การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบหัวใจ
และหลอดเลือด
กลุ่มโรคหัวใจแต่กำเนิด (congenital heart disease)
กลุ่มโรคหัวใจที่เกิดภายหลัง (acquired heart disease)
โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดไม่เขียว
- กลุ่มที่มีการไหลลัดของเลือดจากหัวใจซีกซ้ายไปซีกขวา(left to right shunt)
Atrial septal defect (ASD)
Patent ductus arteriosus (PDA)
Ventricular septal defect (VSD)
- กลุ่มที่มีการอุดกั้นการไหลของเลือด (obstructivelesions)
Pulmonary stenosis (PS)
Coarctation of aorta (CoA)
Aortic stenosis (AS)
เนื่องจากมีการสร้างผนังกั้นเวนตริเคิล
(ventricular septum) ที่ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้เกิดทางติดต่อระหว่างเวนตริเคิลซ้ายและขวา
อาการและอาการแสดง
มีอาการเหนื่อยง่ายโดยเฉพาะเวลาดูดนม
มีเหงื่อออกมาก
ตัวเล็กหรือเลี้ยงไม่โต พัฒนาการอาจจะปกติหรือล่าช้า
ติดเชื้อในระบบหายใจได้บ่อย ๆ
เนื่องจากมีการสร้างผนังกั้นเอเตรียม ที่ไม่
สมบูรณ์
อาการและอาการแสดง ทั้งในเด็กเล็กและเด็กโต
มักจะไม่มีอาการ
แสดงหรืออาการที่ผิดปกติ
บางรายอาจจะมีการติดเชื้อในระบบหายใจ หรือมีการเจริญเติบโตช้า
อาการอ่อนเพลีย
เหนื่อยง่ายเวลาออกแรงหรือออกกำลังกาย
คือ
ซึ่งมีความผิดปกติ คือ หลอดเลือด ductus arteriosusยังเปิดอยู่ภายหลังเด็กเกิด
ทำให้เกิดการติดต่อระหว่างหลอดเลือดแดงพัลโมนารี
และหลอดเลือดเอออร์ต้าส่วนที่จะไปเลี้ยงร่างกายส่วนล่าง(descending aorta)
โดยทั่วไปหลอดเลือด ductus arteriosus จะ
ฝ่อแข็งกลายเป็นพังผืด (ligament)
ทำให้เกิดการปิดของหลอดเลือด ductus arteriosus ภายหลังเด็กเกิดได้ 1-4 สัปดาห์
สาเหตุ
- การเกิดก่อนกำหนด ทำให้หลอดเลือด ductus arteriosusในทารกที่เกิด
- ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งผลให้หลอดเลือด ductusarteriosus ยังเปิดอยู่หลังคลอด
- การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมันในช่วงการตั้ง
ครรภ์ 3 เดือนแรก
อาการและอาการแสดง
PDA ขนาดเล็กมักจะไม่มีอาการผิดปกติ
PDA ขนาดใหญ่
มักจะมาด้วยอาการของหัวใจซีกซ้ายวาย
โดยมีอาการหายใจเร็ว เหงื่อออกมากเวลาดูดนม เหนื่อยหอบ น้ำหนักขึ้นช้า
มีการตีบของลิ้นเอออร์ติค หรือมีการอุดกั้นของทางออกของเวนตริเคิลซ้ายทำให้เวนตริเคิลซ้ายบีบตัวส่งเลือดแดงผ่านลิ้นเอออร์ติคที่ตีบไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่สะดวกหรือได้น้อยลง
อาการและอาการแสดง
ในพวกที่ลิ้นตีบมากอาจจะมีอาการอ่อนเพลียง่ายเวลาเล่น
เจ็บหน้าอก
มีการตีบของลิ้นพัลโมนารี หรือมีการอุดกั้นของทางออกของเวนตริเคิลขวา ทำให้เวนตริเคิลขวาบีบตัวส่งเลือดดำผ่านลิ้นพัลโมนารีที่ตีบไปปอดได้ไม่สะดวกหรือได้น้อยลง
อาการและอาการแสดง
moderate PS และ severe PS ภาวะหัวใจวาย หรืออาการเขียวเล็กน้อย
มีอาการเหนื่อยง่าย หรือเจ็บแน่นหน้าอก และ
จะเป็นมากขึ้นเวลาออกกำลังกาย
บางรายอาจจะมีอาการเป็น
ลมหมดสติ
โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดไม่เขียวที่มีการคอดหรือการ
ตีบแคบที่หลอดเลือดเอออร์ต้าตรงบริเวณหลอดเลือดductus arteriosusมาเชื่อมกับหลอดเลือดเอออร์ต้า
ทำให้เลือดไหลจากหลอดเลือดเอออร์ต้าไปเลี้ยงร่างกายส่วนบนและลงสู่ส่วนที่ไปเลี้ยงร่างกายส่วนล่างได้ไม่สะดวก จึงพบว่า ความดันโลหิตของแขนสูงกว่าขา
อาการและอาการแสดง
หายใจแรงและเร็ว
เหนื่อยหอบ เหงื่อออกมาก
ดูดนมช้าเลี้ยงไม่โต
จะตรวจพบชีพจรที่ขาทั้ง 2 ข้างเบากว่า
โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดเขียว
- กลุ่มที่มีอาการเขียวที่มีเลือดไปปอดมาก อาการเขียว และมีภาวะหัวใจวาย
- กลุ่มที่มีอาการเขียวที่มีเลือดไปปอดน้อย อาจมีภาวะสมองขาดออกซิเจนอย่างเฉียบพลัน
Transposition of great arteries
Pulmonic atresia (PA) ลิ้นพัลโมนารี
Tricuspid atresia (TA) ลิ้นไตรคัสปิดตัน
Tetralogy of Fallot (TOF)
โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดเขียวที่มีเลือดไปปอดน้อยมีความผิดปกติ 4อย่าง
- ผนังระหว่างเวนตริเคิลมีรูรั่ว (VSD) ขนาดใหญ่
- ตำแหน่งของลิ้นเอออร์ติคเลื่อนไปทางด้านขวา (overridingaorta หรือ dextroposition of the aorta)
1.การตีบของลิ้นพัลโมนารี (pulmonic stenosis)
- มีการหนาตัวของเวนตริเคิลขวา (right ventricular hypertrophy)
อาการและอาการแสดง
1.อาการเขียวทั่วร่างกาย (central cyanosis) มีประวัตินั่ง
ยอง ๆ อาการเหนื่อยอาการเขียวมากขึ้นร่วมกับอาการหอบ
ลึก
- ภาวะหัวใจวาย มีปริมาณเลือดไหลลัดจากหัวใจซีกซ้าย
ไปซีกขวามาก จึงมีเลือดไปปอดมากขึ้น
โรคหัวใจรูห์มาติคrheumatic heart disease (RHD)
กลุ่มอาการคาวาซากิKawasaki disease (KD)
การติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจinfective endocarditis (IE)
การอักเสบซึ่งเกิดจากการติดเชื้อของเยื่อบุหัวใจชั้นในสุด หรือเยื่อบุผิวภายในหัวใจ หรือลิ้นหัวใจ หรือเนื้อเยื่อข้างเคียง นอกจากนี้อาจพบในลิ้นหัวใจเทียม ผนัง
หัวใจที่ผิดปกติ
อาการและอาการแสดง
เสียงฟู่ของหัวใจ (heart murmur)
การตายของสมอง
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย
ม้ามโต กดไม่เจ็บ อาจพบตับโต
มีไข้ ลักษณะไข้ต่ำ ๆ
ภาวะซีด
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะในขนาดสูงทางหลอดเลือดดำ
ควรติดตามเจาะเลือดส่งเพาะเชื้อในเลือดเป็นระยะ
ตรวจสอบหาแหล่งของการติดเชื้อที่ทำให้เกิด IE เช่น ฟัน ทางเดินปัสสาวะ
การป้องกัน
เป็นการให้ยาปฏิชีวนะก่อนและหรือหลังการทำหัตถการที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสโลหิตเพิ่มขึ้น
เช่น
การให้สารน้ำทางหลอดดำ
การใส่สายสวนปัสสาวะ
การะเจาะ
เลือด
การตัดต่อม
ทอนซิล
การทำฟัน
การพยาบาล
- ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ESR สูง เม็ดเลือดขาวสูง ปัสสาวะมีเลือดปน
- การตรวจร่างกาย ตรวจร่างกายพบเสียงฟู่ของหัวใจ
- การประเมินภาวะจิตสังคม
- การซักประวัติ ควรซักประวัติเกี่ยวกับแหล่งของการติดเชื้อ อาการและอาการแสดง
เช่น มีไข้ต่ำ ๆ เป็นช่วง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร ความรู้สึกไม่สบาย
การติดเชื้อที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพของอวัยวะต่าง ๆได้ โดยเฉพาะทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจ
ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจ
วาย ตลอดจนลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบได้
ไข้รูห์มาติค หมายถึง
โรคที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น
หัวใจ เนื้อเยื่อของข้อ สมอง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และผิวหนัง
เป็นผลจาก
autoimmune reaction
มักเกิดตามหลังคออักเสบเนื่องจากเชื้อ
β-hemolytic streptococcus group A โรคนี้อาจ
ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายและลิ้นหัวใจมักถูกทำลาย
อาการและอาการแสดง
- major criteria
- minor criteria
chorea หรือ sydenham’s chorea
subcutaneous nodules
polyarthritis
erythema marginatum
Carditis
polyarthralgia มีอาการปวดข้อโดยไม่มีอาการอักเสบ
เลือดกำเดาไหล
มีไข้ต่ำ ๆ
ปวดท้อง รู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหงื่อออกมาก เจ็บหน้าอกซีดและน้ำหนักลด
มีประวัติเคยเป็นไข้รูห์มาติค
การรักษา
- ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย ให้การรักษาโดยให้ยา digitalis เช่น digoxinยาขับปัสสาวะ ยาลด afterload
- ให้ยาสำหรับต้านการอักเสบของหัวใจและข้อ ได้แก่ salicylate และ steroid
- ให้นอนพัก โดยทั่วไปผู้ป่วยที่มี carditis และอาการหัวใจวาย ให้พักจนกว่าจะควบคุมภาวะหัวใจวายได้ ต่อมาค่อย ๆ เพิ่มการเคลื่อนไหวมากขึ้นในเวลา 3 เดือน
- ให้ยาปฏิชีวนะสำหรับกำจัดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสกลุ่มเอ
ผู้ป่วยที่มี carditis ที่มีหัวใจโตหรือมีอาการหัวใจวาย ควรให้ยาเพรดนิโซโลน2 มิลลิกรัม
ผู้ป่วยที่มี arthritis carditis ที่ไม่มีหัวใจโต ให้ยา salicylates
ได้แก่ ยาขยายหลอดเลือดแดง รวมทั้งยา กลุ่ม
angiotensin converting enzme inhibitor
การพยาบาล
- การตรวจร่างกาย มีไข้ carditis, polyarthritis, chorea, erythemamarginatum, subcutaneous nodule
- การประเมินภาวะจิตสังคม ความกังวลเกี่ยวกับอาการปวดข้อ หรืออาการหัวใจเต้นเร็ว
- การซักประวัติ ติดเชื้อในระบบหายใจ เช่น เป็นหวัด เจ็บคอ
- ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
antistreptolysin O (ASO) unit
ค่า ESR สูง
ภาพถ่ายรังสีทรวงอก พบหัวใจโตกว่าปกติและมีลักษณะการคั่งของเลือดในปอด
ภาพถ่ายรังสีของข้อ จะพบมีน้ำในข้อ
throat swab culture ให้ผลบวก
การตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจความถี่สูง มีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ
สาเหตุ
จากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ริกเก็จเชีย และอื่นๆ
ที่กระตุ้นให้เด็กบางคนตอบสนองทางอิมมูนผิดปกติทำให้เกิดอาการขึ้น
อาการและอาการแสดง
ตาแดง
ปากแดง
ไข้
การเปลี่ยนแปลงที่มือแดง เท้า ผื่น
และต่อมน้ำเหลืองที่โต
ส่วนใหญ่จะเป็นไข้สูงเป็นพักๆ โดยช่วงที่ไข้ลดมัก
จะไม่ลดลงจนเป็นปกติ ตามเกณฑ์การวินิจฉัยโดยทั่วไป
ใช้เวลามีไข้ 5 วัน
แต่ในรายที่มีความผิดปกติของ
หลอดเลือดแดง Coronary
ถ้าไม่ได้การรักษาที่เหมาะสม ไข้
จะอยู่นานหลายสัปดาห์
เป็นลักษณะที่ไม่ค่อยเห็น
ในโรคอื่นๆ มือ เท้า จะบวม แดง
ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีไข้
จะเห็นผิวหนังลอก
โดยเริ่มลอกบริเวณรอบๆเล็บมือ เล็บเท้า
อาจลามมาจนลอกทั้งฝ่ามือ ฝ่าเท้า ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์
หลังจากเริ่มมีไข้อาจเห็นรอยขีดเล็กๆตามแนวขวางของเล็บที่เรียกว่า Beau Line
การพยาบาล
จะเป็นทั้ง 2 ข้าง มักเห็นภายใน 2 - 4 วันแรก
นับจากเริ่มมีไข้
ลิ้นจะแดงและมี prominent papillae ที่เรียก
ว่า “Strawberry tongue”
1.ประเมินการทำงานของหัวใจและปอดและหลอดเลือดเกี่ยวกับการมีอาการของหัวใจอักเสบ
2.ประเมินการไหลเวียนเลือดของแขนขา เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเฉียบพลัน
- วัดชีพจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะให้ gamma globulin ควรสังเกตดูปฏิกิริยาของการแพ้
ถ้าแพ้ให้หยุดทันที การมีไข้สูงและไม่ลดลงด้วยยา
ให้การดูแลตามอาการ กระตุ้นให้ดื่มน้ำเพิ่ม ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ไม่ต้องห่มผ้า
เช็ดตัวสลดไข้ให้ในระยะเฉียบพลัน ควรวัดปรอททุก 4 ชั่วโมง
ดูจังหวะการเต้นของชีพจรอาจผิดปกติ
- ดูปฏิกิริยาข้างเคียงของยา เช่น แอสไพรินจะมีเลือดออกและกัดกระเพาะอาหาร
- ตวงและบันทึกน้ำดื่ม ปัสสาวะ ในรอบ 24 ชั่วโมง ระวังการขาดน้ำดูอาการของหัวใจวาย ปัสสาวะลดลง
- อาหารไม่เพียงพอทั้งทางปากและหลอดเลือดดำ ป้องกันการขาดน้ำระยะเฉียบพลัน ดูแลความอยากอาหาร จัดอาหารให้น่ารับประทาน
- ชั่งน้ำหนักทุกวัน ดูอาการบวมของภาวะหัวใจวาย
- ระวังการติดเชื้อของผิวหนัง ผิวหนังจะเป็นผื่นหรือบวม ควรรักษาความสะอาด ไม่อับชื้น ไม่มีสิ่งรบกวนจากเสื้อผ้าทั้งหลาย ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ร้อน
- จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ ให้เด็กบางรายที่กระสับกระส่ายได้พักผ่อนเพียงพอ
- ลดความไม่สุขสบาย มือและเท้าบวมจะเจ็บปวดเนื่องจากแรงกดบนเนื้อเยื่อโดยสารคัดหลั่งของการอักเสบ
- ลดความกลัวและวิตกกังวล เพราะมีผลต่อหัวใจได้ พยาบาลให้ข้อมูลกับเด็กว่าอาการจะสามารถดีขึ้นได้
12.การดูแลสุขภาพที่บ้าน ต้องดูแลเรื่องหัวใจและหลอดเลือดต่อไป
น.ส.มานิตตาแสงจันทร์ 62111301072 เลขที่ 69 ปี 2 รุ่น 37