Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคเอดส์ AIDS - Coggle Diagram
โรคเอดส์ AIDS
ภาวะแทรกซ้อน
- วัณโรค ผู้ป่วยโรคเอดส์มีโอกาสป่วยด้วยวัณโรค
2.โรคคริปโตค็อกคัสในระบบประสาท เป็นการติดเชื้อราที่มำให้เยื่อหุ้มบริเวณสมองและไขสันหลังเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
-
4.อุจจาระร่วงจากโปรโตซัว โปรโตซัวเป็นปรสิตเซลล์เดียวที่รบกวนระบบทางเดินอาหารทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงได้
5.เริม โรคผิวหนังที่เกิดการอักเสบบริเวณปากหรืออวัยวะเพศจากการติดเชือไวรัส อาจเกิดแผลอักเสบรุนแรงขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันที่บกพร่องในภาวะเอดส์
-
-
8.การติดเชื้อไซโตเมกาโลไวรัส ทำให้มีอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับดวงตา จนนำไปสู่การตาบอด เกิดเป็นแผลหนองอักเสบและอาการท้องร่วงรุนแรงได้ด้วย
- โรคมะเร็ง เช่นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอบวม ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อเอสไอวี จนเกิดเป็นเซลล์มะเร็งลามไปทั่วต่อมน้ำเหลือง ทั้งบริเวณลำคอ รักแร้หรือตามข้อพับต่างๆ นอกจากนี้ในบางรายอาจเป็นมะเร็งหลอดเลือดคาโปซี ที่เกิดเซลล์เนื้อร้ายก่อตัวขึ้นในเนื้อเยื่อผนังหลอดเลือด เกิดเป็นบาดแผลสีแดงหรือสีม่วงตามผิวหนัง
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์กับคนที่สงสัยว่าเป็นเอดส์ทั้งหญิงและชาย
-
-
-
-
-
7.ตรวจเลือดเมื่อตั้งครรภ์ หากผู้ที่ตั้งครรภ์ติดเชื้อเอสไอวี ควรไปพบแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาและลดโอกาสไม่ให้ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงในการติดเชื้อจากผู้เป็นแม่
8.หากเป็นผู้ที่มีเชื้อเอสไอวี อยู่ในร่างกายต้องรับประทานยาอย่างถูกต้อง ตรงเวลาอย่างต่อเนื่องทุกวันตามที่แพทย์กำหนด ตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อและควบคุมไม่ให้เกิดอาการป่วยร้ายแรงขึ้นได้รวมทั้งระมัดระวังตนเองไม่ให้แพร่กระจายเชื้อไปให้ผู้อื่น
สาเหตุ
-
-
-
ความหมาย
เอดส์ หรือ กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม (acquired immunodeficiency syndrome - AIDS)เป็นโรคของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus, HIV) ทำให้ผู้ป่วยมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและการเกิดเนื้องอกบางชนิด เชื้อไวรัสเอชไอวีติดต่อผ่านทางการสัมผัสของเยื่อเมือกหรือการสัมผัสสารคัดหลั่งซึ่งมีเชื้อ เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นในช่องคลอด น้ำหลั่งก่อนการหลั่งอสุจิ และนมมารดา อาจติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด หรือทวารหนัก หรือช่องปาก, การรับเลือด, การใช้เข็มฉีดยาที่ปนเปื้อน, ติดต่อจากแม่สู่ลูกขณะตั้งครรภ์ คลอด ให้นม หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆ ดังกล่าว
พยาธิสรีวิทยา
เชื้อเอสไอวีเป็นเชื้อวรัสในกลุ่ม Lentivirus ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของกลุ่มไวรัส Retrovirus ไวรัสกลุ่มนี้ขึ้นชื่อในด้านการมีระยะแฝงนาน การทำให้มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือดนาน การติดเชื้อในระบบประสาทและการทำให้ภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้ออ่อ่นแอลง เชื้อเอสไอวีมีความจำเพาะต่อเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 T lymphocyte และ Monocyte สูงมาก โดยจะจับกับเซลล์ CD4 และฝังตัวเข้าไปภายใน เชื้อเอสไอวีจะเพิ่มจำนวนโดยสร้างสายดีเอ็นเอโดยเอนไซม์ reverse transcryptase หลังจากนั้นสายดีเอ็นเอของไวรัสจะแทรกเข้าไปในสายดีเอ็นเอของผู้ติดเชื้ออย่างถาวร และสามารถเพิ่มจำนวนต่อไปได้
อาการและการรักษา
-
การวินิจฉัยโรค
วินิจฉัยได้จากประวัติ เช่น ประวัติรักร่วมเพศการติดยาเสพติด การถ่ายเลือด ตรวจน้ำเหลืองจะพบแอนติบอดีต่อเชื้อ เอส ไอ วี ตรวจเม็ดเลือดขาวจะพบ ที-เฮลเปอร์(T-Helper) ลดลงและสัดส่วนของ ทีเฮลเปอร์ต่อที-ซัพเพรสเซอร์(T-suppressor) ลดลงต่ำกว่า
การรักษา
ในการรักษาเอดส์นั้น ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีการรักษาใดที่กำจัดเชื้อเอสไอวีให้หมดไปได้ แต่มียาที่จะช่วยชะลอการพัฒนาของโรค คือยาต้านเอสไอวี หรือยาต้านรีโทรไวรัส(Antiretrovirals:ARVs)ซึ่งแพทย์จะจ่ายยาภายใต้การพิจารณาการตอบสนองต่อยาแต่ละชนิดและจะจ่ายยารักษาทันทีเมื่อปริมาณของ CD4 อยู่ที่ระดับ 350 เซลล์/ลูกบาศก์เมตร หรือต่ำกว่า