Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจแต่กำเนิด (congenital heart disease)
ชนิดไม่เขียว
กลุ่มที่มีการไหลลัดของเลือดจากหัวใจซีกซ้ายไปซีกขวา (left to right shunt)
Ventricular septal defect (VSD)
มีรูรั่วที่บริเวณผนังกั้นระหว่าง Ventricular ซ้ายและขวา
อาการและอาการแสดง
มีอาการเหนื่อยง่ายเวลาดูดนม
มีเหงื่อออกมาก
ตัวเล็กหรือเลี้ยงไม่โต พัฒนาการอาจจะปกติหรือล่าช้า
ติดเชื้อในระบบหายใจได้บ่อย ๆ
มีการไหลกลับของเลือดแทนที่จะไปปอด เลือดจาก RV ไป LV
Atrial septal defect (ASD)
มีรูรั่วที่บริเวณผนังกั้นระหว่างเอเตรียม
อาการและอาการแสดง
มีการติดเชื้อในระบบหายใจ
มีการเจริญเติบโตช้า
อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเวลาออกแรงหรือออกกำลังกาย
Patent ductus arteriosus (PDA)
หลอดเลือด ductus arteriosus เปิดอยู่ ทำให้มีรูรั่วระหว่าง Pulmonary และ Aorta ส่วน descending aorta
สาเหตุ
การเกิดก่อนกำหนด
ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ
ติดเชื้อ
อาการและอาการแสดง
ขนาดเล็กมักจะไม่มีอาการผิดปกติ
ขนาดใหญ่ หัวใจซีกซ้ายวาย
หายใจเร็ว เหงื่อออกมากเวลาดูดนม
เหนื่อยหอบ น้ำหนักขึ้นช้า
กลุ่มที่มีการอุดกั้นการไหลของเลือด (obstructive lesions)
Aortic stenosis (AS)
มีการตีบของลิ้นเอออร์ติค หรือมีการอุดกั้นของทางออกของเวนตริเคิลซ้าย
อาการและอาการแสดง
มีอาการอ่อนเพลียง่ายเวลาเล่น เจ็บหน้าอก
Pulmonary stenosis (PS)
มีการตีบของลิ้นพัลโมนารี หรือมีการอุดกั้นของทางออกของเวนตริเคิลขวา
อาการและอาการแสดง
moderate PS และ severe PS ภาวะหัวใจวาย หรืออาการเขียวเล็กน้อย
มีอาการเหนื่อยง่าย หรือเจ็บแน่นหน้าอก เป็นมากขึ้นเวลาออกกำลังกาย บางรายอาจจะมีอาการเป็นลมหมดสติ
Coarctation of aorta (CoA)
มีการคอดหรือการตีบแคบที่หลอดเลือดเอออร์ต้าตรงบริเวณหลอดเลือด ductus arteriosus ทำให้ BP แขน > ขา
อาการและอาการแสดง
หายใจแรงและเร็ว เหนื่อยหอบ เหงื่อออกมาก ดูดนมช้า เลี้ยงไม่โต
ตรวจพบชีพจรที่ขาทั้ง 2 ข้างเบากว่า
การพยาบาล
ผู้ป่วยอาจมีอาการเป็นลมหมดสติ เนื่องจากสมองได้รับออกซิเจนไม่
เพียงพอ จากการที่มีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
กิจกรรมการพยาบาล
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเป็นลม ให้การดูแล
จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายราบ และยกปลายเท้าให้สูงกว่า
ปลดเสื้อผ้าให้หลวมเพื่อให้ปอดขยายตัว
สังเกตและบันทึกชีพจร และความดันเลือด
แนะนำผู้ป่วยให้จำกัดกิจกรรมที่ต้องออกแรง
สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
การประเมินภาวะสุขภาพ
การตรวจร่างกาย
อาการเขียว หรือสีผิวเขียวคล้ำ
หายใจเร็ว (tachypnea), หายใจลำบาก (dyspnea), หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia)
การประเมินภาวะจิตสังคม
บิดามารดาหรือผู้ป่วยโรคหัวใจที่เป็นเด็กโตมักจะวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย
การซักประวัติ
ดูดนมแล้วเหนื่อย ต้องหยุดเป็นช่วง ๆ มีหายใจแรง เหงื่ออกมาก กระสับกระส่าย มีอาการเขียวตามปลายมือ ปลายเท้า
ชนิดเขียว
กลุ่มที่มีอาการเขียวที่มีเลือดไปปอดน้อย
Tetralogy of Fallot (TOF)
ความผิดปกติ
การตีบของลิ้นพัลโมนารี (pulmonic stenosis)
ตำแหน่งของลิ้นเอออร์ติคเลื่อนไปทางด้านขวา (overriding aorta)
ผนังระหว่างเวนตริเคิลมีรูรั่ว (VSD) ขนาดใหญ่
มีการหนาตัวของเวนตริเคิลขวา (right ventricular hypertrophy)
อาการและอาการแสดง
อาการเขียวทั่วร่างกาย (central cyanosis)
ภาวะหัวใจวาย
Tricuspid atresia (TA) ลิ้นไตรคัสปิดตัน
Pulmonic atresia (PA) ลิ้นพัลโมนารี
กลุ่มที่มีอาการเขียวที่มีเลือดไปปอดมาก
Transposition of great arteries(TGA)
ความผิดปกติ
มีการสลับที่กันของหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ออกจากหัวใจ คือ เอออร์ต้าและหลอดเลือดแดงพัลโมนารี
อาการและอาการแสดง
เขียวมากตั้งแต่แรกเกิด ภายใน 2-3 วันแรกหลังเกิด
หอบเหนื่อย อาการของหัวใจวาย
การพยาบาล
ผู้ป่วยมีภาวะสมองขาดออกซิเจนอย่างเฉียบพลัน เนื่องจาก
สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ผู้ป่วยสงบโดยเร็วที่สุด
จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าเข่าชิดอก
ดูแลให้ออกซิเจน
ติดตามค่าความเข้มข้นของออกซิเจน
ดูแลให้ยาที่ทำให้ผู้ป่วยสงบตามแผนการรักษา เช่น chloral hydrate
ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
โรคหัวใจที่เกิดภายหลัง (acquired heart disease)
rheumatic heart disease (RHD)
ไข้รูห์มาติค (rheumatic fever)
มีการอักเสบของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น หัวใจ เป็นผลจาก autoimmune reaction
เกิดตามหลังคออักเสบเนื่องจากเชื้อ β-hemolytic streptococcus group A ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายและลิ้นหัวใจมักถูกทำลาย
อาการและอาการแสดง
. 1. major criteria
Carditis , polyarthritis
chorea หรือ sydenham’s chorea
subcutaneous nodules , erythema marginatum
minor criteria
มีไข้ต่ำ ๆ
polyarthralgia มีอาการปวดข้อโดยไม่มีอาการอักเสบ
เลือดกำเดาไหล
ปวดท้อง รู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหงื่อออกมาก เจ็บหน้าอกซีด และน้ำหนักลด
มีประวัติเคยเป็นไข้รูห์มาติค
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
กระเพาะเชื้อจากบริเวณคอ (thoat swab culture)
antistreptolysin O (ASO) ค่า ASO ในเลือดจะสูงขึ้น
การวินิจฉัยโรค
Jone’s criteria ได้แก่
1 major criteria และ 2 minor criteria
2 major criteria
การรักษา
ให้ยาสำหรับต้านการอักเสบของหัวใจและข้อ ได้แก่ salicylate และ steroid
2.1 ผู้ป่วยที่มี arthritis carditis ที่ไม่มีหัวใจโต ให้ยา salicylates
2.2 ผู้ป่วยที่มี carditis ที่มีหัวใจโตหรือมีอาการหัวใจวาย ควรให้ยาเพรดนิโซโลน 2 มิลลิกรัม
ให้นอนพัก โดยทั่วไปผู้ป่วยที่มี carditis และอาการหัวใจวาย ให้พักจนกว่าจะควบคุมภาวะหัวใจวายได้ ต่อมาค่อย ๆ เพิ่มการเคลื่อนไหวมากขึ้นในเวลา 3 เดือน
ให้ยาปฏิชีวนะสำหรับกำจัดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสกลุ่มเอ
ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย ให้การรักษาโดยให้ยา digitalis เช่น digoxin ยาขับปัสสาวะ
การพยาบาล
มีการอักเสบของข้อ เนื่องจากมีการติดเชื้อ β-hemolytic Streptococcus group A
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ผู้ป่วยได้พักข้อที่มีการอักเสบ
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ควรระวังอุบัติเหตุ
สังเกตและบันทึกอาการอักเสบของข้อ เช่น บวม แดง ร้อน ปวดหรือกดเจ็บ
ดูแลให้ยาแอสไพริน ตามแผนการรักษาเพื่อลดการอักเสบของข้อ
ทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจ ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจวาย ตลอดจนลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบได้
เกิดตามหลังไข้รูห์มาติค (rheumatic fever)
Kawasaki disease (KD)
สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ริกเก็จเชีย และอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เด็กบางคนตอบสนองทางอิมมูนผิดปกติ ทำให้เกิดอาการขึ้น
พยาธิสรีรวิทยา
มีการอักเสบของผนังหลอดเลือดแดงโคโรนารี่และหลอดเลือดแดงขนาดกลางอื่นๆ และมี Platelet thrombi อุดหลอดเลือดแดง
อาการและอาการแสดง
ไข้ ตาแดง ปากแดง การเปลี่ยนแปลงที่มือแดง เท้า ผื่น และต่อมน้ำเหลืองที่โต
การพยาบาล
ประเมินการทำงานของหัวใจและปอดและหลอดเลือด
ประเมินการไหลเวียนเลือดของแขนขา
วัดชีพจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะให้ gamma globulin ควรสังเกตดูปฏิกิริยาของการแพ้
ดูปฏิกิริยาข้างเคียงของยา เช่น แอสไพรินจะมีเลือดออกและกัดกระเพาะอาหาร
ตวงและบันทึกน้ำดื่ม ปัสสาวะ ในรอบ 24 ชั่วโมง
ป้องกันการขาดน้ำระยะเฉียบพลัน ดูแลความอยากอาหาร จัดอาหารให้น่ารับประทาน
ชั่งน้ำหนักทุกวัน ดูอาการบวมของภาวะหัวใจวาย
ทำความสะอาดปาก ฟัน ปากแตกแห้ง ระวังการติดเชื้อของผิวหนัง
infective endocarditis (IE)
การติดเชื้อของเยื่อบุหัวใจชั้นในสุด
สาเหตุ
แบคทีเรีย เชื้อรา ริคเกทเซีย (rickettsia) หรือไวรัส
มีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ Streptococcus viridans, Staphylococcus aureus
ระบาดวิทยา
กลุ่มโรคหัวใจแต่กำเนิดทั้งชนิดที่มีอาการเขียวและไม่เขียว
กลุ่มเด็กโรคหัวใจที่ได้รับการผ่าตัด
กลุ่มโรคหัวใจที่เกิดภายหลัง เช่น โรคหัวใจรูห์มาติค
กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น การทำฟัน การใส่สายสวนปัสสาวะ
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย
เสียงฟู่ของหัวใจ (heart murmur)
มีไข้ ลักษณะไข้ต่ำ ๆ
ม้ามโต กดไม่เจ็บ อาจพบตับโตและภาวะซีด
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะในขนาดสูงทางหลอดเลือดดำ
ตรวจสอบหาแหล่งของการติดเชื้อที่ทำให้เกิด IE เช่น ฟัน ทางเดินปัสสาวะ
ควรติดตามเจาะเลือดส่งเพาะเชื้อในเลือดเป็นระยะ ๆ
การป้องกัน
ให้ยาปฏิชีวนะก่อนและหรือหลังการทำหัตถการ
การพยาบาล
มีการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ เช่น ที่ลิ้นหัวใจต่าง ๆ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบห้าหมู่โดยเป็นอาหารที่อ่อน ย่อยง่าย และให้มีช่วงพักระหว่างรับประทานอาหารด้วย
สังเกตอาการข้างเคียงของยาปฏิชีวนะ และอาการข้างเคียงของโรค
จัดกิจกรรมการเล่นต่าง ๆ และติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ค่า ESR จำนวนเม็ดเลือดขาว
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้ผู้ป่วยได้นอนพักผ่อน เพื่อลดการทำงานของหัวใจ
สังเกตอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำแก่ผู้ป่วยตามแผนการรักษา
ภาวะหัวใจวาย
สาเหตุ
ความผิดปกติของหัวใจ
1.3 กลุ่มที่มีเลือดไปปอดมากขึ้น
1.1 กลุ่มที่มีเลือดไหลลัดจากหัวใจซีกขวา
ปริมาณเลือดในหัวใจเพิ่มขึ้นมากเกิดจากมีการรั่วไหลของเลือด ทำให้มีปริมาณเลือดในเวนตริเคิลมากขึ้น
1.2 กลุ่มที่มีการรั่วของลิ้นหัวใจ
ความผิดปกติของหัวใจที่ทำให้หัวใจทำงานมากขึ้น
มีความดันในเวนตริเคิลสูงกว่าปกติเกิดจากการอุดกั้นของทางออกของเวนตริเคิล
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ
ประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจลดลง
จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
ปริมาณเลือดไหลออกจากหัวใจลดลง
อาการและอาการแสดง
อาการของหัวใจซีกซ้ายวาย
หายใจเร็ว ปีกจมูกบาน หายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม และมีการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ
มีเลือดปน และฟังได้เสียง crepitation เนื่องจากมี pulmonary congestion
อาการของหัวใจซีกขวาวาย
หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง หน้าบวม ตาบวม ตับโต ม้ามโต
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง แน่นอึดอัดท้อง แขนขาเย็น บวม
การรักษา
Ianoxin
เพิ่มการขับปัสสาวะออกจากร่างกายมากขึ้น (diuresis) ทำให้ลดแรงต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลาย (afterload)
เพิ่มแรงในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ และทำให้หัวใจเต้นช้าลง
เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปตามระบบไหลเวียนเลือดเพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย