Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Non-Trauma, B6129422 นางสาวศศิธร ลาวกับเพ็ชร Sec.1 - Coggle Diagram
Non-Trauma
-
-
โจทย์กรณีศึกษา
รับแจ้งเหตุจากศูนย์สั่งการ (Dispatch center : DC) ในเวลา 11.55 น ให้ออกรับผู้ป่วยหญิงสูงอายุ เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน มีอาการไข้ อ่อนเพลีย DC ได้ประเมินทางโทรศัพท์เบื้องต้นแล้ว ไม่มีประวัติ EXPOSED COVID-19 ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่องศูนย์ DC ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ตอนเช้าประมาณ 9.00 น มี จนท จาก รพ สต มาเยี่ยมที่บ้าน วัดไข้ได้ 39.1 C และให้รับประทานยา paracetamol (500 mg) 1 Tab
เมื่อไปถึงบ้านผู้ป่วย ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ตึกแถว 2 ชั้น อยู่ในซอยหลังร้านหมูกระทะ ที่บ้านเลี้ยงสุนัขไว้ 1 ตัว เห่าคนแปลกหน้า
เมื่อเข้าไปในบ้าน พบลูกชายออกมาต้อนรับ พาเข้าไปหาผู้ป่วย พบผู้ป่วยนอนบนเตียง อยู่ในห้องชั้น 1 ทางเดินผ่านจากประตูบ้านเข้าไปที่ในห้องค่อนข้างแคบ ประมาณ 1.5 เมตร เมื่อผู้ป่วยเห็นพยาบาลเข้าไป ก็ทักทายด้วยหน้าตายิ้มแย้มว่า “สวัสดีค่ะ”
ประเมินผู้ป่วยเบื้องต้น พบ ; ผู้ป่วยพูดคุยได้ แต่สับสนเป็นบางครั้ง Trachea in midline RR 18 /MIN, SPO2 90 % (room air) no neck vein engorge Normal chest wall and lung expansion, Crepitation at LLL BP 151/76. mmHg, HR 108 /min, Capillary Refill Time < 2 sec No Wound Found Abdomen: Normal, No Tenderness Pelvic & Perineum: Normal GCS: E 4V5M6 = 15 pupil 3 mm RTLBE DTX 117 mg% No pitting edema
การเตรียมอุปกรณ์
ชุด PPE ระดับ 2 ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย ,face shield, ถุงมือ dispose, ชุดกันฝน
-
อุปกรณ์ช่วยเหลือ : O2 mask , ถังออกซิเจน
อุปกรณ์เคลื่อนย้าย : Stretcher , กระดานสไลด์
-
SCENE ASSESSMENT
-
Scene safety
ประเมินความไม่ปลอดภัยทางด้านสิ่งแวดล้อม คือ ในบ้านมีการเลี้ยงสุนัข 1 ตัว เมื่อเข้าไปใกล้ จะเห่าคนแปลกหน้า ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ หากเข้าไปโดยไม่ได้ป้องกันตัวเอง จะต้องมีการจับสุนัขตัวนั้นขังหรือเอาออกจากบ้านก่อนจึงจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยได้
NOI : Nature of illness
การประเมิน ซํกประวัติจากผู้ป่วย และญาติ หรือผู้อยู่ในเหตุการณ์ ว่าขอความช่วยเหลือในเรื่องใดบ้าง ปัญหาหรือจุดเริ่มต้นของความเจ็บป่วย เพื่อพิจจารณาถึงความรุนแรง ของอาการในผู้ป่วยฉุกเฉิน เพื่อให้การดูแลอย่างถูกต้อง ตลอดจนการสังเกตสถานการณ์ที่เกิดเหตุว่ามีสิ่งที่บ่งบอกถึงการเจ็บป่วยหรือไม่
-
การประเมินผู้ป่วยบนรถ
- การประเมินทางเดินหายใจ (AIRWAY) และการหายใจอันดับแรกประเมินจากการพูดคุยหากพูดคุยได้แสดงว่าไม่มีปัญหาดูการอุดกั้นจากเสมหะหากผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวต้องทำการเปิดทางเดินหายใจแบบ HEAD TILT- CHIN LIFT โดยการกดหน้าผากเชยคางมีวิธีการดังนี้ 1.1 โดยการวางมือที่หน้าผากมืออีกข้างจับบริเวณขากรรไกร 1.2 ออกแรงกดเอียง ๆ ที่หน้าผากในขณะที่อีกมือยกขากรรไกรขึ้นข้างบนโดยระวังไม่ให้ริมฝีปากปิดอาจต้องใช้นิ้วหัวแม่มือช่วยดึงริมฝีปากล่างลง
- การประเมินการหายใจ (BREATHING) โดยการสังเกตลักษณะการหายใจหอบเหนื่อยหรือใช้กล้ามเนื้อและกะบังลมช่วยในการหายใจทำ CHEST MOVEMENT เพื่อประเมินการหายใจของทรวงอกตรวจร่างกายซ้ำโดยการฟังทั่วปอดเน้นบริเวณ LLL ดูอัตราการหายใจและรูปแบบการหายใจหากหายใจเร็ว> 30 ครั้ง / นาทีหรือหายใจช้ามาก (8 ครั้ง / นาทีและประเมินค่า O2 SAT
- การประเมินระบบการไหลเวียน (CIRCULATION) ประเมินชีพจรโดยคลำ PULSE ที่ข้อมือหรือต้นคอประเมิน BP ปลายมือปลายเท้าเย็นซีด CYANOSIS และมีการประเมิน CAPILLARY REFILL
-
-
การขอความช่วยเหลือ
เจ้าหน้าที่จากรพ.สต. หรือ อสม. ในการขอข้อมูลประวัติอาการและความเจ็บป่วยที่ผ่านมา การช่วยนำพาไปยังบ้านของผู้ป่วยและการประสานให้ญาติมีการจับสุนัขไว้ให้ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วย
ญาติ หรือเพื่อนบ้าน ขอความช่วยเหลือในการช่วยจับสุนัขขังหรือนำออกจากบริเวณบ้านก่อน เพื่อที่จะได้ทำการช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย
-
การให้คำแนะนำญาติ
-
แนะนำญาติเรื่องการเฝ้าผู้ป่วยสามารถเฝ้าได้ 1 คนและต้องไม่เปลี่ยนคนเฝ้าเพื่อให้ญาติได้เรียนรู้วิธีการดูแลไปพร้อมกัน
ปัญหาอุปสรรค
มีอุปสรรคเนื่องจากผู้ป่วยหญิงสูงอายุป่วยติดเตียงตำแหน่งที่ตั้งของบ้านอยู่ในซอกซอยซึ่งพบว่าทางเดินผ่านจากประตูบ้านเข้าไปที่ห้องของผู้ป่วยค่อนข้างแคบซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากที่เกิดเหตุมาถึงโรงพยาบาลได้
อุปสรรค์จากสัตว์เลี้ยงคือสุนัขเนื่องจากสุนัขนั้นเท่าคนแปลกหน้าและอาจกัดทีมที่ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดังนั้นจึงควรให้เจ้าของบ้านจับหรือผูกสุนัขให้เรียบร้อยก่อนทำการช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อทีมผู้ช่วยเหลือและป้องกันไม่ให้เกิดผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม
-
ระยะเวลาที่ใช้ทั้งหมด
จากกรณีศึกษาใช้ระยะเวลาในการตอบสนอง (RESPONSE TIME) คือ 13 นาทีซึ่งถือได้ว่าไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจาก RESPONSE TIME หมายถึงระยะเวลาตั้งแต่รับเหตุ (TEAM ACTIVATE TIME) จนถึงเวลาที่ทีมปฏิบัติการถึงที่เกิดเหตุหรือถึงผู้ป่วย (SCENE ARRIVAL) ภายใน 8 นาที (วิทยาโพธิ์หลวง, 2560) จากกรณีศึกษาใช้เวลา 13 นาทีเกินจากเวลามาตรฐาน 5 นาที่อาจส่งผลเสียต่อผู้ป่วยได้เช่นอาจทำให้อาการอันตรายรุนแรงมากขึ้น
-