Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสนทนาให้เกิดความสัมพันธ์, นางสาวทิพธาราวัลย์ เพชรหาญ ปี2 ห้อง2 เลขที่…
การสนทนาให้เกิดความสัมพันธ์
การสนทนาคือการสื่อสารโต้ตอบระหว่างบุคคลสองคนขึ้นไป
เป็นการพูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อสังเกตความคิดเห็นหรือ
ความรู้สึกระหว่างคน การสนทนาต้องเป็นไปเพื่อสร้างมิตรภาพ
และเพื่อประโยชน์ในการแสดงและรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
ผู้สนทนาที่ดีต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย คือตั้งใจฟัง ยอมรับฟังผู้อื่นได้
ปัจจัยในการสนทนา
๒เทศะ หมายถึงความสำคัญทางสังคมสถานที่นั้นๆ ด้วย บ้านย่อมต่างจากที่ทำงาน ที่ทำงานย่อมต่างจากสถานที่ที่กำหนด
๓ บุคคล ซึ่งรวมทั้งผู้สื่อภาษา ผู้เป็นเป้าหมายของการสื่อสาร และผู้อื่นที่อาจจะร่วมอยู่ในสถานการณ์นั้นทั้งโดยตั้งใจและโดยบังเอิญ สถานภาพทางสังคมของบุคคลเหล่านี้ รวมทั้งลักษณะของความสัมพันธ์ที่มีอยู่ต่อกันที่
๑ กาละ หมายถึง ลักษณะของสถานการณ์ ว่าเป็นพิธีการหรือเป็นทางการหรือไม่เพียงใด หรือเป็นเพียงการสื่อภาษาตามปกติในชีวิตประจำวัน
๔กรอบวัฒนธรรม สังคมทุกสังคมจะมีการสะสมความรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างไร ความรู้เหล่านี้คือ สิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรม ทำหน้าที่เป็นกรอบ หรือเป็นแนวในการปฏิบัติต่างๆ ของคน ส่วนหนึ่งของความรู้ที่เป็นกรอบวัฒนธรรม ก็คือ ความรู้ว่าควรจะพูดอย่างไรจึงจะเหมาะกับบุคคล กาละ เทศะ
๕ กรอบวัฒนธรรม สังคมทุกสังคมจะมีการสะสมความรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างไร ความรู้เหล่านี้คือ สิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรม ทำหน้าที่เป็นกรอบ หรือเป็นแนวในการปฏิบัติต่างๆ ของคน ส่วนหนึ่งของความรู้ที่เป็นกรอบวัฒนธรรม ก็คือ ความรู้ว่าควรจะพูดอย่างไรจึงจะเหมาะกับบุคคล กาละ เทศะ
วัตถุประสงค์ในการสนทนา
๒การถามให้ตอบ เป็นการขอรู้และขอเข้าใจในเรื่องต่างๆ
๓การบอกให้ทำ เป็นการแจ้งความประสงค์ให้อีกฝ่ายหนึ่งลงมือกระทำ หรือเลิกกระทำ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
๑การแจ้งให้ทราบ เป็นการบอกเล่าสิ่งที่ผู้ฟังหรือผู้อ่านไม่รู้ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ
๔การปฏิสันถาร เป็นการสื่อภาษา เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีขึ้นระหว่างกัน โดยทั่วไปมักมีชุดรูปภาษาที่ใช้ร่วมกัน เช่น คำทักทาย
๕ การสร้างสุนทรียะและความสนุกสนาน คือ การสร้างความสนุกสนาน
การสนทนาเพื่อสร้างสัมพันธภาพ
หมายถึง การพูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อสังเกตความคิดเห็นหรือความรู้สึกระหว่างคน เป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล โดยพูดคุยให้เกิดความรู้สึกดีๆเกิดขึ้น
องค์ประกอบ
๑ต้องรู้จักเข้าใจตนเอง
๓ต้องสร้างแรงจูงใจ
๒ต้องรู้ความต้องการและความรู้สึกของผู้อื่น
๔ต้องทราบถึงวิธีการเอาชนะและครองใจคน
ประเภทของการสนทนา
๑การสนทนาแบบเผชิญหน้า ( face to face communications)
๒การสนทนาแบบไม่เผชิญหน้า (Interposed communications)
การสนทนาที่เสริมสร้างบุคลิกภาพ
บุคลิกภาพกับการสนทนา
รู้จักเรียนรู้สังเกตคู่สนทนา
วางตัวด้วยท่าทีที่เหมาะสม
น้ำเสียงการพูดจา
เลือกแต่งกายให้เหมาะสมกับกาละเทศะ
บุคลิกภาพขั้นพื้นฐาน ต้องดูดีสง่างามทั้งการยืน เดิน และนั่ง
๑๐ ประการ
๓. ความเอาใจใส่ (concern)
๔. การเคารพในความเป็นบุคคล (Respect) ของผู้อื่น
๒. ความห่วงใย (care)
๕.การเห็นใจเข้าใจในความรู้สึกของผู้อื่น (Empathy)
๑. ความรักในเพื่อนมนุษย์ (Love)
๖. ความเชื่อถือ ไว้วางใจ (Trust)
๗. ความจริงใจ (Genuineness)
๘. ความเข้าใจ (Understanding)
๙. การยอมรับ (Acceptance)
๑๐. การเอาใจใส่ดูแล (Caring)
ทักษะในการสนทนา ทางการพยาบาล
๑ทักษะการใส่ใจ (Attending skill)
๒ทักษะการฟัง
๓ทักษะการใช้คำถาม
๑การเตรียมคำถาม
๒การดำเนินการใช้คำตอบ
ทักษะสังคม เช่น การสบตา ใส่ใจ สัมผัสที่เหมาะสมถูกกาละเทศะ
ให้กำลังใจโดย ใช้ทั้งภาษาท่าทางและคำพูด น้ำเสียงนุ่มนวล
ทวนซ้ำสะท้อนความรู้สึก ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับคำปรึกษา รับรู้ถึงความใส่ใจ
และมีกำลังใจในการสนทนาต่อสื่อสารสองทาง
อุปสรรคของการสนทนาที่พบบ่อย
๒ผู้ฟัง
๒-๑ได้ตัดสินหรือเข้าใจว่าผู้พูดได้ยึดความคิดเห็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
๒-๒รับฟังเฉพาะในส่วนที่ตัวเองต้องการอยากจะฟังเท่านั้น ไม่ว่าผู้พูดจะพูดในส่วน อื่นด้วยก็ตาม
๒-๓ไม่สามารถรับฟังข้อมูลที่แตกต่างจากตัวเองได้
๒-๔ผู้ฟังไม่มีสมาธิมากพอในการรับฟัง
๓สภาพแวดล้อม
ให้เวลาไม่มากพอ
๑ผู้พูด
๑-๑ไม่มีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจข้อมูล จึงไม่ให้เวลามากพอ ไม่เชื่อมโยงปัญหา
๑-๒ขาดทักษะและประสบการณ์ โดยเฉพาะการสื่อสารในเรื่องที่ยุ่งยาก
การสนทนาเพื่อสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
Interpersonal Relationships
Small talk การพูดคุยเล็กๆ น้อยที่สร้างสัมพันธภาพ
ARE เป็นเคล็ดวิชาที่ให้ฉวยใช้บรรยากาศและสิ่งรอบตัวมาสร้างบทสนทนา
FORD ก็เป็นการเลือกประเด็นพื้นฐานเมื่อยามตัน เป็นประเด็นปลอดภัยที่ตกลงใครๆ ก็ต้องตอบได้
Big talk การสนทนาสาระหนักๆ ที่สร้างสัมพันธภาพ
การสนทนาที่สร้างเสริมสัมพันธภาพเพื่อการบริการสุขภาพ
การสนทนากับผู้ป่วยเด็ก
สะท้อนพฤติกรรมเท่าที่เห็น
บอกความรู้สึกให้เด็กรู้
ช่วยให้เด็กเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง
บอกพฤติกรรมที่ต้องการและไม่ต้องการให้ชัดเจน
ฟังอย่างตั้งใจ อย่าด่วนตัดสิน
ให้ทางเลือกกับเด็ก
ชื่นชมความพยายามของเด็ก
พูดสร้างกำลังใจ
ให้เด็กมีส่วนร่วมกับการวางแผน
การสนทนากับวัยรุ่น
๑สร้างความคุ้นเคย
๒ บอกเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนตัว
๓หลีกเลี่ยงการตัดสินถูกผิด
๕ เป็นผู้ฟังที่ดี
๔แสดงบทบาทเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ
๑๐ให้ความสำคัญและหาข้อมูลเพิ่มเติมจากครอบครัว
๖ใช้คำถามปลายเปิด
๗ สร้างความรับผิดชอบ
๘พยายามจดบันทึกเฉพาะที่จำเป็น
๙ มีบทสรุป
การสนทนากับผู้สูงอายุ
๒การทักทาย
๓ให้เวลาในการสนทนามากกว่าปกติทั่วไป
๑การจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
๔พูดช้าลง ใช้คำพูดที่ชัดเจนไม่วกวน
๕พูดเสียงดัง ฟังชัดและเหมาะสม
๖พูดทีละประเด็น
๗.เว้นระยะและเปิดโอกาสให้ได้ซักถามหรือแสดงความคิดเห็น
๘รับฟังให้มาก
๙การสรุปและจดบันทึกความจำสั้นๆ
การสนทนาในห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
๒Engage การสนทนาไม่ควรมีบรรยากาศที่เคร่งเครียดจนเกินไป
๓Empathize รับฟังผู้ป่วยด้วยความเห็นอกเห็นใจ มีกิริยาท่าทาง สีหน้าและคำพูด
๑Open แนะนำตัวเองแจ้งผูป่วยว่าจนเองมีบทบาทหน้าที่อะไร
๔Educate ประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้ป่วย
๖Close ประเมินระยะเวลาในการนอนสังเกตอาการของผู้ป่วย
๕Enlist พยายามชักจูงให้ผู้ป่วยเข้ามามีส่วนร่วมใน
การวางแผนการรักษากับทีมสุขภาพ
การสนทนากับผู้ป่วยวิกฤติและญาติ
๑เมื่อผู้ป่วยย้ายเข้าหอผู้ป่วยวิกฤต
๑-๑ การเปิดโอกาสให้ครอบครัวได้ระบายความรู้สึกและซักถามเกี่ยวกับ
การเจ็บป่วยและการรักษาผู้ป่วย
๑-๒การให้ข้อมูลแก่ครอบครัว
เทคนิคการให้ข้อมูล (Giving Information) เป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงกับความต้องการ
เทคนิคการฟัง (Listening): พยาบาลรับฟังครอบครัวอย่างตั้งใจ ใส่ใจทั้งคำพูด สีหน้า
เทคนิคการสะท้อนความรู้สึก (Reflection)
การสนทนากับญาติเรื่องไม่พึงประสงค์
๑เตรียมความพร้อมก่อนการสนทนา (S-Setting up) ก่อนการสนทนาควรมีการวางแผนในการบอก ข้อมูลทั้งเนื้อหาและลำดับของการบอก
๒ประเมินการรับรู้ของผู้ป่วย (P-Perception)
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเครียดเกี่ยวกับการเจ็บป่วย
๓ประเมินว่าผู้ป่วยต้องการทราบข้อมูลอะไร (I-Invitation) ช่วงนี้จะทำให้ทราบว่าผู้ป่วยต้องการรับทราบ ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อะไรบ้าง และมากน้อย เพียงใด
๔ให้ความรู้ (K-Knowledge) ควรให้ข้อมูลที่เป็นความรู้ในสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการทราบ
หรือกังวลใจก่อนเป็นอันดับแรก
๕สนใจความรู้สึกของผู้ป่วย (E-Emotion) การตอบสนองและการแสดงออกทางอารมณ์
๖สรุปวิธีเผชิญปัญหาและวางแผนในอนาคต (S-Strategy and Summary)
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ด้านการบริหารจัดการ สามารถประสบความสำเร็จได้
ถ้ามีการวางแผนหรือการบริการจัดการที่ดี
เกิดความสามัคคีในกลุ่มสังคม ในหมู่คณะ
ด้านการดำเนินชีวิต การมีมนุษยสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
ทำให้งานต่างๆ ประสบความสำเร็จต้องอาศัย
ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
มีกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนได้ร่วมกันสร้างสัมพันธภาพ
นางสาวทิพธาราวัลย์ เพชรหาญ ปี2 ห้อง2 เลขที่ 27 รหัส 62125301057