สถิติศาสตร์
ประวัติและวิวัฒนาการ
“สถิติ” ตรงกับคําภาษาอังกฤษว่า “statistics” ซึ่งแปลง มาจากศัพท์บัญญัติ “statistik”
ค.ศ.1749
Gottfried Achenwall
เป็นผู้บัญญัติขึ้น statistik ขึ้น หมายถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องและจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงาน
ของรัฐและขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นรัฐศาตร์แขนงหนึ่งว่าด้วยการใช้ข้อมูลมาบริหารกิจการของรัฐ
ความหมาย
ค.ศ.1733
De Moive
ค้นพบโค้งปกติ(Normal Curve)
Laplace & Gauss
นำโค้งปกติมาใช้ในการอธิบายถึงการกระจายของการวัดหรือนับจำนวนใดๆ ซึ่งมีการนับหรือวัดหลายครั้ง
Bernoulli
ใช้โค้งปกติเป็นต้นตำรับของทฤษฎีว่าด้วยขีดจำกัดเข้าสู่ศูนย์กลาง (Central Limit)
ค.ศ.1893
Sir Francis Galton & Karl Pearson
นำเอาทฤษฎีความน่าจะเป็นและทฤษฎีความคลาดเคลื่อนมาประกอบวิเคราะห์ข้อมูลจากผลการทดลองทางเกษตร พันธุศาสตร์ และชีววิทยา
ค.ศ.1895-1930
วิวัฒนาการสถิติแผนใหม่อย่างกว้างขวางที่สุด โดยเกิดแนวคิดสำคัญและเทคนิคทางสถิติขึ้น เช่น การทดสอบสมมติฐาน
บิดาแห่งสถิติสมัยใหม่
Adolphe Quetelet
ใช้สถิติศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม และแบบแผนในการประกอบอาชญากรรม
- ตัวเลขหรือกลุ่มตัวเลขที่แทนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง อาจนำมาใช้พยากรณ์ได้หรือไม่ก็ได้
- วิชาหรือศาสตร์ที่เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาข้อมูล ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน
- การวางแผนเก็บรวบรวมข้อมูลดิบ (Data) แล้วนำมาวิเคราะห์จึงได้ สารสนเทศหรือข่าวสาร (Information) โดยข้อมูลที่ได้เป็นระเบียบ ชัดเจน พร้อมนำเสนอ และนำไปใช้ในการตัดสินใจ
- การนำเสนอข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูล
- การเก็บรวบรวมข้อมูล
- การตีความหมายข้อมูล
ประโยชน์
การเกษตร
การควบคุมคุณภาพสินค้า
การศึกษา
การผลิต
ผู้บริโภค
การพยากรณ์
ชีวิตประจำวัน
เก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาการศึกษา รวมถึงกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้คำแนะนำในการวางแผนการเพาะปลูกกับเกษตรกร
เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างสินค้าจากจำนวนสินค้าที่ผลิตในแต่ละรุ่น เพื่อตรวจสอบและควบคุมคุณภาพสินค้าที่ผลิตออกมาก่อนส่งออกจำหน่าย
เก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าทราบถึงปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อยอดขาย และนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพ และมียอดการจำหน่ายมากขึ้น
เก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลของสินค้าจากแหล่งที่หลากหลาย และนำมาใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ
เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อนำมาคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า เช่น สภาพอากาศ แผ่นดินไหว ภัยพิบัติ
เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจากบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อนำมาปรับวิธีการใช้จ่ายเงินและควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำศัพท์สำคัญ
ข้อมูล (Data)
ตัวแปร (Variable)
พารามิเตอร์ (Parameter)
สถิติ/ค่าสถิติ (Statistic)
ตัวอย่าง (Sample)
ประชากร (Population)
คือ หน่วยทุกหน่วยในเรื่องที่เราสนใจศึกษา
คือ บางส่วนของประชากร
คือ ลักษณะบางประการของประชากรหรือตัวอย่างที่สนใจ
คือ ค่าของตัวแปรที่สนใจศึกษา
คือ ค่าที่แสดงคุณลักษณะของประชากร
σ (ซิกม่า)
μ (มิว)
คือ ค่าเฉลี่ยของประชากร
คือ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร
คือ ค่าที่แสดงคุณลักษณะของตัวอย่าง
x (เอ็กซ์บา)
s (เอส)
คือ ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง
คือ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง
สถิติศาสตร์ (Statistics)
ประเภท
⭐สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
⭐สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics)
คือ สถิติที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ
ค่าสถิติที่ได้จะแสดงลักษณะของข้อมูลนั้นเพียงอย่างเดียว
วิธีดังกล่าวไม่ต้องอาศัยทฤษฎีความน่าจะเป็นมาใช้ในการคำนวณ
ข้อสรุปที่ได้ไม่ได้นำไปคาดคะเนหรืออ้างอิงถึงกลุ่มอื่น
คือ สถิติที่ได้จากการรวมทฤษฎีความน่าจะเป็นกับการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกัน เพื่อหาผลสรุปเกี่ยวกับคุณสมบัติต่าง ๆ ของประชากร โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่สุ่มมา
ข้อมูลและประเภทของข้อมูล
ความหมาย
ประเภท
หมายถึง ข้อความจริง อาจะเป็นได้ทั้งตัวเลขหรือข้อความ
การเก็บรวบรวมข้อมูลต้องพยายามให้ได้ข้อมูลที่เป็นตัวเลข เพราะสามารถนำมาประมวลผลเป็นสถิติได้
⭐จำแนกตามลักษณะของข้อมูล ⭐
⭐จำแนกตามระยะเวลาที่จัดเก็บ ⭐
⭐จำแนกตามวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และลักษณะของข้อมูล ⭐
⭐ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data)
⭐ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data)
คือ ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมจากแหล่งที่มาโดยตรง
เช่น
การวัด
การสอบถาม
การสัมภาษณ์
คือ ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นซึ่งเคยมีผู้อื่นเก็บรวบรวมไว้แล้ว
เช่น
จากการรายงานทางบทความในหนังสือ
จากรายงานของหน่วยงานราชการ
ข้อมูลประเภทนี้ควรนำมาพิจารณาตามเกณฑ์ก่อนการนำไปใช้เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด ดังนี้
- ควรตรวจสอบข้อมูลที่ได้ โดยการเปรียบเทียบกับข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง หากสามารถทำได้
- ควรพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของตัวข้อมูล
- ความน่าเชื่่อถือของแหล่งข้อมูลที่ได้รับ
- หากข้อมูลที่ได้มาจากการสำรวจในกลุ่มตัวอย่าง ควรตรวจสอบวิธีการที่ใช้ในการเลือกตัวอย่าง ขนาดตัวอย่าง และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
เช่น
หากเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนใหญ่มักมีความน่าเชื่อถือและความถูกต้องมากกว่า
หากเป็นข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวหรือผู้ตอบอาจเสียประโยชน์จากการตอบ ข้อมูลอาจไม่ถูกต้องและน่าเชื่อถือน้อย
⭐ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data)
⭐ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data)
คือ ข้อมูลที่บอกขนาดหรือปริมาณที่สามารถวัดเป็นจำนวนได้
คือ ข้อมูลที่แสดงถึงสภาพ สถานะ สมบัติ คุณสมบัติ ซึ่งไม่ได้บอกเป็นขนาดหรือปริมาณ
อาจเขียนในรูปตัวเลขหรือไม่ก็ได้
เช่น
พ.ศ.
เบอร์ของสินค้า
บ้านเลขที่
⭐ข้อมูลอนุกรมเวลา (Time series Data)
⭐ข้อมูลตัดขวาง (Cross - Sectional Data)
คือ ชุดข้อมูลที่จัดเก็บตามลำดับเวลาต่อเนื่องกันไปตลอดช่วงหนึ่ง ๆ
คือ ข้อมูลที่บอกสถานะหรือสภาพของสิ่งที่สนใจ ณ จุดหนึ่งของเวลา
สามารถแสดงการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลเมื่อเวลาเปลี่ยนไป(แนวโน้ม)
จึงเป็นประโยชน์สำหรับการทำวิจัยระยะยาว
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
⭐เก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ⭐
⭐เก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ⭐
⭐การสำมะโน (Census)
⭐การสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง (Sample Survey)
คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุก ๆ หน่วยของประชากรที่สนใจศึกษา
คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากบางหน่วยที่เลือกมาเป็นตัวแทนจากทุก ๆ หน่วยของประชากร
สามารถศึกษาข้อมูลได้ละเอียด และครบถ้วน ✅
ใช้เวลานาน และเสียค่าใช้จ่ายสูง ❌
ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ✅
ตัวอย่างวิธีการเก็บข้อมูล
กรอกแบบสอบถาม
สังเกต
สัมภาษณ์
สอบถามทางโทรศัพท์
ทดลอง
คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่เคยมีผู้อื่นเก็บรวบรวมไว้แล้ว โดยคัดลอกข้อมูลเฉพาะส่วนที่ต้องการเท่านั้น
ควรพิจารณาตามปัจจัยดังกล่าวก่อนนำข้อมูลมาใช้
- ควรตรวจสอบข้อมูลที่ได้ โดยการเปรียบเทียบกับข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง
- ควรพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือเบื้องต้นของตัวข้อมูล
- ความน่าเชื่่อถือของแหล่งข้อมูลที่ได้รับ
- หากข้อมูลที่ได้มาจากการสำรวจในกลุ่มตัวอย่างหรือผ่านการวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสีติมาก่อน ควรตรวจสอบวิธีการที่ใช้ในการเลือกตัวอย่าง ขนาดตัวอย่าง และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
เช่น
หากเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนใหญ่มักมีความน่าเชื่อถือและความถูกต้องมากกว่า
หากเป็นข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวหรือผู้ตอบอาจเสียประโยชน์จากการตอบ ข้อมูลอาจไม่ถูกต้องและน่าเชื่อถือน้อย
พบว่าอาชญากรรมมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและการก่ออาชญากรรม รวมถึงอ้างว่าอาชญากรรมมีความสัมพันธ์ทางภูมิประเทศกับสถาบันทางสังคมด้วย
นางสาว พิมช์ชนก จันทร์ทิพย์ ม.6/2 เลขที่ 10