Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

เด็กทากเพศชาย อายุ 8 เดือน Meningitis :star: - Coggle Diagram

- - - - วัดสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอุณหภูมิทุก 4 ชั่วโมงถ้ามีไข้อุณหภูมิมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ให้การพยาบาลโดย
        
        เช็ดตัวลดไข้พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่มารดาของเด็กร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ความร้อนออกจากร่างกาย
        
        ให้ดูดน้ำบ่อย ๆ เพื่อช่วยในการพาความร้อนออกจากร่างกาย
        
        ให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษา คือ Levetiracetam 30 (MKD) 279 IV drip in 10 min ตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันการชัก
        
        ประเมินผลหลังการเช็ดตัวลดไข้ 30 นาที เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
      - ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวผู้ป่วย
        เพื่อป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจซ้ำๆ
      - 4.ดูแลให้การพยาบาลขณะที่มีอาการชักจากไข้
        เพื่อป้องกันอันตรายจากการชักดังนี้
        
        คลายเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
        
        ดูแลเรื่องระบบหายใจโดยจัดท่านอนตะแคงศีรษะต่ำกว่าลำตัว
        เพื่อป้องกันการสำลัก
        
        ไม่ผูกยึดเด็กเพราะอาจเกิดข้อไหล่หลุดหรือกระดูกหัก
        
        ไม่ใช้ไม้กดลิ้นเพราะอาจทำให้ฟันหักหรือฟันอาจตกลงไปในลำคอ
        
        ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขณะมีอาการชัก
      - 2.ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการชักจะได้ให้การพยาบาลที่ทันท่วงที
      - 5.สังเกตและบันทึกระยะเวลาของการชักลักษณะของชัก
      - 6.สังเกตริมฝีปากปลายมือปลายเท้าลักษณะการหายใจวัด O2 sat
      - 7.ดูแลให้ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอและไม่รบกวนโดยไม่จำเป็น
      - 8.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
        -Valium ผลข้างเคียงคือ ง่วงซึม, นอนไม่หลับ,ฝันร้าย,มึนศีรษะ,ปวดศีรษะ ,ตามัว, มองเห็นภาพไม่ชัดเจน
        -midazolam ผลข้างเคียงคือ กล่องเสียงหดเกร็ง หลอดลมหดเกร็ง หายใจลำบาก ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้
    - - A : ภาวะไข้ชัก เป็นภาวะที่พบบ่อยเนื่องจาก มีการติดเชื้อในระบบต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับระบบประสาท ผู้ป่วยรายนี้มีปัจจัยเสี่ยงคือ มีการติดเชื้อ late onset neonatal sepsis และไม่มีประวัติรับวัคซีน BCG สมองยังไม่พัฒนาเต็มที่พบจาก การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง มี Protein สูงขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในด้านภูมิคุ้มกันของระบบส่วนกลาง และมีภาวะขาดธาตุเหล็กจากปริมาณในเลือดที่ลดลง มีอาการแสดงคือ ชัก อ่อนเพลีย และร่างกายมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ จากการตรวจร่างกายพบ มีระดับความรู้สึกตัวลดลง หนังตาบวม มีไข้สูง 38.9 องศาเซลเซียส หลังจากเช็ดตัวให้ยา ยังคงอยู่ที่ 38.4 องศาเซลเซียส จึงอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะชักซ้ำได้
      - S : ผู้ป่วยมาด้วยอาการชัก หายใจเหนื่อยหอบ มีไข้สูง
        O : -จากการประเมินสัญญาณชีพความผิดปกติ คือ อุณหภูมิกาย 38.9 องศาเซลเซียส
        -จากผล Chest x- ray พบ RUL-atelectasis
- - - - ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน โดยประเมินอัตราการหายใจ ชีพจร สีของเล็บ ปลายมือปลายเท้า เยื่อบุผิวหนังลักษณะการซีด เขียว เนื่องจากแสดงถึงภาวะพร่องออกซิเจน
      - 2.จัดท่านอนศีรษะสูง เพราะทำให้กระบังคมเคลื่อนต่ำลง ปอดขยายตัวได้เต็มที่เพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ
      - ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนบนเตียง ช่วยลดการใช้ออกซิเจนในการทำ กิจกรรม และทำให้การเหนื่อยอ่อนเพลียลดลง
      - Vital sign ทุก 4 ชม เพราะการประเมินสัญญาณชีพจะช่วยให้ทราบความรุนแรงของภาวะพร่องออกซิเจน
      - ประเมิน O2 saturation ทุก 4 ชม เพราะเป็นการวัดระด้บความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
      - ติดตามผล lab pO2, Hct เพราะเป็นค่าที่แสดงถึงความเข้มข้นของเลือดในร่างกาย ค่าออกซฺิเจนในเลือด
      - 10.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา เเละสังเกตอาการข้างเคียง คือ
        Ventolin 0.5ml + 3% NSS 4 ml NB q 8 hr c CPT suction
      - เช็ดตัวลดไข้และให้ยา และดูแลให้ยา Levetiracetam 30 (MKD) 279 IV drip in 10 min ตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันการชัก
      - 11.ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล ปลอบโยน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับพยาบาลและลดปัญหากลัวคนแปลกหน้า ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการพยาบาลมากขึ้น
      - ฟังเสียงปอดเป็นระยะ ๆ ในขณะที่เหนื่อยหอบ เพื่อประเมินการหดรัดตัวที่ผิดปกติของหลอดลมและทำกายภาพบำบัดทรวงอก (chest physiotherapy) เพื่อให้เสมหะนั้นขับออกมาได้สะดวก
    - - A : ภาวะพร่องออกซิเจนที่มีสาเหตุจากประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนแก๊สลดลง มีสาเหตุมาจาก ทางเดินลมหายใจภายในปอดถูกอุดกั้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในหลอดลมหรือในปอดลดลง พบได้จากการตรวจร่างกาย พบเสียง capitation and secretion breath lung และ ผล Chest X-ray พบ RUL atelectas และปอดมีการอักเสบและติดเชื้อดูได้จากค่า CBC ที่มี WBC,NE,LY สูงขึ้น แสดงถึงภาวะที่ร่างกายเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันมากกว่าปกติ ทำให้มีพื้นที่ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนลดลง และมีอาการและการแสดงของการเสี่ยงต่อภาวะพ่องออกซิเจนคือ ปลายมือปลายเท้าเย็น ผิวขาวอมเหลือง อ่อนเพลีย Capillary feeling time 4 วินาที
        จึงควรให้การพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน
      - S : มารดาบอกว่าเด็กมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ และ ผู้ป่วยมาด้วยอาการนำส่งคือ อาการชัก หายใจเหนื่อยหอบ
        O : -จากการประเมินสัญญาณชีพความผิดปกติ คือ
        Temperture 38.9 องศาเซลเซียส,Pulse rate 162 bpm,
        BP 102/63 mmHg
        -จากการตรวจร่างกาย พบความผิดปกติคือ
        ฟังปอดได้เสียง Crepitation and secretion,
        ปลายมือปลายเท้าเย็นซีด,Capilary time 4 วินาที
        -จากการผลทางห้องปฏิบัติการพบความผิดปกติคือ
        Hct 29.1 %,pO2 42.6 mmHg
        -จากผล Chest x- ray พบ RUL-atelectasis
- - - - 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงได้แก่
        ปวดหัว ชัก ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียนเพื่อประเมินอาการและการแสดงของ
        ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงของ
      - 2.Record vital sigh ทุก 2-4 ชั่วโมง
        เพื่อประเมินอาการของผู้ป่วยในแต่ละระยะเวลา
      - 3.ประเมินการทางระบบประสาทอย่างใกล้ชิด ได้แก่
        ประเมิน GCS ประเมิน pupil ประเมิน motor power
      - 4.จัดท่านอนศีรษะสูง 15 - 30 องศา เพื่อให้กระบังลมเคลื่อนต่ำลงไม่ไปดันปอดทำให้ปอดขยายตัวได้ดีขึ้น และทำให้มีการระบายอากาศ
        และการแลกเปลี่ยนแก๊สเป็นไปได้ดีขึ้น
      - 5.ดูแลการได้รับน้ำโดยการ record I/O เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในร่างกายและเพื่อไม่ให้การเกิดสมองบวมมากขึ้น
      - 6.ดูแลให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่
        ทำให้เกิดภาวะความดันใน กะโหลกศีรษะสูง
      - 7.ดูแลให้ได้รับสารน้ำตามแผนการรักษาของแพทย์
      - 8.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา เเละสังเกตอาการข้างเคียง คือ
        -Lasix ผลข้างเคียงคือ ความดันเลือดต่ำรุนแรง, หลอดเลือดหัวใจอักเสบ,หัวใจหยุดเต้น
        -Valium ผลข้างเคียงคือ ง่วงซึม, นอนไม่หลับ,ฝันร้าย,
        มึนศีรษะ,ปวดศีรษะ ,ตามัว, มองเห็นภาพไม่ชัดเจน
        -Levetiracetam ผลข้างเคียงคือ ท้องเสีย,เวียนศีรษะ,ง่วงนอน,คัดจมูก
        -Levophed ผลข้างเคียงคือ หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ,ปวดศีรษะ,
        หายใจหอบเหนื่อย,แน่นหน้าอก,ปลายมือปลายเท้าเขียว,เนื้อเยื่อตาย
    - - A : ภาวะน้ำคั่งในกะโหลกศีรษะในเด็ก (hydrocephalus) เป็นภาวะที่มีน้ำไขสันหลังข้างในกะโหลกศีรษะหรือในโพรงสมองซึ่งทำให้ความดันภายในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น สาเหตุของเด็กทารกรายนี้มีความผิดปกติของการดูดซึมน้ำไขสันหลัง ซึ่งเรียกว่า communicating hydrocephalus เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นหลังคอดที่มีการติดเชื้อ late onset neonatal sepsis
        และไม่มีประวัติรับวัคซีน BCG อาการที่แสดงถึงคือมีประติกริยาไวขึ้นมีอาการสั่นกระตุกแขน ขา ทั้งสองข้าง
        กระพริบตารูม่านตาผิดปกติ เมื่อมีปริมาณน้ำข้างในกะโหลกศีรษะที่สูงขึ้นอาจก่อให้เกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
        มีอาการและอาการแสดงที่พบคือ คอแข็งปวดศีรษะอาเจียนสับสนระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตสูง
        สำหรับผู้ป่วยรายนี้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เนื่องจากมี ภาวะสมองบวม
        มีอาการ อ่อนเพียระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตสูงและผล CT scan พบHypodensity ,Mind hydrocephalus
        จึงต้องให้การพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
      - S : -
        O : -จากการประเมินสัญญาณชีพความผิดปกติ คือ
        Temperture 38.9 องศาเซลเซียส,Pulse rate 162 bpm,
        BP 102/63 mmHg
        -จากการประเมิน Glasgow coma scale ได้ E4V2M6
        -จากการประเมินระดับความรู้สึกตัวได้ ระดับ alet
        -การผลตรวจพิเศษ CT Scan พบ Hypodensity,Mind hydrocephalus
- - - - 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของ ภาวะพร่องออกซิเจนเช่นผิวกายซีด
        ปลายมือปลายเท้าเขียว conjunctivaซีด เหงื่อออกหายใจเหนื่อยหอบ
        เพื่อทำให้ทราบถึงภาวะพร่องออกซิเจน
      - 2.ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 4- 6 ชั่วโมงโดยเฉพาะอัตราการหายใจและอัตราชีพจร O2 sat เพื่อประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
      - 3.ดูแลจัดท่า Fowler position เพื่อให้ปอดขยายตัวเพิ่มขึ้น
        จากการ มีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนออกซิเจน
      - 4.ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอจำกัดกิจกรรม
        ในช่วงที่มีอาการหอบเหนื่อยเพื่อลดการใช้ออกซิเจน
      - 5.ดูแลให้ได้รับ Ventilator SIMV c PS mode PIP=15,PS=15,PEEP=6,RR=40,FiO2=5 ตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
      - 7.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลง
      - 8.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
        -Ventolin ผลข้างเคียงคือ หัวใจเต้นเร็ว, คลื่นไส้,กระสับกระส่าย
        -midazolam ผลข้างเคียงคือ กล่องเสียงหดเกร็ง
        หลอดลมหดเกร็ง หายใจลำบาก ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้
        -Levophed ผลข้างเคียงคือ หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ,ปวดศีรษะ,
        หายใจหอบเหนื่อย,แน่นหน้าอก,ปลายมือปลายเท้าเขียว,เนื้อเยื่อตาย
        -Lasix ผลข้างเคียงคือ ความดันเลือดต่ำรุนแรง
        , หลอดเลือดหัวใจอักเสบ,หัวใจหยุดเต้น
    - - A : ภาวะพร่องออกซิเจนมีสาเหตุมาจากเลือดเกิดความบกพร่องในการนำพาออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆลดลงเนื่องจากมีจำนวนเม็ดเลือดในกระแสโลหิตลดลงซึ่งผู้ป่วยรายนี้มีปริมาณเลือดในร่างกายลดลงพบได้จากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการจากผลตรวจ CBC มีค่า HCT,MCV,MCH,MCHC ลดลง ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถจับออกซิเจนได้ตามปกติ และจากผลตรวจร่างกายพบมีผิวสีขาวอมเหลือง ไปมือไปเท้าเย็น
        Capillary feeling time 4 วินาที จึงควรให้การพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน
      - s: -
        O : -จากการตรวจร่างกายพบความผิดปกติ คือ
        มีผิวขาวอมเหลือง อ่อนเพลีย
        -จากการประเมินอาการทางระบบประสาทพบความผิดปกติ
        คือได้ระดับ alet
        -จากการผลทางห้องปฏิบัติการพบความผิดปกติคือ
        Hct 29.1 %,MCV 75.5 FL,MCH23.6 lpg,MCHC 31.2 g/dl