Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม - Coggle Diagram
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม
วัตถุประสงค์ของทฤษฎีการดูแลตนเองโอเร็ม
การดูแลตนเองเป็นการปฏิบัติกิจกรรมที่บุคคลริเริ่มและกระทำเพื่อให้เกิด
ประโยชน์แก่ตนเองในการดำรงไว้ซึ่งชีวิต สุขภาพ และความเป็นอยู่อันดี
การสร้างทฤษฎีการดูแลตนเองโอเร็ม
เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อการกระทำ
มีความสามารถและเต็มใจที่จะดูแลตนเองและผู้อื่น
การดูแลตนเองเป็นกิจกรรมที่เรียนรู้และจดจำไว้ได้จากสังคม
มโนมติ 4 ประการ
คน
สิ่งแวดล้อม
สุขภาพ
การพยาบาล
6 มโนทัศน์หลักของทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม
1.ทฤษฎีการดูแลตัวเอง (self – care theory)
บุคคลที่มีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่และกำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มีการเรียนรู้ในการกระทำและผลของการกระทำเพื่อสนองตอบความต้องการดูแลตนเอง
ระยะที่ 1 เป็นระยะของการประเมินและตัดสินใจ
ระยะที่ 2 ระยะของการกระทำและประเมินผลของการกระทำ
ความสามารถในการดูแลตนเอง (Self-care agency)
ความสามารถและคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน
พลังความสามารถในการดูแลตนเอง เชื่อมการรับรู้และการกระท าของมนุษย์ เฉพาะเจาะจงสำหรับการกระทำอย่างจงใจเพื่อการดูแลตนเอง ไม่ใช่การกระทำโดยทั่วไป
ความสามารถในการปฏิบัติการเพื่อการดูแลตนเอง
-การคาดการณ์ (Estimative) เป็นความสามารถในการตรวจสอบสถานการณ
-การปรับเปลี่ยน (Transitional) เป็นความสามารถในการตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถควร
-การลงมือปฏิบัติ (Productive operation) เป็นความสามารถในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็มกับกระบวนการพยาบาล
ขั้นตอนที่ 1 ขั้นวินิจฉัยและพรรณนา (Diagnosis and Prescription)
เป็น ขั้นตอนที่ระบุถึงความพร่องในการดูแลตนเอง โดยมีขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการดูแลตนเอง ความต้องการในการดูแลตนเองทั้ง 3 ด้านรวมทั้งปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง แล้วจากนั้นจะพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถกับความต้องการการดูแลตน เองเพื่อบ่งชี้ถึงภาวะพร่องในการดูแลตนเอง และเขียนข้อวินิจฉัย
ขั้นตอนที่ 2 ขั้นวางแผน (Design and Plan)
เป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องเมื่อทราบถึงความพร่องในการดูแลตนเองแล้วจากนั้นจะทำการเลือกระบบการพยาบาลให้เหมาะสม แล้วนำมาวางแผนโดยมีการกำหนดเป้าหมายหรือผลลัพท์ทางการพยาบาล ( Expected Outcome ) และกำหนดกิจกรรมการพยาบาล
ขั้นตอนที่ 3 ขั้นปฏิบัติการพยาบาลและควบคุม ( Regulate and Control )
เป็นขั้นตอนที่พยาบาลนำกิจกรรมไปลงมือปฏิบัติตามแผนการพยาบาลโดยมีจุดมุ่งหมาย คือการบรรลุความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด
( TSCD ) และในตอนนี้ยังรวมถึงการประเมินผลลัพท์ทางการพยาบาลว่ามีประสิทธิภาพหรือ ไม่ และปกป้องหรือพัฒนาความสามารถหรือไม่ และนำข้อมูลย้อนกลับเข้าสู่การประเมินสภาวะอีกครั้ง
ความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด(TSCD)
การดูแลตนเองที่จำเป็นโดยทั่วไป(USCR)
การดูแลตนเองที่จำเป็นตามพัฒนาการ(DSCR)
ความต้องการการดูแลตนเองที่จำเป็นในภาวะเบี่ยงเบนทางด้าน(HDSCR)
การดูแลตนเองที่จำเป็นตามระยะพัฒนาการ
พัฒนาและคงไว้ซึ่งภาวะความเป็นอยู่ที่ช่วยสนับสนุนกระบวนการของชีวิต
การดูแลเพื่อป้องกันการเกิดผลเสียต่อพัฒนาการโดยจัดการเพื่อบรรเทาเบา
การดูแลตนเองที่จำป็นในภาวะเบี่ยงเบนทางด้านสุขภาพ
แสวงหาและคงไว้ซึ่งความช่วยเหลือจากบุคคลที่เชื่อถือได้ เช่น เจ้าหน้าที่สุขภาพอนามัย
รับรู้ สนใจ และดูแลผลของพยาธิสภาพ ซึ่งรวมถึงผลที่กระทบต่อสุขภาพอนามัย
ปฏิบัติตามแผนการรักษา การวินิจฉัย การฟื้นฟู และการป้องกันพยาธิ
รับรู้และสนใจที่จะคอยปรับและป้องกันความไม่สุขสบายจาก
ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตนเอง
เป็นแกนกลางของทฤษฎีที่อธิบายถึงความจำเป็นที่ต้องการให้การพยาบาล และวิธีที่บุคคลจะรับการพยาบาลเพื่อการดูแลตนเอง
ความพร่องในการดูแลตนเองเกิดเนื่องจากบุคคลไม่สามารถสนองความต้องในการดูแลตนเองหรือปฏิบัติได้สำเร็จ
ทฤษฎีระบบการพยาบาล
จะกำหนดความรับผิดชอบของพยาบาล บทบาทของผู้ดูแล เหตุผลของการมีสัมพันธภาพ ระหว่างพยาบาลและผู้ป่วย ตลอดจนกิจกรรมการ
ความสามารถทางการพยาบาล เป็นความสามารถที่ได้มาจากการศึกษาและฝึกปฏิบัติในศาสตร์และศิลปทางการพยาบาล
ระบบการพยาบาล
ระบบทดแทนทั้งหมด
กระทำการพยาบาลทั้งหมด ชดเชยภาวะไร้สมรรถภาพใน
กิจกรรมการดูแลตนเองช่วยประคับประคองและปกป้องผู้ป่วย
ระบบทดแทนบางส่วน
บทบาทพยาบาล
ปฏิบัติกิจกรรมบางอย่างแทนผูู้ป่วยแทนผู้ป่วย
ช่วยผู้ป่วยตามที่ผู้ป่วยต้อง
ระบบสนับสนุนและให้ความรู้
จะใช้เมื่อผู้ป่วยสามารถบรรลุความต้องการการดูแลตนเองแต่ต้องขอความช่วยเหลือเพื่อการตัดสินใจ ความรู้เพื่อฝึกทักษะ