Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปเนื้อหา - Coggle Diagram
สรุปเนื้อหา
บทที่ 6 จริยธรรมและจรรยาบรรณ ของนักคอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560
จริยธรรม
หมายถึง “หลักของความถูกและความผิดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ”
จริยธรรมคอมพิวเตอร์
หมายถึง “หลักศีลธรรมจรรยาที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติหรือควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ”
ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมกับกฎหมาย
1) กฎหมายเป็นสิ่งที่ออกโดยรัฐ ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ แต่จริยธรรมเป็นเรื่องของคนในสังคมร่วมกันสร้างขึ้นมา
2) กฎหมายเป็นข้อบังคับที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จริยธรรม เป็นเรื่องของความสมัครใจ
3) กฎหมายมีบทลงโทษที่ชัดเจน และแน่นอน แต่จริยธรรมไม่มีบทลงโทษสำหรับฝ่าฝืน
4) กฎหมายเป็นสิ่งที่ควบคุมการกระทำของคน แต่จริยธรรมเป็นสิ่งที่ควบคุมจิตใจ ไม่ให้คนกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
5) กฎหมายมีวัตถุประสงค์ลงโทษผู้กระทำผิด หรือชดใช้ค่าเสียหาย แต่จริยธรรมมีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับคุณค่าทางจิตใจ
จริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
1.ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
2.ความถูกต้อง (Accuracy)
3.ความเป็นเจ้าของ (Property)
4.การเข้าถึงข้อมูล (Data accessibility)
จรรยาบรรณของนักคอมพิวเตอร์
จรรยาบรรณต่อตนเอง
ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่และดำรงชีวิตเหมาะสมตามหลัก ธรรมาภิบาล
จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมงาน
ตั้งมั่นอยู่ในความถูกต้อง มีเหตุผล และรู้รักสามัคคี
จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
ไม่ประพฤติหรือกระทาการใดๆอันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ในวิชาชีพแห่งตน
จรรยาบรรณต่อสังคม
ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติตน ในวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม
จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ
เคารพในสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของผู้อื่น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม
พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน รวมถึงระบบต่างๆ ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใครกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นี้ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้
เรื่องที่ห้ามทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ (มาตรา 5-8)
แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
ส่งข้อมูลหรืออีเมล์ก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมล์สแปม (มาตรา 11)
เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ. เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ (มาตรา 16)
บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพและการสื่อสารด้วยข้อมูล
การสื่อสารด้วยข้อมูล
หมายถึง การบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร
องค์ประกอบของการสื่อสาร 4 ประการ 1.ผู้ส่งสาร 2.สาร 3.ช่องทางการสื่อสารหรือสื่อ 4.ผู้รับสาร
ประโยชน์การสื่อสารด้วยข้อมูล : -การจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารได้รวดเร็ว -ความถูกต้องของข้อมูล หากข้อมูลผิดพลาดก็จะมีการรับรู้ และพยายามหาวิธีแก้ไขให้ข้อมูลที่ได้รับมีความถูกต้อง -ความเร็วของการทำงาน สามารถทำได้รวดเร็ว -ต้นทุกความประหยัด การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าหากันเป็นเครือข่าย เพื่อส่งหรือสำเนาข้อมูล ทำให้ราคาต้นทุนของการใช้ข้อมูลประหยัดขึ้น
การทำข้อมูลให้เป็นภาพ
การนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ (data visualization) สามารถช่วยตอบคำถาม หรือนำเสนอประเด็กต่างๆ ได้รวดเร็ว และชัดเจนมากขึ้น
ตัวอย่างรูปแบบการนำเสนอข้อมูลให้เป็นภาพ : แผนภูมิวงกลม สร้างโดยการเขียนรูปวงกลมและแบ่งวงกลมออกเป็นสัดส่วนตามจำนวนข้อมูล ซึ่งควรเป็นจำนวนข้อมูลที่มีจำนวนกลุ่มไม่มากนัก
ตัวอย่างรูปแบบการนำเสนอข้อมูลให้เป็นภาพ : แผนภูมิแท่ง แสดงความเเตกต่างเชิงปริมาณได้ชัดเจน ใช้แสดงปริมาณข้อมูลแต่ละส่วน
ตัวอย่างรูปแบบการนำเสนอข้อมูลให้เป็นภาพ : กราฟเส้น แสดงมิติของดารเปลี่ยนแปลงได้ดี โดยใช้พื้นที่แสดงข้อมูลแต่ละรายงานน้อยกว่าแผนภูมิแท่ง ทำให้เสนอจำนวนรายการข้อมากได้มากกว่า
การเล่าเรื่องจากข้อมูล
เป็นการถ่ายทอดเนื้อหา ความรู้ ผลลัพธ์จากข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และประมวลผลออกมาเป็นภาพ จำเป็นต้องมีกลวิธีในการเล่าเรื่องราว (Story) เพื่อเชื่อมโยงหรือสื่อสารให้เข้ากับผลลัพธ์ของข้อมูล ทำให้ผู้รับสารเกิดความสนใจในการติดตามเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ
การนำเสนอเนื้อหาให้ประสบความสำเร็จ อาจใช้วิธีการนำเสนอ 4 รูปแบบ ดังนี้
แบบตู้กดน้ำ – เปรียบเสมือนการพูดคุยในขณะกดน้ำ มีเวลาในการสนทนาเพียงช่วงสั้นๆ เปรียบเทียบได้กับการสรุปเนื้อหาที่มีปริมาณมาก ให้เหลือแต่ใจความสำคัญ อธิบาย-สื่อสารด้วยภาพ
แบบร้านกาแฟ – เปรียบเสมือนการพูดคุยกันในร้านกาแฟ มีเวลาในการสนทนามากขึ้น เล่าเรื่องราวระหว่างกัน เนื้อหาที่นำเสนอมีความยาวหรือ มีรายละเอียดมาก
แบบห้องสมุด – เปรียบเสมือนการเข้าศึกษาเนื้อหาในห้องสมุด ที่มีเอกสาร ตำราวิชาการ งานวิจัย ต้องค้นคว้าเชิงลึกในสิ่งที่สนใจ จึงเป็นการนำเสนอเนื้อหาให้ผู้อ่านมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาและอยากศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
แบบห้องทดลอง – เปรียบเสมือนการทดลองและ ลงมือปฏิบัติการในห้องทดลอง ที่ได้รับประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติจริง
ข้อควรระวังในการนำเสนอข้อมูล
สิ่งที่ต้องคำนึงในการนำเสนอข้อมูล
ข้อมูลที่นำมาใส่ในงานนำเสนอนั้นจะต้องสั้น กระชับ ไม่ควรเป็นข้อความที่ยาวๆ เพราะจะทำให้ไม่น่าสนใจ
สีที่ใช้ต้องสบายตา และน่าสนใจ หลีกเลี่ยงการใช้สีพื้นอ่อนคู่กับตัวหนังสือสีอ่อนเพราะจะทำให้อ่านยาก
รูปที่ใช้จะต้องสอดคล้องกับเนื้อหา
สิ่งที่ไม่ควรทำในการนำเสนองาน
อาขยาน อ่านกระจุย
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคอมฯ (และอุปกรณ์ทั้งหลาย)
อย่านอกเรื่องไปไกล
อย่าเยอะ
ใช้ตัวอักษรบนหน้าสไลด์ให้น้อยที่สุด
บทที่ 5 การแบ่งปันข้อมูล
Data Sharing
องค์ประกอบของการสื่อสาร
ผู้ส่ง ในที่นี้คือผู้ที่มีสารหรือเนื้อหาข้อมูล และมีความต้องการที่จะส่งสารไปยังผู้รับโดยผู้ส่งจะต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ของการส่งสารและความสามารถในการรับสารของผู้รับ เพื่อนำมาพิจารณาเลือกรูปแบบและช่องทางในการสื่อสาร
สาร เป็นข้อมูลหรือสิ่งที่ผู้ส่งต้องการให้ผู้รับได้รับรู้โดยสารนั้นอาจมีได้หลายรูปแบบ เช่น เสียงพูด ข้อความ หรือภาพ เพื่อให้ผู้รับเข้าใจได้รวดเร็วและชัดเจนมากขึ้น
ช่องทาง เป็นวิธีการในการส่งสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับ เช่น การใช้โทรศัพท์ การสื่อสารผ่านสื่อสังคม หรือแม้กระทั่งการพูดคุยกับผู้รับโดยตรง โดยแต่ละช่องทางจะส่งสารให้ผู้รับผ่านประสาทสัมผัส ทั้ง 5 ในลักษณะและปริมาณที่ต่างกัน ดังนั้นจะต้องจัดเตรียมสารให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม
ผู้รับ มีหน้าที่แปลความหมายของสารที่ผู้ส่งนำเสนอ ซึ่งความสามารถในการแปลจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การศึกษา วุฒิภาวะ พื้นฐานทางสังคม ความเชื่อ หรือแม้กระทั่งความสนใจในสารที่ได้รับ
เทคนิคและวิธีการแบ่งปันข้อมูล
การสื่อสารโดยตรง (direct communication) เช่น การพูดคุยต่อหน้าหรือทางโทรศัพท์ การรายงานหน้าห้อง เป็นช่องทางที่ผู้ส่งสามารถสังเกตและรับรู้ปฏิกิริยาของผู้รับได้โดยตรง
สื่อมวลชน (mass media) เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เป็นสื่อที่เน้นการสื่อสารทางเดียว แต่สามารถกระจายสารไปยังคนหมู่มากได้
สื่อสังคม (social media) เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือเว็บบอร์ด โดยสื่อสังคมจะเป็นช่องทางสื่อสารที่มีการโต้ตอบค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ส่งมีโอกาสอธิบายเพิ่มเติม หรือแก้ไขปรับปรุงรูปแบบสารได้อย่างเหมาะสม
การเขียนบล็อก
วางแผน
ค้นคว้า
ตรวจสอบข้อมูล
การเขียนคำโปรย
การเขียน
การใช้ภาพประกอบ
ตรวจทานแก้ไข
แฟ้มผลงาน (portfolio)
รวบรวมผลงาน
จัดหมวดหมู่
คัดเลือกผลงาน
จักลำดับความน่าสนใจ
ลำดับและร้อยเรียงเรื่องราวให้น่าสนใจ
ตรวจทาน
บทที่ 7นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI)
แนวคิดด้านปัญญาประดิษฐ์
การรับรู้ (Perception)
การแทนความรู้และการให้เหตุผล (Representation and Reasoning)
การเรียนรู้ (Learning)
การปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติ (Natural Interaction)
ผลกระทบทางสังคม (Social Impact)
การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing)
ค่าใช้จ่ายการประมวลผลแบบคลาวด์
สำหรับบุคคลทั่วไป มักไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ได้รับบริการพื้นฐานอย่างจำกัด
สำหรับภาคธุรกิจ มีค่าใช้จ่ายสำหรับอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานที่พร้อมใช้งานอง
ทำความรู้จัก Cloud Computing
เปรียบเทียบข้อดี การประมวลผลแบบคลาวด์
เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา
ใช้งานฟรี หรือจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อเพิ่มเติมความสามารถ
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ แอปพลิเคชั่น และจ้างผู้ดูแลระบบ
ยืดหยุ่นในการปรับเพิ่ม-ลดขนาดทรัพยากร
เปรียบเทียบข้อเสีย การประมวลผลแบบคลาวด์
ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการรับ-ส่งข้อมูล
ข้อมูลอาจถูกโจรกรรมจากช่องโหว่ด้านการรักษาความปลอดภัย
หากระบบขัดข้องอาจทำให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ
รูปแบบการให้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์
Infrastructure-as-a-Service (IaaS)
Platform-as-a-Service (PaaS)
Software-as-a-Service (SaaS)
อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT)
อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ส่งผลให้ในแต่ละวันเกิดข้อมูลปริมาณมากสะสมกันเป็นจำนวนมหาศาล
สถาปัตยกรรมอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
สมองกลฝังตัวและเซนเซอร์
เกตเวย์และเครือข่าย
ส่วนสนับสนุนการบริการ
แอปพลิเคชั่น
เมืองอัจฉริยะ (Smart City)
เป็นการนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ภายในเมือง เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองดีขึ้น
เทคโนโลยีเสมือนจริ
หลักการทำงานของความเป็นจริงเสริม
ความเป็นจริงเสริม เป็นการรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือนเข้าด้วยกัน โดยนำเข้าสภาพแวดล้อมจริงผ่านกล้องถ่ายรูป นำไปแสดงเป็นฉากหลัง และเพิ่มวัตถุเสมือนซ้อนทับบนฉากหลัง ซึ่งต้องอาศัยซอฟต์แวร์ประมวลผลร่วมกับกล้องโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแว่นตาอัจฉริยะ
การใช้ประโยชน์จากความเป็นจริงเสริม
ด้านการศึกษา
ด้านการโฆษณาและการส่งเสริมการขาย
ด้านการท่องเที่ยว/การเดินทาง
ด้านความบันเทิง/เกม
หลักการทำงานของความเป็นจริงเสมือน
มีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือซอฟต์แวร์สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง และฮาร์ดแวร์ที่ช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับโลกเสมือน รวมถึงมีอุปกรณ์ที่ใช้สร้างประสบการณ์ความเป็นจริงเสมือน
Mixed Reality (MR)
สถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่ผสานโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างภาพแวดล้อมใหม่ที่วัตถุเสมือนและวัตถุจริงสามารถโต้ตอบกันได้ เพื่อให้รู้สึกจับต้องได้จริงๆ
บล็อกเชน (Blockchain)
เทคโนโลยีสำหรับการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ทุกโหนด (Node) ในเครือข่ายบล็อกเชน จะเก็บข้อมูลชุดเดียวกัน โดยข้อมูลในแต่ละโหนดจะถูกเก็บอยู่ในรูปแบบของบล็อก (Block) แล้วนำมาเชื่อมโยงกันเป็นสายโซ่ เรียกว่า เชน
ควอนตัมคอมพิวติง (Quantum Computing)
การสร้างปัญญาประดิษฐ์
ระบบรักษาความปลอดภัย
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสุขภาพ