้ ต้องล้างให้สะอาด
การทำความสะอาดเครื่องมือ เครื่องใช้
การล้าง Cleansing
เป้นขั้นแรกที่สำคัญที่สุด นการทำลายเชื้อนขั้นต่อไป การล้างที่ถูกต้องสามารถขจัดจุลชีพออกจากวัสดุเกือบทั้งหมด และเพียงพอสำหรับการทำลายเชื้อสำหรับเครื่องใช้โดยทั่วไป
วัตถุประสงค์
1.เพื่อลดจำนวนเชื้อโรคบนเครื่องมือให้เหลือปริมาณน้อยที่สุด
2.เพื่อเป็นการลดสิ่งปนเปื้อนที่ติดอยู่บนผิวหนังของเครื่องมือ
3.ความสกปรกที่ติดแน่นบางอย่าง ไม่สามารถจะหลุดได้
4.ช่วยลดอันตรายในการหยิบจับอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่เป็นเบื้องต้น
ข้อควรคำนึงในการล้าง
กำจัดเลือด หนอง เมือก สารคัดหลั่งและอื่น ๆ ออกก่อนทำความสะอาด
ไม่ทำให้อุปกรณ์ เครื่องช้ชำรุดเสียหายจากวิธีการทำความสะอาด
ไม่ทำให้อุปกรณ์ เครื่องใช้สกปรกมากกว่าเดิม เช่น การใช้น้ำสกปรกล้าง
สารจากสบู่มีฤทธิ์เป็นด่าง หากล้างออกไม่หมดจะช่วยเคลือบเชชื้อจุลชชีพไว้
ดังนั้นหลังจากทำความสะอาดแล้ว ไม่ควรมีสารตกค้างหลงเหลืออยู่
เครื่องใช้
อุปกรณ์ช่วยในการขัดถู มีขนาดและรูปร่างต่างๆ กัน ควรเป็นวัสดุที่มีความหยาาบ แต่ต้องไม่มีความคม จนเกิดรอยขีดข่วนขึ้นเมื่อขัดถู
สารซักฟอก หรือสบู่
อุปกรณ์สวนใส่เพื่อป้องกันความสกปรกกระเด็นถูกร่างกาย เช่น ถุงมือยาง เอี๊ยมพลาสติก ผ้าปิดปากจมูก แว่นตา (goggle) เป็นต้น
วิธีทำ
1.สวมใสอุปกรณ์ป้องกันความสกปรกตามความเหมาะสม ระมัดระวังไม่ให้เปื้อนบริเวณใกล้เคียง
สำรวจคราบบลาสเตอร์ หากมีไข้ให้เช็ดด้วยเบนซินแล้วตามด้วยแอลกอฮอล์
คราบเลือดหรือสารคัดหลั่งติดแน่น ควรเช็ดหรือล้างด้วยน้ำเกลือหรือน้ำร้อน หากยังไม่หลุดให้ล้างด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) อีกครั้ง
อุปกรณ์ที่มีข้อห้ามในการใช้น้ำล้าง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดบิดหมาด ๆ
ในบริเวณที่ไม่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ เช่น เป็นรูเล็กๆ หรือท่อ ให้ใช้ไม้ก้านยาวพันสำลีชุบน้ำยา ทำความสะอาดเช็ดในส่วนนั้น
2.ล้างคราบสิ่งสกปรก และคราบสารผงซักฟอกออกห้หมดโดยใช้น้ำก๊อกที่ไหลชะผ่าน
3.เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด หรือวางผึ่งลมก่อนเก็บเข้าที่ หรือแยกไปทำให้ปราศจากเชื้อ
4.ทำความสะอาดอุปกรณ์ขัดล้างให้สะอาด ทำให้แห้ง รวมทั้งถุงมือและอ่างน้ำ
การต้ม Boiling
วิธีการทำลายเชื้อที่ดี ง่าย ประหยัด และมีประสิธิภาพดี การต้มเดือดนาน 10 นาที แต่สำหรับเชื้อโรคที่อันตราย เช่น ไวรัส HIV องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ต้มน้ำเดือดนาน 20 นาที เพื่อให้มั่นใจ และเพื่อห้ประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ ควรจะต้มเดือดนาน 20 นาทีขึ้นไป ที่จุดเดือด 100 องศาเซลเซียส
การเตรียมอุปกรณ์ในการต้ม
หม้อต้มที่สะอาดมีฝาปิด เพื่อให้อุณหภูมิสม่ำเสมอขณะต้ม
ใส่น้ำสำหรับการต้มให้มีปริมาณมากพอ การใช้น้ำประปาจะทำให้เกิดตะกรันในหม้อต้ม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดคราบบนผิววัสดุที่ต้มหรือต้องใช้เวลาต้มนาน ความร้อนจึงจะผ่านตะกรันเข้าไปได้
การเตรียมสิ่งของที่จะต้ม
สิ่งของที่จะต้มควรได้รับการทำวามสะอาดดีแล้ว
แยกชนิดสิ่งของที่จะต้ม เครื่องมือกับเครื่องแก้วไม่ต้มด้วยกัน เพราะเครื่องแก้วอาจแตกได้
เครื่องใช้มีคมไม่ควรต้ม เพราะจะทำให้เสียความคม
ของที่ใช้กับอวัยวะสะอาด ไม่ควรต้มปนกับของที่ใช้กับอวัยวะสกปรก ถ้าเป็นไปได้อาจจะแยกหม้อต้ม
ของที่ต้มครบเวลาแล้ว ต้องเก็บไว้ในภาชนะที่ปราศจากเชื้อหรือสะอาดมีาปิดมิดชิด ถ้าไม่มีต้องต้มภาชนะและาปิดพร้อมของที่ต้มด้วย
หลักสำคัญในการต้ม
น้ำต้องท่วมของทุกชิ้นอย่างน้อย 1 นิ้ว
เครื่องมือเครื่องใช้ที่มีน้ำหนักเบา ควรใช้ของที่มีน้ำหนักทับเพื่อให้จมอยู่ใต้น้ำ เช่น ท่อพลาสติกแข็ง เป็นต้น
ปิดฝาหม้อต้ม เริ่มนับเวลาเมื่อน้ำเดือดเต็มที่
นขณะต้มต้องไม่เปิดฝาหม้อต้ม เพราะจะทำห้อุณหภูมิภายในหม้อต้มลดลง และต้องต้องไม่เพิ่มสิ่งของอื่นลงไป เมื่อของที่ต้มอยู่ยังต้มไม่ครบ 15 หรือ 20 นาที
เมื่อครบกำหนดให้เก็บของที่ต้มแล้วลงในภาชนะที่ปราศจากเชื้อหรือสะอาดมีฝาปิดมิดชิด
การใช้สารเคมี Chemical method
Disinfetant : สารเคมี ยา ใช้ทำลายจุลลินทรีย์ แต่ไม่สามารถทำลายชนิดที่มีสปอร์ จะทำลายเนื้อเยื่อด้วย ฉะนั้นไม่สามารถใช้กับผิวหนังได้
Antiseptics : สารเคมีที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ สามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตได้ปลอดภัย
น้ำยาที่ใช้ในการทำลายเชื้อ
แอลกอฮอล์ Alcohols
ทำลายเชื้อได้ดี แต่ไม่ทำลายสปอร์
อาจทำห้เครื่องมือโลหะเกิดสนิม
อัลดีฮัยด์
ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส รา ใน 10 นาที
ทำลายสปอร์แบคทีเรียใน 10 ชั่วโมง
ระคายเคืองผิวหนัง ทางเดินหายใจ ตา
ไดกัวไนด์ Diguanide
สารที่ใช้ chlorhexidine
ถ้าความเข้มข้นต่ำกว่า 0.2% ไม่สามารถ ทำลายแบคทีเรียแกรมบวก
ฮาโลเจน Halogens
สามารถทำลายเชื้อโรคได้ตามความเข้มข้นของน้ำยา Hypochlorite Iodine แต่ไม่สามารถ ทำลายสปอร์แบคทีเรียได้
กลิ่นเหม็น โลหะเป็นสนิม ระเหยง่าย ต้องเก็บในภาชนะทึบแสง ห้ามผสมกับกรด และฟอร์มาลิน
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ Hydrogen peroxide
ทำลายเชื้อโรครวมทั้งไสรัส โดยใช้ Hydrogen peroxide 6% นาน 30 นาที
ฟีนอล Phenols
สามารถ ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เชื้อวัณโรค เชื่อรา ยกเว้นก็แต่ เชื้อไว้รัสตับอักเสบบี และสปอร์ของแบคทีเรีย
ไม่ควรใช้กับเด็กทารก หรือในบริเวณที่เตรียมอาหาร
Quartemary Ammonium Compounds QACs
มีฤทธิ์ทำลายเชื้อน้อย
การทำให้ปราศจากเชื้อ
วิธีทางกายภาพ
Dry heat or hot air sterilization
ทำลายเชื้อโดยใช้ความร้อนแห้งที่อุณหภูมิ 165-170 องศาเซลเซียส ระยะเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง การใช้ความร้อนแห้งนี้เหมาะสำหรับเครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นของมีคม ไม่ทำให้ของเสียคม ช้สำหรับเครื่องแก้วที่ใช้ใน ห้องปฏิบัติการ แต่ไม่เหมาะที่จะใช้กับเครื่องผ้าและยาง
Steam under pressure
วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทนความร้อนสูงไม่ได้ เพราะอุณหภูมิที่ใช้ อยู่ระหว่าง 121-123 องศาเซลเซียส ภายใต้ความดัน 15-17 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว โดยใช้เวลานาน 15-45 นาที
Radiation
ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสเอดส์ ดังนั้นในกรณีเชื้อวัณโรคเมื่อถูกแสงแดดจะถูกทำลายภายใน 1-2 ชั่วโมง ในการทำลายเชื้อจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง
วิธีการทางเคมี
การใช้ 2% Glutaradehyde
การทำลายเชื้อและสปอร์ของแบคทีเรีย เป็นสารที่ไม่ทำลายยางหรือพลาสติก ทั้งนี้ต้องล้างน้ำยาให้หมดก่อนนำไปใช้
การใช้ Peracetic acid
เพื่อทำให้ปลอดเชื้อจะต้องใช้เวลารวดเร็ว 35-40 นาที ที่อุณหภูมิ 50-55 องศาเซลเซียส จะต้องล้างน้ำยาออกให้หมด ทำให้แห้งด้วยความระมัดระวัง
การใช้ก๊าซ Ethylene oxide
คุณสมบัติทำลายเชื้อสูง สามารถทำลายได้ทั้งไวรัส แบคทีเรียรวมทั้งสปอร์ของแบคทีเรีย และใช้อบก๊าซไว้ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมง เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 5 วัน หรือ ใช้เวลา 8 ชั่วโมงภายใต้อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส
การหยิบจับของปราศจากเชื้อ
ของที่ปราศจากเชื้อจะอยู่ในภาชนะทีมีฝาปิดหรือนห่อ
จะต้องรักษาของที่หยิบและของที่เหลือให้ปราศจากเชื้อโดยใช้ปากคีบ ที่มีลักษณะยาวและแช่อยู่ในกระปุกที่แช่น้ำยา (Transfer forceps) หยิบ
ปากคีบสำหรับหยิบส่งของควรเป็นชนิดปลายเป็นร่อง และไม่มีเขี้ยว จึงจะหยิบของได้แน่น เพื่อให้ปราศจาเชื้อปากคีบควรแช่อยู่ในน้ำยาตลอดเวลา โดยประมาณ 2/3 ของกระปุก
ปากคีบและกระปุกจะต้องทำความสะอาดด้วยการต้ม นึ่ง และเปลี่ยนน้ำยาตามกำหนด
วิธีการใช้ปากคีบหยิบของที่ปราศจากเชื้อ
ขณะที่ถือปลายปากคีบอยู่ต่ำ เพื่อมิห้น้ำไหลไปสู่บริเวณที่ไม่ปราศจากเชื้อ ทำให้ปลายปากคีบสกปรก
ระวังไม่ให้ปากถูกต้องกับภาชนะอื่น ๆ ที่ไม่ปราศจากเชื้อ
เมื่อหยิบปากคีบออกจากภาชนะที่แช่ ต้องระมัดระวังไมห้ปากคีบแยกออกจากกัน และป้องกันไม่ห้ปลายปากคีบถูกกับปากภาชนะ และรอให้น้ำยาหยดออกให้หมดสักครู่
เมื่อใช้ปากคีบเสร็จแล้วให้จับตรงกลางด้ามให้ปลายชิดกัน แล้วใส่ลงใในกระปุกตรง ๆ
วิธีการหยิบของในหม้อนึ่ง ในอับ หรือการแบ่งของที่สะอาดปราศจากเชื้อ
ห้ามเอื้อมข้ามของ sterile ที่เปิดฝาไว้และห้ามจับด้านในของฝา
ของที่หยิบออกไปแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้ ก็ไม่ควรนำเข้าไปเก็บนหม้อนั้นอีก
เมื่อเปิดฝา ถ้าต้องการจะวางกับโต๊ะให้หงายฝาขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ขอบฝาสัมผัสกับโต๊ะ ถ้าถือไว้ห้คว่ำฝาลง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากอากาศตกลงไปที่ฝานั้น
หลักพื้นฐานของภาวะปราศจากเชื้อ
2.contamination
2.2หากหยิบจับของปลอดเชื้อด้วยมือ หรืออุปกรณ์ที่ไม่ปลอดเชื้อ จะถือว่าเครื่องมือเครื่องใช้นั้นเกิดการปนเปื้อน
2.3การใใช้ปากคีบหยิบจับของปลอดเชื้อไม่ควรใช้ปากคีบหยิบบริเวณขอบของภาชนะ หรือใช้ปากคีบเปิดผ้าห่อของปลอดเชื้อ เพราะบริเวณเหล่านี้มีโอกาศเกิดการปนเปื้อน
2.1.ใช้ปากคีบปลอดเชื้อในการหยิบของปลอดเชื้อ ไม่ใช้ปากคีบที่ไม่ปลอดภัยหรือผ่านการใช้งานแล้วหยิบของปลอดเชื้อ
2.4ของปลอดเชื้อที่มีรอยฉีกขาด รอยเปิดสัมผัสกับภายนอก ถือว่าไม่ปลอดเชื้อ
2.5ดูแลของให้ปลอดเชื้อสัมผัสกับอากาศน้อยที่สุด หากเปิดใช้ต้องรีบปิดทันที
2.6ห่อของปลอดเชื้อที่เปิดใช้แล้ว แสดงว่าเกิดการปนเปื้อน ไม่นำไปรวมกับของปลอดเชื้อ
3.ของปลอดเชื้อต้องอยู๋สูงกว่าระดับเอวและอยู่ในสายตา
3.2เมื่อเปิดของปลอดเชื้อแล้ว ไม่ละทิ้งหรือหันหลังห้ของปลอดเชื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการปนเปื้อนเกิดขึ้นจากการวางของนั้นนอกสายตา
3.3หากผู้ปฏิบัติเกิดความสงสัย ไม่มั่นใจเกี่ยวกับความปลอดเชื้อกับของช้นั้น ต้องเปลี่ยนของนั้นหม่ทันที
3.1การถือของปลอดเชื้อหรือบริเวณที่วางของปลอดเชื้อจะต้องอยู๋สูงกว่าระดับเอวเพื่อให้แน่ใจว่าของปลอดเชื้อนั้นอยู่ในสายตา ลดโอกาสเกิดการปนเปื้อน
1.ดูแลให้ของปลอดเชื้อนั้นคงความปลอดเชื้อ
1.4หลีกเลี่ยงการพูดคุย ไอ จาม หรือข้ามกรายของปลอดเชื้อ เพราะเชื้อโรคมีโอกาศแพร่กระจายไปตามละอองอากาศ
1.5อุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกชนิดที่จะสอด / ใส่ผ่านผิวหนังเข้าไปในร่างกายผู้ป่วยจะต้องปลอดเชื้อ เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดยา
1.3หลีกเลี่ยงการทำน้ำยาหกเปื้อนผ้า ห่อของปลอดเชื้อ จะทำให้อุปกรณ์ที่อยู่ในผ้าห่อเกิดการปนเปื้อน
1.6การเทน้ำยาหรือวางของปลอดเชื้อไม่ควรชิดขอบด้านนอกของภาชนะหรือผ้าห่อของปลอดเชื่อ ให้วางห่างจากขอบนอกของภาชนะหรือผ้าห่อของปลอดเชื้อถัดเข้ามาประมาณ 1 นิ้ว
1.2การเทน้ำยาปลอดเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70% ให้ถือขวดน้ำยาสูงกว่าภาชนะปลอดเชื้อประมาณ 6 นิ้ว
1.7การเปิดผ้าห่อของปลอดเชื้อให้จับมุมบนสุดของผ้าเปิดไปทางด้านตรงข้ามของผู้ทำ เปิด 2 มุมผ้าด้านข้างซ้าย-ขวา สุดท้ายจึงจับมุมผ้าด้านในสุดของห่อผ้าเปิดออกโดยไม่ข้ามกรายของปลอดเชื้อ หากเป็นห่อสำเร็จรูป ใช้มือทั้ง 2 ข้าง ฉีกห่อสำเร็จรูปแยกออกจากกันโดยไม่สัมผัสด้านในของห่อปลอดเชื้อ
1.1ปากคีบปลอดเชื้อ ช้สำหรับหยิบจับ เคลื่อนย้ายของปลอดเชื้อต้องสะอาดและคงความปลอดเชื้อตลอดเวลา
หลัก Standard precaution
1.สวมเครื่องป้องกัน ตามความเหมาะสม
สวมถุงมือ
ช้ผ้าปิดปาก จมูก สวมแว่นตา หรือเครื่องกันหน้า
สวมเสื้อคลุม
2.ระวังการบาดเจ็บจากเข็มและของมีคมต่าง ๆ
3.บุคลากรเมื่อมือมีบาดแผล หรือรอยถลอกควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส ผู้ป่วยโดยตรงก่อนที่จะใช้เครื่องป้องกันทางการแพทย์
4.ต้องล้างมือห้สะอาดก่อนและหลังการใช้ทุกครั้งในการปฏิบัติงานทางการแพทย์หรือในห้องปฏิบัติการ
เทคนิคการแยก Isolation Technique
วิธีการแยกผู้ป่วยเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากผู้ป่วยไปสู่บุคคลอื่น หรือจากบุคคลอ่นไปสู่ผู้ป่วย
การแยกผู้ป่วยอาจจำแนก ได้ 7 แบบ คือ
การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางบาดแผลและผิวหนัง
การแยกผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อทางเลือดและติดต่อง่าย
การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร
การแยกผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อทางเลือด และน้ำเหลือง
การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ
การแยกผู้ป่วยในรายที่สงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่อ
การแยกผู้ป่วยในรายที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง
จุดประสงค์ในการแยกผู้ป่วย
ป้องกันการแพร่กระจายโรคติดต่อ
ป้องกันการติดโรคจากผู้ป่วย
ป้องกันการซ้ำเติมโรคนผู้ป่วยที่มีความต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ทารกคลอดก่อนกำหนด ซึ่งเรียกว่าการแยกเพื่อป้องกันเชื้อเข้าสู่ ผู้ป่วย (protective isolation or reverse barrier technique)
เพื่อทำลายเชื้อโรคซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดโรค
วิธีห่อของส่งนึ่ง
ดึงผ้าให้เรียบตึง ห่าด้านซ้ายให้มิดของ ดึงให้ตึง และพับมุมเล็กน้อย
ห่อด้านขวาให้มิดของ ดึงให้ตึงพับมุมเช่นกัน เข้าเล็กน้อย
จับมุมผ้าด้านผู้ห่อ วางพาดบนของ และพับมุมกลับเล็กน้อย
จับผ้าที่เหลือมุมสุดท้าย ดึงให้ตึงพับมุมเข้าเล็กน้อยจัดห่อให้มิดชิดไม่หลุด
วางของไว้ที่ศูนย์กลางของผ้าห่อ
ตรึงห่อของให้แน่นด้วยเทปกาว และระบุหอผู้ป่วย ชื่อสิ่งของ วันที่ส่งนึ่ง และชื่อผู้ห่อของ
คลีผ้าห่อของบนโต๊ะ สูงระดับเอวให้มุมใดมุมหนึ่งอยู่ด้านผู้ห่อ
ติด Autoclave tape
การเปิดห่อของที่ปราศจากเชื้อ
จุดประสงค์
เพื่อคงความปลอดเชื้อของสิ่งของภายในห่อและผ้าห่อด้านใน
เครื่องใช้
ห่อของที่ปลอดเชื้อ
วิธีทำ
แกะเทปกาว ป้ายชื่อห่อของที่ระบุวันนึ่ง และ Autoclave tape ออก
จับมุมผ้าด้านนอก ห่างขอบประมาณ 1 นิ้ว เปิดมุมแรกออกไปทางด้านตรงข้ามกับผู้เปิด
วางห่อของบนโต๊ะที่สะอาดสูงระดับเอว โดยให้มุมนอกสุดของห่อของอยู่ไกลตัว
เปิดมุมผ้าด้านข้างออกทีละด้านแล้วเปิดมุมผ้าด้านในสุด
สำรวจป้ายชื่อห่อของให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้ และตรวจสอบความปราศจากเชื้อ จาก Autoclave tape
การปฏิบัติในการป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อกระจาย
การล้างมือ
Hand washing
วิธีการที่ดีที่สุดในการลดการติดเชื้อที่เกิดจากการสัมผัสโดยตรง การล้างมือควรกระทำก่อนที่จะปฏิบัติการพยาบาลและหลังการพยาบาลผู้ป่วย หลังการสัมผัสอุปกรณ์ เครื่องใช้ที่สกปรก ก่อนจับต้องอาหาร และทันทีที่เห็นว่ามือเปื้อน ลดจำนวนเชื้อจุลชีพที่อาศัยอยู่บนผิวหนังอันเป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
Normal หรือ Social hand washing
การล้างมือเพื่อสุขภาพอนามัยทั่วไป ก่อนและหลังการแจกยา ก่อนและหลังการรับประทานอาหาร ล้างมือตามขั้นตอนด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่เหลว ใช้เวลาการฟอกมือนานอย่างน้อย 15 วินาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับให้แห้งด้วยกระดาษเช็ดมือหรือผ้าเช็ดมือที่แห้งและสะอาด
Alcohol hand rub
กรณีรีบด่วน ไม่สะดวกในการล้างมือด้วยน้ำ และมือไม่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกหรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยให้ทำความสะอาดมือด้วย แอลกอฮอล์เจล ซึ่งมีน้ำยา แอลกอฮอล์ 70% หรือ ผสม chlorhexidine 0.5% มีลักษณะเป็นเจล สามารถกำจัดเชื้อโรคออกจากมือทั้งแบคทีเรียแกรมบวกแกรมลบ เชื้อรา เชื้อที่ดื้อต่อยาหลายชนิดและไวรัส ด้วยการล้างมือด้วยน้ำยา โดยการบีบน้ำยาประมาณ 10 มิลลิลิตร ถูให้ทั่วมือ ทุกซอกทุกมุม จนน้ำยาแห้ง
Hygienic hand washing
ก่อนและหลังทำกิจกรรมที่ต้องใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ เช่น การสวนปัสสาวะให้ล้างมือด้วยสบู่เหลวผสมน้ำยาทำลายเชื้อ เช่น คลอเฮ็กซดีน กลูโคเนต 4% ไอโอโดฟอร์ 7.5% ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วซับให้แห้งด้วยผ้าแห้งที่สะอาด
Surgical hand washing
เป็นการล้างมือเพื่อหัตถการ การทำคลอดที่ต้องป้องกันการติดเชื้อ ให้ล้างมือด้วยสบู่เหลวทำลายเชื้อ ฟอกมือและแขนถึงข้อศอกให้ทั่วนานอย่างน้อย 5 นาที ล้างให้สะอาดและซับด้วยผ้าแห้งที่ปราศจากเชื้อ
การใส่ถุงมือ
ถุงมือจะช่วยป้องกันการติดต่อของเชื้อโรคทั้งทางตรงและทางอ้อม
วัตถุประสงค์ การใส่ถุงมือ
1.ป้องกันและควบคุมเชื้อโรคจากตัวเราไปสู่ตัวผู้ป่วย จากผู้ป่วยไปสู่บุคคลอื่น
2.ป้องกันและควบคุมเชื้อโรคจากผู้อื่นไปสู่ผู้ป่วย
3.ป้องกันและควบคุมผู้สัมผัสเชื้อเป็นพาหะนำเชื้อไปสู่ผู้อื่น
Sterile gloves
หยิบจับของปลอดเชื้อ
ทำหัตถการต่าง ๆ เช่นการผ่าตัด
ป้องกันการติดเชื้อไปยังผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
Clean, Disposable gloves
ป้องกันสิ่งสกปรกสัมผัสมือ
เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่ผ่านการใช้งานแล้วหรือระหว่างให้การพยาบาลผู้ป่วย
การใช้ผ้าปิดปาก-จมูก
ป้องกันการได้รับเชื้อโรคจากผู้ป่วยเข้าสู่ทางเดินหายใจ และเป็นการป้องกันผู้ป่วยได้รับเชื้อจากผู้อื่นเข้าสู่ทางเดินหายใจ
การใส่เสื้อกาวน์
ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ โดยทั่วไปจะเปิดด้านหลังและมีเชือกสำหรับผูกที่คอและเอว เสื้อควรจะใหญ่และยาวเล็กน้อยเพียงพอที่จะคลุมชุดเครื่องแบบได้มิดชิด ควรเปลี่ยนเสื้อกาวน์ทุกเวร
การป้องกันการติดเชื้อแบบมาตรฐาน
ระมัดระวังการแพร่กระจายของเชื่อโรคที่ใช้กับผู้ป่วยทุกคน เป็นการป้องกันอันดับแรกเพ่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ โดยระมันระวังเลือด สารคัดหลั่ง น้ำในร่างกาย
การมีสุขาภิบาลและสุขอนามมัยที่ดี
หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
การปฏิบัติที่ปลอดภัยจากการใช้ของมีคม
เข็มที่ใช้เจาะเลือดผู้ป่วยให้เก็บทิ้งคนเดียว
การเย็บแผลให้ใช้ forceps หยั่งแผลเวลาเย็บ
ไม่ส่งของมีคมด้วยมือต่อมือ
การปลดหลอดแก้วออกจากสาายยาง ให้ใช้ forceps ปลด
ไม่ควนสวมปลอกดข็มคืน แต่ถ้าจำเป็นต้องสวม ควรสวมปลอกเข็มโดยช้มือเดียว (one hand technique)