Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด, นางสาวอติกานต์ …
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดเขียว
กลุ่มที่มีอาการเขียวที่มีเลือดไปปอดน้อย อาจมีภาวะสมองขาดออกซิเจนอย่างเฉียบพลัน
Pulmonic atresia (PA)
Tricuspid atresia (TA)
Tetralogy of Fallot (TOF)
มีเลือดไปปอดน้อยมีความผิดปกติ 4 อย่าง
ผนังระหว่างเวนตริเคิลมีรูรั่ว (VSD) ขนาดใหญ่
ตำแหน่งของลิ้นเอออร์ติคเลื่อนไปทางด้านขวา (overriding aorta หรือ dextroposition of the aorta)
การตีบของลิ้นพัลโมนารี (pulmonic stenosis)
มีการหนาตัวของเวนตริเคิลขวา (right ventricular hypertrophy)
อาการและอาการแสดง
ภาวะหัวใจวาย มีปริมาณเลือดไหลลัดจากหัวใจซีกซ้ายไปซีกขวามาก จึงมีเลือดไปปอดมากขึ้น
อาการเขียวทั่วร่างกาย (central cyanosis)
มีประวัตินั่งยอง ๆ อาการเหนื่อย อาการเขียวมากขึ้นร่วมกับอาการหอบลึก
กลุ่มที่มีอาการเขียวที่มีเลือดไปปอดมาก อาการเขียว และมีภาวะหัวใจวาย
Transposition of great arteries
การพยาบาล
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองขาดออกซิเจนได้ง่าย
กิจกรรมการพยาบาล
ควบคุมและจำกัดกิจกรรมต่าง ๆ
ดูแลผู้ป่วยไม่ให้มีอาการท้องผูก
สังเกตอาการเริ่มของภาวะสมองขาดออกซิเจน ได้แก่ กระสับกระส่ายมีหายใจเร็วขึ้นและแรงขึ้น จนหอบเหนื่อยมากขึ้น และมีอาการเขียว
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำอย่างเต็มที่
สังเกตและบันทึกปริมาณน้ำดื่ม
ในรายที่มีไข้ ควรดูแลเช็ดตัวและให้ยาลดไข้
ติดตามผลการเจาะเลือดฮีมาโตคริท
ดูแลให้ยาเสริมธาตุเหล็กตามแผนการรักษา
ป่วยมีโอกาสเกิดการอุดตันของหลอดเลือดฝอยในร่างกายได้ เช่น หลอดเลือดฝอย โดยเฉพาะในหลอดเลือดฝอยที่สมอง เนื่องจากมีภาวะเลือดข้น
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ช่วยเปลี่ยนท่าและพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง
สังเกตและบันทึกจำนวนน้ำดื่มและจำนวนปัสสาวะ
ติดตามฟังเสียงปอดเป็นระยะ ๆ
สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ผิวหนังบริเวณแขน ขาเย็น สีผิวคล้ำขึ้น มีอาการปวดหรือชา
ผู้ป่วยมีภาวะสมองขาดออกซิเจนอย่างเฉียบพลัน เนื่องจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ออกซิเจน
ติดตามค่าความเข้มข้นของออกซิเจน
จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าเข่าชิดอก
ดูแลให้ยาที่ทำให้ผู้ป่วยสงบตามแผนการรักษา เช่น chloral hydrate
ดูแลให้ผู้ป่วยสงบโดยเร็วที่สุด
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดฝีในสมองได้ เนื่องจากมีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เลือดบางส่วนไม่ได้ส่งไปฟอกที่ปอด
กิจกรรมการพยาบาล
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ดูแลให้ยารักษาประคับประคอง เช่น ให้ยาลดไข้ และยากันชัก
ในรายที่สงสัยว่าเกิดเป็นฝีในสมอง ควรประเมินทางระบบประสาทของผู้ป่วย เช่น อาเจียน เห็นภาพซ้อน สังเกตระดับความรู้สึก ชัก
ในรายที่เป็นฝีในสมองดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
บันทึกสัญญาณชีพ 4 ชั่วโมง
ให้ข้อมูลและเตรียมผู้ป่วยสำหรับการเข้ารับการผ่าตัดเอาหนองจากฝีในสมองออก
สังเกตอาการเปลี่ยน มีไข้ต่ำ ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย
ให้คำแนะนำผู้ป่วยและบิดามารดาเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อที่ผิวหนัง
โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดไม่เขียว
มีการไหลลัดของเลือดจากหัวใจซีก
ซ้ายไปขวา(left to right shunt)
Atrial Septal Decfect (ASD)
มีรูรั่วที่บริเวณผนังกั้นระหว่างเอเตรียม เนื่องจากมีการสร้างผนังกั้นเอเตรียม ที่ไม่สมบูรณ์
อาการและอาการแสดง
อาจจะมีการติดเชื้อในระบบหายใจ
อาการอ่อนเพลีย
มีการเจริญเติบโตช้า
เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง
Patent Ductus Arteriosus (PDA)
มีเลือดไปปอดมาก มีการติดต่อระหว่างpulmonary artery และ descending aorta ภายหลังเด็กเกิดได้ 1-4 สัปดาห์
สาเหตุ
การเกิดก่อนกำหนด
ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งผลให้ ductus arteriosus ยังเปิดอยู่หลังคลอด
การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมัน
อาการและอาการแสดง
PDA ขนาดเล็กมักจะไม่มีอาการผิดปกติ
PDA ขนาดใหญ่
มาด้วยอาการของหัวใจซีกซ้ายวาย
อาการหายใจเร็ว
เหงื่อออกมากเวลาดูดนม เหนื่อยหอบ
น้ำหนักขึ้นช้า
Ventricular Septal Defect (VSD)
มีรูรั่วที่บริเวณผนังกั้นระหว่าง เวนตริเคิล เนื่่องจากมีการสร้างผนังกั้นเวนตริเคิล (ventricular septum) ที่ไม่สมบูรณ์ เกิดทางติดต่อระหว่างเวนตริเคิลซ้ายและขวา
อาการและอาการแสดง
เหนื่อยง่ายโดยเฉพาะเวลาดูดนม
มีเหงื่อออกมาก
พัฒนาการอาจจะปกติหรือล่าช้า
ติดเชื้อในระบบหายใจได้บ่อย ๆ
มีการอุดกั้นการไหลของเลือด
(obstructive lesions)
Pulmonary Stenosis (PS)
มีการตีบของลิ้นพัลโมนารี เวนตริเคิลขวาบีบตัวส่งเลือดดำผ่านลิ้นพัลโมนารีที่ตีบไปปอดได้น้อยลง
อาการและอาการแสดง
moderate PS และ severe PS
ภาวะหัวใจวาย หรือ อาการเขียวเล็กน้อย
มีอาการเหนื่อยง่าย หรือเจ็บแน่นหน้าอก
อาจจะมีอาการเป็นลมหมดสติ
Coarctation of the Aorta (CoA)
มีการคอดหรือการตีบแคบที่ Aorta ตรงบริเวณ ductus arteriosus ทำให้เลือดไหลจาก Aortaไปเลี้ยงร่างกายส่วนบน และลงสู่ส่วนที่ไปเลี้ยงร่างกายส่วนล่างได้ไม่สะดวก ความดันโลหิตของแขนสูงกว่าขา
อาการและอาการแสดง
หายใจแรงและเร็ว เหนื่อยหอบ
เหงื่อออกมาก ดูดนมช้า เลี้ยงไม่โต
ตรวจพบชีพจรที่ขาทั้ง 2 ข้างเบา
Aortic stenosis (AS)
การตีบของลิ้นเอออร์ติค เวนตริเคิลซ้ายบีบตัวส่งเลือดแดงผ่านลิ้นเอออร์ติคที่ตีบไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง
อาการและอาการแสดง
มีอาการอ่อนเพลียง่าย
เจ็บหน้าอก
การพยาบาล
เนื้อเยื่อของร่างกายมีโอกาสได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เนื่องจากประสิทธิการทำงานของหัวใจลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำมารดาในการประกอบและปรุงอาหารให้บุตร ควรหลีกเลี่ยงการเติมน้ำปลา ซีอิ้ว ซ๊อส ผงชูรสและเกลือในอาหาร
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาจำพวกดิติตาลิสตามแผนการรักษา
ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อนรสจืด หรือเค็มน้อย
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้ออกซิเจนเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน
ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และประเมินการทำงานของหัวใจ
จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าศีรษะสูง (semi-Fowler’s position)
ประเมินการสะสมน้ำในร่างกายของผู้ป่วย
จำกัดกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ป่วย และดูแลให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ผู้ป่วยอาจมีอาการเป็นลมหมดสติ เนื่องจากสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จากการที่มีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
กิจกรรมการพยาบาล
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเป็นลม ให้การดูแล
ปลดเสื้อผ้าให้หลวมเพื่อให้ปอดขยายตัว
สังเกตและบันทึกชีพจร และความดันเลือด
จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายราบ และยกปลายเท้าให้สูงกว่า
แนะนำผู้ป่วยให้จำกัดกิจกรรมที่ต้องออกแรง
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ปอด เนื่องจากมีเลือดไปปอดมาก
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ผู้ป่วยมีสุขวิทยาส่วนบุคคล
ดูแลสิ่งแวดล้อมให้สะอาด
รักษาความสะอาดของปากฟัน
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ เนื่องจากมีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดที่ทำให้มีการไหลลัดของเลือด
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะก่อนการรับ การทำฟัน การขูดหินปูน การถอนฟัน
สังเกตและติดตามประเมินอาการแสดงของภาวะเยื่อบุหัวใจอักเสบ เช่น มีไข้ต่ำเป็นเวลาหลายวัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
ผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงต่อการมีการเจริญเติบโตที่ไม่สมวัย หรือต่ำกว่าเกณฑ์ เนื่องจากดูดนม/รับประทานอาหารได้น้อย
กิจกรรมการพยาบาล
ในเด็กโตควรได้รับอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีจำนวนแคลอรีสูงกว่าปกติ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนช่วงสั้น ๆ ก่อนมื้อนม/อาหาร
ดูแลให้นมแก่ผู้ป่วยตามแผนการรักษา โดยให้มื้อละปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
สังเกตและบันทึกปริมาณอาหารที่ผู้ป่วยรับประทาน
ในรายที่ผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน รับประทานอาหารได้น้อย หรือดูดนมได้ไม่หมดบ่อยครั้ง ควรรายงานแพทย์ทราบ
ติดตามชั่งน้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพื่อประเมินภาวะโภชนาการ
แนะนำให้มารดากระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหว และช่วยเหลือตนเองในการรับประทานอาหารเอง
ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดพัฒนาการล่าช้า เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่าย การเคลื่อนไหวร่างกาย แขน ขา จึงมีน้อย หรือในเด็กเล็กบางรายที่มีอาการหายใจลำบาก
กิจกรรมการพยาบาล
วางแผนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
ให้ข้อมูลแก่บิดามารดาเกี่ยวกับพัฒนาการของบุตร
ประเมินพัฒนาการของเด็ก
บิดามารดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดตั้งแต่กำเนิดของบุตร
กิจกรรมการพยาบาล
ให้ข้อมูลแก่บิดามารดาเกี่ยวกับภาวะสุขภาพของบุตร
สนับสนุนให้บิดามารดาอุ้มชู และกอดรัดบุตรให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ จะช่วยส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดี
อธิบายให้บิดามารดาเข้าใจเกี่ยวกับความผิดปกติ
Infective endocarditis(IE) ติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ
อาการ
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีเสียงheart murmur ม้ามโต กดไม่เจ็บ
การรักษา
ดตามเจาะเลือดส่งเพาะเชื้อ
ตรวจสอบหาแหล่งของการติดเชื้อที่ทำให้เกิด IE
ให้ยาปฏิชีวนะ
มักเกิดจากเชื้อ แบคทีเรีย( Streptococcus viridans, Staphylococcus aureus )
การพยาบาล
มีการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ5หมู่ ย่อยง่าย
สังเกตอาการข้างเคียงของยาปฏิชีวนะ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้นอนพักผ่อน เพื่อลดการทำงานของหัวใจ
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำแก่ผู้ป่วยตามแผนการรักษา
อาจเกิดการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจซ้ำได้
สังเกตอาการแสดง ที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยอาจมีการติดเชื้อ
รับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันก่อนรับการหัตถการ
ดูแลสุขภาพในช่องปาก
ดูแลรักษาความสะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ
หัวใจรูห์มาติค RheumaticHeartDisease(RHD)
ไข้รูห์มาติค (Rheumatic Fever)
อาการ
major criteria
Carditis , polyarthritis , erythema marginatum
minor criteria
ไข้ต่ำ ปวดข้อ เคยเป็นไข้รูห์มาติค
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะสำหรับกำจัดเชื้อ
ให้ยาสำหรับต้านการอักเสบของหัวใจและข้อ
อาการหัวใจวาย ให้พักจนกว่าจะควบคุมภาวะหัวใจวายได้
มีอาการหัวใจวาย ควรให้ยาเพรดนิโซโลน 2 มิลลิกรัม
มีการอักเสบของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน กเกิดตามหลังคออักเสบเนื่องจากเชื้อ β-hemolytic streptococcus group A
เกิดภาวะหัวใจวายและลิ้นหัวใจมักถูกทำลาย
การพยาบาล
มีการติดเชื้อ β-hemolytic Streptococcus group A
ให้ยาแอสไพริน หรือ เพื่อลดการอักเสบของหัวใจ และลดไข้
ห้ยาเพรดนิโซโลน มีภาวะหัวใจวาย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ
ทำ tepid sponge
ให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
สังเกตและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
มีการติดเชื้อ β-hemolytic Streptococcus group A
ดูแลให้ผู้ป่วยได้พักข้อที่มีการอักเสบ
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
งเกตและบันทึกอาการอักเสบของข้อ
ดูแลให้ยาแอสไพริน ตามแผนการรักษา
กิดการกลับซ้ำของ rheumatic fever โดยมีการติดเชื้อ β-hemolytic Streptococcus group A
สุขวิทยาส่วนบุคคล (general hygiene)
ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น ที่มีอาการแสดงของการติดเชื้อ
แนะนำบิดามารดา แจ้งทันตแพทย์ หรือแพทย์ผ่าตัดเพื่อให้ได้ยาปฏิชีวนะป้องกันการเกิด IE
รักษาความสะอาดปากฟัน
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ข้อวินิจฉัย
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อเนื้อเยื่อของร่างกายขาดออกซิเจน
ผู้ป่วยมีความเครียดต่อการถูกจำกัดกิจกรรม
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ β-hemolytic Streptococcus group A ซ้ำ และมีการติดเชื้อเยื่อบุหัวใจ
บิดามารดาเกิดความวิตกกังวลต่อการเจ็บป่วยของบุตร
เกิดตามหลังไข้รูห์มาติค (rheumatic fever) ซึ่งมีการติดเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจ ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจวาย ตลอดจนลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบได้
กลุ่มอาการคาวาซากิ (Kawasaki Disease )
อาการ
การเปลี่ยนแปลงที่มือและเท้า จะบวม แดง บางรายเจ็บชัดเจนผิวหนังลอก โดยเริ่มลอกบริเวณรอบๆเล็บมือ เล็บเท้า อาจลามมาจนลอกทั้งฝ่ามือ เรียกว่า Beau Line
ตาแดง จะเป็นทั้ง 2 ข้าง มักเห็นภายใน 2 - 4 วันแรกนับจากเริ่มมีไข้
ไข้ ส่วนใหญ่จะเป็นไข้สูงเป็นพักๆ โดยช่วงที่ไข้ลดมัก
จะไม่ลดลงจนเป็นปกติ
ริมฝีปากแดงและแห้ง เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่วันแรกๆของโรค มีริมฝีปากแตก อาจมีเลือดออกด้วย
ไข้ ตาแดง ปากแดง การเปลี่ยนแปลงที่มือแดง เท้า ผื่น และต่อมน้ำเหลืองที่โต
มีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น มีเม็ดเลือดขาวที่อายุน้อยมากขึ้นด้วย เกล็ดเลือดสูงในสัปดาห์ที่ 2-3 เลือดจาง ESR และ C-reactive protein สูงขึ้น
การพยาบาล
ดูปฏิกิริยาข้างเคียงของยา เช่น แอสไพรินจะมีเลือดออกและกัด
กระเพาะอาหาร
ตวงและบันทึกน้ำดื่ม ปัสสาวะ ในรอบ 24 ชั่วโมง ระวังการขาดน้ำ
ดูอาการของหัวใจวาย ปัสสาวะลดลง
กระตุ้นให้ดื่มน้ำเพิ่ม ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ไม่ต้องห่มผ้า และเช็ดตัวสลดไข้ให้ในระยะเฉียบพลัน ควรวัดปรอททุก 4 ชั่วโมง
ป้องกันการขาดน้ำระยะเฉียบพลัน ดูแลความอยากอาหาร ถ้ามีหัวใจวาย มีบวม อาจให้อาหารลดเค็ม
วัดชีพจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะให้ gamma globulin ควรสังเกตดูปฏิกิริยาของการแพ้ ถ้าแพ้ให้หยุดทันที การมีไข้สูงและไม่ลดลงด้วยยา ให้การดูแลตามอาการ
ทำความสะอาดปาก ฟัน
ประเมินการไหลเวียนเลือดของแขนขา เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในระยะเฉียบพลัน
ระวังการติดเชื้อของผิวหนัง
ประเมินการทำงานของหัวใจและปอดและหลอดเลือดเกี่ยวกับการ
มีอาการของหัวใจอักเสบ
ลดความไม่สุขสบายลดอาการคัน ยาแอสไพรินที่ให้เพื่อลดการอักเสบ antiplatelet
จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ ให้เด็กบางรายที่กระสับกระส่ายได้พักผ่อนเพียงพอ
ลดความกลัวและวิตกกังวล เพราะมีผลต่อหัวใจได้ พยาบาลให้ข้อมูลกับเด็กว่าอาการจะสามารถดีขึ้นได้
ดูแลสุขภาพที่บ้าน ต้องดูแลเรื่องหัวใจและหลอดเลือดต่อไป อธิบายเรื่องยาที่ได้รับไปรับประทานต่อที่บ้านและดูปฏิกิริยาข้างเคียงของยา วัดปรอททุกวัน
มีการอักเสบของผนังหลอดเลือดแดงโคโรนารี่และหลอดเลือดแดงขนาดกลางอื่นๆ และมี Platelet thrombi อุดหลอดเลือดแดง
สาเหตุ
จากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ริกเก็จเชีย และอื่นๆที่กระตุ้นให้เด็กบางคนตอบสนองทางอิมมูนผิดปกติทำให้เกิดอาการขึ้น
การพยาบาลเด็กที่มีภาวะหัวใจวาย
อาการ
หัวใจซีกซ้ายวาย
หายใจเร็ว หายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม ฟังได้เสียง crepitation
หัวใจซีกขวาวาย
หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง หน้าบวม ตาบวม ตับโต บางรายอาจมีม้ามโต คลื่นไส้
การรักษา
Ianoxin
เพิ่มแรงในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ และทำให้หัวใจเต้นช้าลง อัตราการเต้นของหัวใจที่ลดลง ลดการคั่งของเลือดในหลอดเลือดฝอยที่ปอด
เพิ่มการขับปัสสาวะออกจากร่างกายมากขึ้น (diuresis) ทำให้ลดแรงต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลาย (afterload) หัวใจสามารถบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ง่าย
สาเหตุ
มีความดันในเวนตริเคิลสูงกว่าปกติเกิดจากการอุดกั้นของทางออกของเวนตริเคิล
ประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจลดลง
หัวใจทำงานมากขึ้น เนื่องจากมีปริมาณเลือดในหัวใจเพิ่มขึ้นมากเกิดจากมีการรั่วไหลของเลือด
กลุ่มที่มีการรั่วของลิ้นหัวใจ
กลุ่มที่มีเลือดไปปอดมากขึ้น
กลุ่มที่มีเลือดไหลลัดจากหัวใจซีกขวา
จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ส่งผลให้ปริมาณเลือดไหลออกจากหัวใจลดลง
การพยาบาล
มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากมีอัตราการเผาผลาญพลังงานสูงกว่าปกติ เป็นผลจากการทำหน้าที่ของหัวใจลดลง และการเพิ่มขึ้นของอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจ
สังเกตและบันทึกปริมาณนมหรืออาหารที่ผู้ป่วยได้รับ
ชั่งน้ำหนักเด็กทุกวัน
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่มีแคลอรี 100-120 แคลอรี/กิโลกรัม/วัน
ประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
มีโอกาสเกิดพัฒนาการล่าช้า
จัดให้เด็กมีโอกาสเล่นในช่วงสั้น ๆ
จัดหาของเล่นต่าง ๆ
ประเมินพัฒนาการของเด็ก
จัดให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์/พูดคุยกับเด็กอื่น ๆ
มีภาวะน้ำเกิน เนื่องจากมีการคั่งหรือการสะสมของน้ำในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักเกินไป
ดูแลให้ได้รับอาหารที่มีแคลอรีเพียงพอ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาขับปัสสาวะ
ติดตามและบันทึกปริมาณน้ำดื่มและปัสสาวะในรอบ 24 ชั่วโมง
ชั่งน้ำหนักทุกวันเพื่อทราบการเปลี่ยนแปลง
ประเมินอาการบวมว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง
มีโอกาสเกิดภาวะเป็นพิษจากดิจิตาลิส
สังเกตอาการของโพแทสเซียมต่ำ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาดิจิตาลิส จะต้องฟังอัตราของหัวใจหรือจับชีพจรให้ครบเต็มนาที
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะเป็นพิษจากดิจิตาลิส
สังเกตและบันทึกอัตราชีพจรและฟังเสียงหัวใจอย่างสม่ำเสมอ
ปริมาณเลือดไปเลี้ยงร่างกายต่อนาทีลดลง เป็นผลจากความผิดปกติของหัวใจหรือหลอดเลือด เช่น VSD,ASD,PDA
ให้ผู้ป่วยด้รับยาจำพวกดิจิตาลิสตามแผนการรักษา
ดูแลออกซิเจนตามแผนการรักษา
จำกัดกิจกรรมต่าง ๆ
สังเกตและบรรทุกสัญญาณชีพอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
จัดให้ผู้ป่วยนอนยกศีรษะสูง
ติดตามและบันทึกปริมาณน้ำดื่มและปัสสาวะในรอบ 24 ชั่วโมง
มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ เนื่องจากมีการคั่งของเลือดในปอด เนื้อที่ของปอดในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของปอดลดลง และผ่านต่อการติดเชื้อ และการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
ดูแลให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
สังเกตและบันทึกสัญญาณชีพอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลสิ่งแวดล้อมให้สะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก
ดูแลความสะอาดปากฟันผู้ป่วย
แลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่มีคุณค่าและแคลอรีอย่างเพียงพอ
กรณีที่ผู้ป่วยมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ควรดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือบุคคลอื่นที่มีการติดเชื้อ
นางสาวอติกานต์ ภูกองไชย เลขที่101
รหัส 62111301104