Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด(TOF) - Coggle Diagram
การพยาบาลเด็กที่มีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด(TOF)
สาเหตุของ(TOF)
ส่วนใหญ่มักไม่ทราบสาเหตุ ส่วนน้อยอาจเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อไวรัสในมารดาเช่น เชื้อหัดเยอรมัน หรือมารดาได้รับแอลกอฮอล์ สิ่งเสพติด ยาบางชนิดในขณะตั้งครรภ์ บางรายอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมในครรภ์ เช่นมารดาเป็นเบาหวาน หรือ โรคลูปัส
ปัญหาต่างๆ ที่อาจพบได้ในผู้ป่วย(TOF)
อาการทางสมอง เนื่องจากภาวะเขียว
เนื่องจากภาวะเขียว ทำให้มี การสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น เกิดภาวะเลือดข้น (polycythemia) เกิดการอุดตันหลอดเลือดในสมองได้ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปีในรายที่มีฟันผุ หรือมีแหล่งเชื้อโรคในร่างกาย เชื้อโรคจะผ่านเข้าไปใน กระแสเลือด และไปสู่สมอง ทำให้เกิดเป็นฝีในสมองใน ง่าย ซึ่งมักพบในเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป เด็กจะมี อาการไข้ปวดศีรษะ อาเจียน แขนและขาอ่อนแรง
การติดเชื้อที่หัวใจ
เมื่อมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นใน ร่างกาย เช่น เป็นหนอง ฝีหรือ ฟันผุ เชื้อโรคจะเข้าสู่กระแสเลือดเข้าไปเกาะติดอยู่ในบริเวณที่มีการไหลเวียน ผิดปกติในหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น เด็กจะมีอาการไข้เรื้อรัง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เป็นต้น
อาการเขียว หรืออาการเขียวมากขึ้นจนเป็นลม หมดสติ (hypoxic spell)
เกิดจากการที่มีออกซิเจนใน เลือดแดงต่ำกว่าปกติจะพบในเด็กที่เป็นโรคหัวใจพิการ แต่กำเนิดชนิดเขียว สังเกตอาการเขียวได้จาก ริมฝีปาก ลิ้น เล็บมือเล็บเท้า บางรายมีอาการเขียวเพิ่มขึ้นจากเดิม อย่างรวดเร็ว หายใจหอบลึกตัวอ่อนปวกเปียกและอาจ เป็นลมหมดสติ
ความดันเลือดที่ปอดสูง
ในเด็กโรคหัวใจที่มี ปริมาณเลือดไปปอดมากกว่าปกติและเป็นเวลานานจะ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังของหลอดเลือดในปอดโดยมี การหนาตัวขึ้น และมีความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้ความ ดันเลือดในปอดสูงอย่างถาวร เด็กจะมีอาการเขียว และ จะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆไอเป็นเลือดเจ็บหน้าอก หัวใจเต้น ไม่สม่ำเสมอ หอบเหนื่อย และเป็นลมหมดสติได้
อาการเหนื่อยง่ายหรือหัวใจวาย
เด็กโรคหัวใจ ที่มีความผิดปกติมากจะมีอาการเหนื่อยหอบโดยสังเกต ได้จาก หายใจเร็วจมูกบาน หน้าอกบุ๋ม หรือชายโครงบุ๋ม ในเด็กเล็กขณะดูดนม จะต้องหยุดพักเหนื่อย ใช้เวลาดูด นมนาน ในเด็กโตจะเล่นและเหนื่อยง่ายกว่าเพื่อนๆ ซึ่ง เป็นภาวะหัวใจวาย
หัวใจเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ
เลี้ยงไม่โต หรือเจริญเติบโตช้า
โดยเฉพาะในราย ที่มีความหัวใจผิดปกติรุนแรง เนื่องจากหัวใจต้องทำงาน หนัก และเด็กมีอาการเหนื่อยหอบ ร่างกายจึงต้องการ พลังงานมากกว่าปกตินอกจากนี้ยังทำให้กินได้น้อย อาการจะมากยิ่งขึ้นเมื่อเจ็บป่วย
การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ
อาการและอาการแสดงของ(TOF)
หายใจเร็วกว่าปกติ
ถ้าเด็กตัวเขียวแล้วเด็กอาจนั่งยองๆ (ซึ่งท่านี้จะเหนื่อยน้อยลง)
ปลายมือปลายเท้าเขียวและปากเขียวโดยเฉพาะขณะร้องไห้ หรือดูดนม
เจริญเติบโตช้ากว่าปกติ
เด็กดูดนมได้ไม่ดี
ความหมายของ(TOF)
เป็นโรคหัวใจชนิดที่มีอาการเขียวที่มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ หรือมารดาเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด จะทำให้บุตรเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดร้อยละ 3-4พิการแต่กำเนิด โรคนี้ได้รับการอธิบายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1672 โดย Niel Stensen.เมื่อปี ค.ศ. 1773 โดย Edward Sandifort, และเมื่อปี ค.ศ. 1888 โดยแพทย์ชาวฝรั่งเศส Etienne-Louis Arthur Fallot ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรคนี้
การวินิจฉัยของ(TOF)
การตรวจพิเศษ
EKG
จะพบ right axis deviation และจะพบลักษณะ RV hypertrophy เช่น R over S (or tall R) in right precordial leads (V1, V2), deep S in V6
CXR
มักพบลักษณะ uptern apex หรือ “boot shaped” heart จากการที่มี RV hypertrophy และพบลักษณะ concave pulmonary artery (PA) segment เนื่องจาก RVOT obstruction และมักมี associated PA hypoplasia and small PA branches นอกจากนี้ส่วนของ pulmonary blood flow จะพบว่าลดลง (decreased pulmonary blood flow) สังเกตจาก pulmonary vasculature จะไม่ถึง 2/3 ของ thoracic cage
Computed tomography or cardiac magnetic resonance
เป็นทางเลือกในการตรวจเพิ่มเติม ในกรณี echocardiogram ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ชัดเจน
Cardiac catherization
เป็นทางเลือกในการตรวจเพิ่มเติมเช่นกัน ร่วมกับสามารถทำหัตถการในการรักษาคือ Percutaneous balloon pulmonic valvuloplasty เพื่อช่วยลดอาการเขียวในผู้ป่วยที่มี severe RVOT obstruction โดยที่มีส่วนของ valvular stenosis ร่วมด้วย หรือเตรียมผู้ป่วยก่อนการผ่าตัดรักษาเพื่อให้ pulmonic valve Z score เพิ่มขึ้นเพื่อจะสามารถผ่าตัดแก้ไขโดยใช้ technique pulmonic valve sparing ได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดในระยะยาว
Echocardiogram
เป็น gold standard ในการยืนยันการวินิจฉัย ประเมิน associated cardiac anomalies และช่วยวางแผนการรักษา
การตรวจร่างกาย
ตรวจจากการสังเกต level of consciousness
ประเมิน general appearance ว่ามี dysmorphic feature ร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากบางส่วนอาจมีความผิดปกติทางด้านพันธุกรมมซึ่งอาจส่งผลต่อ prognosis และอาจมีความผิดปกติในระบบอื่นๆร่วมด้วย เช่น Down syndrome หรือ Digeorge syndrome.
วัด oxygen saturation สังเกตที่ตำแหน่งเล็บ ปลายมือปลายเท้า ลิ้นและตา เพื่อประเมิน cyanosis และมี clubbing of fingers หรือไม่
สังเกต level of consciousness ว่า alert ดีหรือซึมหรือไม่
ตรวจร่างกายระบบหลอดเลือดและหัวใจ
อาจตรวจพบ parasternal heave เมื่อฟัง heart sound จะพบ normal S1 แต่มี single S2 จากการที่เสียงส่วนของ pulmonic component เบาหรือไม่ได้ยิน นอกจากนี้จะพบ systolic ejection murmur ที่ตำแหน่ง left upper parasternal boarder ซึ่งเป็นเสียงที่บ่งถึง RVOT obstruction ไม่ใช่ VSD เนื่องจาก VSD ที่พบใน TOF เป็น large VSD ทำให้ ventricular pressure เท่าๆ กันทั้งฝั่งซ้ายและขวา จึงไม่มี gradient ระหว่างสองห้อง
พยาธสรีรวิทยาของ(TOF)
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดอาการเขียว คือความผิดปกติในระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ทำให้เลือดดำไหลลัดจากหัวใจซีกขวาไปยังหัวใจซีกซ้ายที่มีเลือดแดง(right to left shunt) ทำให้เกิดการผสมระหว่างเลือดดำกับเลือดแดง ผู้ป่วยเด็กจะมีอาการเขียวมากขึ้นร่วมกับอาการหอบลึก จนบางครั้งเนื้อเยื่อบริเวณใต้ลิ้นพัลโมนารีจะมีการหดเกร็งตัว ส่งผลให้เลือดไหลไปปอดได้น้อยลง(decrease pulmonary blood flow) อาการเขียวทั่วร่างกาย (central cyanosis) เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดในช่วงอายุ 1-3 เดือนขึ้นไป โดยเวลาร้องไห้ หรือมีกิจกรรมต่างๆที่ต้องออกแรงมาก เช่น ดูดนม มักแสดงอาการเหนื่อยง่าย และมีประวัตินั่งยองๆเวลาที่มีอาการเหนื่อย (squatting) เมื่อเด็กโตขึ้นหรืออายุประมาณ 2ปี จะมีภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ สมองขาดเลือด(anoxic spells) จึงทำให้มีการหนาตัวของเวนตริเคิลขวาได้ (right ventricle hypertrophy) โรคหัวใจชนิดเขียวที่พบบ่อย ได้แก่ Tetralogy of Fallot(TOF),transposition of the great arteries (TGA), doubleoutlet right ventricle (DORV)
สรุป เด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
เด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดทั้งชนิดที่มีและไม่มี อาการเขียวโดยเฉพาะภาวะหัวใจวายและภาวะหมดสติ จากสมองขาดออกซิเจน เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ บ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลพยาบาลจึงให้ความ สำคัญการสังเกตเช่น การหายใจเร็วเหนื่อยหอบมากไม่ ยอมดูดนม เป็นต้น รวมถึงการดูแลให้ยาที่ทำให้กล้าม เนื้อหัวใจทำงานมีประสิทธิภาพ อาหารที่มีโปรตีนและ แคลอรีเพียงพอ รวมถึงอาหารที่มีเค็มน้อย การป้องกัน การติดเชื้อที่ปอดและร่างกาย การจำกัดการเคลื่อนไหว กิจกรรมที่ออกแรง เพื่อป้องกันและดูแลภาวะหัวใจวาย นอกจากนี้การดูแลเพื่อช่วยเหลือจัดท่าเพื่อช่วยเหลือ ภาวะหมดสติจากสมองขาดออกซิเจนที่รุนแรงดังนั้นการ ดูแลช่วยเหลือให้เด็กพ้นภาวะวิกฤต พยาบาลที่ให้การ ดูแลผู้ป่วยเด็กเหล่านี้ควรมีความเข้าใจในโรคหัวใจพิการ แต่กำเนิด เพื่อสามารถให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับ ปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเด็กกลุ่มนี้
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
3.เสี่ยงต่ออวัยวะต่าง ๆได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอเนื่องจากปริมาณเลือดออกจากหัวใจลดลง
4.เสี่ยงต่อการเกิดน้ำเกินเนื่องจากมีเลือดคั่งในหลอดเลือดดำ
2.มีโอกาสเกิดภาวะอุดตันของหลอดเลือดฝอยในสมอง เนื่องจาก ภาวะเลือดข้น (polycythemia)
5.มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะเลือดข้นมากถึงระดับอันตราย
1.มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในสมอง (brain abscess) และการอักเสบของเยื่อบุหัวใจชั้นใน (endocarditis) เนื่องจากการ by pass ของเลือดไม่ผ่านการฟอกที่ปอด
6.มีโอกาสเกิดการติดเชื้อเนื่องจากมีความผิดปกติของร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่ สมบรูณ์
7.เสี่ยงต่อการขาดสารน้ำสารอาหารเนื่องจากระบบการย่อยและการดูดซึมอาหาร ยังทำงานไม่ สมบูรณ์
8.บิดามารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากอาการเจ็บป่วยของบุตร
9.ทารกขาดปฏิสัมพันธ์กับมารดาบิดาเนื่องจากถูกแยกจากมารดาเพราะต้องได้รับการรักษา
10.ใน หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤต
11.บิดามารดาขาดความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพพัฒนาการเด็ก
การพยาบาลและคำแนะนำเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่ผู้ป่วยตามปัญหา และตามวัย
ดูแลให้ออกซิเจนเพื่อเพิ่มปริมาณความเข้ม ข้นของออกซิเจนในร่างกายตามแผนการรักษา
ดูแลให้น้ำและนมและยาตามแผนการรักษา
บันทึกสัญญาณชีพทุก 1–2 ชั่วโมง หรือทุก4ชั่วโมงแล้วแต่สภาวะและความรุนแรงของโรคพร้อมสังเกตอาการและอาการแสดง
ส่งเสริมสนับสนุนบิดามารดาที่อยู่ดูแลบุตรโดยให้คำแนะนำการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ให้กำลังใจ เป็นระยะๆ ตลอดเวลาที่รักษาในโรงพยาบาล
ดูแลให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมี โปรตีน แคลอรี่สูง เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
สังเกตอาการที่ผิดปกติเช่น หายใจเหนื่อย หอบมากขึ้น มีอาการเขียวมากขึ้น เป็นต้น แนะนำให้รีบ จัดท่าเข่าชิดอกและ รีบพาบุตรมาโรงพยาบาลทันที
ให้ความ รู้และคำแนะนำแก่บิดามารดาในการดูแลบุตรที่ถูก ต้องและครอบคลุม