Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลติตเวชเด็ก โรคออทิสติก (Autistic Disorders) - Coggle Diagram
การพยาบาลติตเวชเด็ก
โรคออทิสติก (Autistic Disorders)
ความหมาย
โรคออทิสติก(Autistic Disorders) หรือออทิซึม(Autism)เป็นการแสดงออกทาง พฤติกรรมโดยแสดงออกถึงความบกพร่องของปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการส่ือสารทั้งการใช้ภาษาพูด และภาษาท่าทาง มักทำกิจกรรมซ้าๆ เฉพาะท่ีตนเองสนใจ
ลักษณะทางคลินิก
2) การสื่อสารกับผู้อื่นทั้งการพูดและภาษาท่าทาง (Verbal and Non-verbal
communication)
ไม่เข้าใจความหมายของการพูดเช่นไม่เข้าใจว่าเป็นประโยคคาถามที่ต้องการ
คำตอบ แต่ตอบโดยพูดตาม (Echolalia)
เลี่ยงการสบตาพูดในสิ่งที่ตัวเองสนใจ
ไม่พูดหรือเริ่มพูดช้า แต่มีรูปแบบของการท่องจาซ้าๆ และไม่สื่อความหมาย
เรียกแล้วไม่หัน(เหมือนหูตึง)
ไม่มีความเข้าใจในการแสดงออกของสีหน้า
มีปัญหาในการสื่อสารทางภาษากายเช่นผงกหัวส่ายหน้า
บางครั้งเมื่อแสดงความต้องการไม่ได้ก็จะจับมือผู้อื่นไปทาในสิ่งที่ต้องการ
3) พฤติกรรมและความสนใจแบบจำเพาะซ้าเดิมเพียงไม่ก่ีชนิด (Restricted, repetitive and stereotypic behaviors and interests)
อาจเป็นพฤติกรรมทางกายและการ เคลื่อนไหวที่จากัดอยู่กับความสนใจในกิจกรรมหรือส่ิงของไม่ก่ีชนิด เช่น การสะบัดมือ หมุนข้อเท้า โยกศีรษะ หมุนวัตถุ เปิดปิดไฟ
ในเด็กโตจะมีความสนใจในบางเรื่องมากผิดปกติ มีความหมกมุ่นกับ เรื่องนั้นอย่างมาก จดจารายละเอียดเก่ียวกับส่ิงน้ันและพูดคุยเกี่ยวกับส่ิงนั้นได
1) ความบกพร่องในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Impairment in social interaction)
ชอบเล่นคนเดียวไม่เล่นกับเด็กอื่นเข้ากับเพื่อนได้ยาก
การมีปฏิสัมพันธ์ทางเดียวเช่นพูดในสิ่งท่ีสนใจคนเดียวไม่สนใจเรื่องท่ีคนอื่นพูด
ไม่ค่อยเข้าใจกับกฎเกณฑ์ของสังคม
มีบุคลิกที่ไม่เป็นธรรมชาติเช่นแสดงอาการแปลกงุ่มง่ามหัวเราะอย่างไม่มี
เหตุผล
การเพ่งและการมองจะแปลกกว่าเด็กอื่นสบตาน้อย
ไม่รู้วิธีการเร่ิมหรือจบบทสนทนา
ไม่ชอบให้อุ้มหรือขืนตัวเวลาอุ้มไม่กลัวคนแปลกหน้า
ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเช่นเรียกแล้วไม่หัน
การวินิจฉัย
วินิจฉัยโรคออทิสติก ประกอบด้วย 3 เกณฑ์หลัก ดังนี้
B. มีความช้าหรือผิดปกติในด้านต่างๆ ต่อไปนี้ ก่อนอายุ 3 ปี
2) ภาษาที่ใช้สื่อสารกับสังคม
3)เล่นสมมตหิรือเล่นตามจินตนาการ
:1) ปฏิสัมพันธ์กับสังคม
C. ความผิดปกติไม่เข้ากับ Rett's disorder หรือ Childhood disintegrative disorder
2) ไม่สามารถชี้นิ้วบอกความต้องการได้
(Lack of protodeclarativepointing)
3) ไม่สนใจเข้ากลุ่ม หรือเล่นกับเด็กคนอื่น (Lack of social interest)
1) เล่นสมมติ เล่นจินตนาการไม่เป็น (Lack of pretend play)
4) ไม่มีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความสนใจร่วมกับคนอื่นได้
(Lack of joint attention)
A. เข้าเกณฑ์ตอ่ ไปนี้ 6 ข้อหรือมากกวา่ จากหัวข้อ (1) (2) และ (3) โดยอย่างน้อยต้องมี 2 ข้อ จากหัวข้อ (1) และจากหัวข้อ (2) และ (3) อีกหัวข้อละ 1 ข้อ
(2) มีคุณลักษณะในการสื่อสารผิดปกติโดยแสดงออกอย่างน้อย1ข้อ
(2.2) ในรายที่พูดได้ ก็ไม่สามารถเร่ิมพูดหรือสนทนาต่อเนื่องกับคนอื่นได้
(2.3) ใช้คาพูดซ้าหรือใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ
(2.1) พัฒนาการในการพูดช้าหรือไม่มีเลย โดยไม่แสดงออกว่าอยากใช้การ สื่อสารวิธีอื่นมาทดแทน (เช่น แสดงท่าทาง)
(2.4) ไม่มีการเล่นสมมติที่หลากหลาย คิดเองตามจินตนาการ หรือเล่น เลียนแบบสิ่งต่างๆ ตามสมควรกับพัฒนาการ
(3) มีแบบแผนพฤติกรรม ความสนใจ หรือกิจกรรมที่จากัด ใช้ซ้า และรักษาเป็น เช่นเดิม โดยแสดงออกอย่างน้อย 1 ข้อ ต่อไปน
(3.1) หมกมุ่นกับพฤติกรรมซ้าๆ (Stereotyped) ต้ังแต่ 1 อย่างขึ้นไป และ ความสนใจในส่ิงต่างๆ มีจากัดซึ่งเป็นภาวะท่ีผิดปกติทั้งในแง่ของความรุนแรงหรือสิ่งที่สนใจ
(3.2) ติดกับกิจวัตรหรือย้าทากับบางส่ิงบางอย่างที่ไม่มีประโยชน์โดยไม่ยืดหยุ่น
(3.3) ทำกิริยาซ้าๆ (Mannerism) (เช่น เล่นสะบัดมือ หมุน โยกตัว)
(3.4) สนใจหมกมุ่นกับเพียงบางส่วนของวัตถ
(1) มีคุณลักษณะในการเข้าสังคมที่ผิดปกติโดยแสดงออกอย่างน้อย2ข้อต่อไปน
(1.2) ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนในระดับที่เหมาะสมกับอายุได้
(1.3) ไม่แสดงความอยากเข้าร่วมสนุก ร่วมทาสิ่งท่ีสนใจ หรือร่วมงานให้เกิด ความสาเร็จกับคนอื่นๆ (เช่น ไม่แสดงออก ไม่เสนอความเห็น หรือไม่ชี้ว่าตนสนใจอะไร)
(1.1) บกพร่องอย่างชัดเจนในการใช้ท่าทางหลายอย่าง (เช่น การสบตา) แสดงสีหน้า กิริยาหรือท่าทางประกอบการเข้าสังคม)
(1.4) ไม่มีอารมณ์หรือสัมพันธภาพตอบสนองกับสังคม
สาเหตุ
ปัจจัยทางชีวภาพ (Biological factors)
2) ปัจจัยโครงสร้างทางสมอง
3) ปัจจัยทางสารสื่อประสาท (Neurotransmitter factors)
Serotonin ในเลือดสูง ซึ่งเป็นสารเคมีที่สาคัญในการทางานของสมอง ส่วนท่ีควบคุมอารมณ์พฤติกรรมทางสังคม
Endorphins มีการทาหน้าที่มากกว่าปกติ โดยไปยับยั้งการเติบโตของ ระบบประสาท ทาให้การทางานของระบบประสาทเสียสมดุล เกิดพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง การกระทาซ้าๆ
ก้าวร้าว และขาดความสนใจ
Catecholamine การทางานที่เพิ่มข้ึนของ Dopamine ทาให้มี
Homovanillic acid (HVA) ในน้าไขสันหลังเพิ่มขึ้น เด็กออทิสติกบางรายมีระดับความเจ็บปวดลดลง มีแนวโน้มในการทาร้ายตนเองอย่างรุนแรงซ้าๆ เช่น โขกศีรษะ เป็นต้น
Sulfate ในเลือดต่ำ ทำให้สารสื่อประสาททางานแปรปรวน
1) ปัจจัยทางพันธุกรรม (Genetic factor)
4) ปัจจัยทางภูมิคุ้มกัน (Immunology factor)
5) ปัจจัยของมารดาขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด หรือหลังคลอด เช่น มีเลือดออก ในช่วง3 เดือนแรกของการต้ังครรภ์
ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychological factors)
ได้แก่ การเลี้ยงดู ซึ่งในปัจจุบัน
เชื่อว่าเป็นปัจจัยเสริมท่ีทำให้เด็กออทิสติกมีอาการมากขึ้นหรือช่วยให้อาการของเด็กออทิสติกดีข้ึนได้
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบกพร่องเนื่องจากไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้
เสี่ยงต่อการเกิดพฤติกรรมรุนแรงท่ีอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นเนื่องจาก ขาดความสามารถในการควบคุมพฤติกรรม
บกพร่องในการพูดสื่อสารเนื่องจากการพูดล่าช้า
เสี่ยงต่อพัฒนาการล่าช้า เนื่องจากโรคออทิสติก
การปฏิบัติการพยาบาล (Nursing intervention)
5) พฤติกรรมบำบัด
6) ครอบครัวบำบัด
4) การเล่นเพื่อการบำบัด
7) การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด
3) การให้คำปรึกษาครอบครัว
8) โภชนบำบัด
2) การกระตุ้นพัฒนาการ
9) การสอนทางสุขภาพ
1) การดูแลความปลอดภัย
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
2) ได้รับการตอบสนองตามความต้องการขั้นพื้นฐานอย่างเพียงพอและเหมาะสม
3) ได้รับความปลอดภัยจากอันตรายภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
1) มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและทักษะในการดารงชีวิตประจาวันได้ตามศักยภาพ
4) ครอบครัวยอมรับและให้การดูแลได้ตามศักยภาพ