Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีผู้สูงอายุ - Coggle Diagram
ทฤษฎีผู้สูงอายุ
ทฤษฎีความเสื่อมโทรม
(Wear and Tear Theory)
เชื่อว่า การใช้อวัยวะมากจะทำให้เสื่อมได้ง่ายและเร็วขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น เปรียบกับเครื่องจักร
เชื่อว่าการเสื่อมของเซลล์จนกระทั่งซ่อมแซมตัวเองไม่ได้และ
ทดแทนไม่ได้จึงนำไปสู่ความชราและตาย
ร่างกายก็ยังถูกทำลายจากการใช้งานในชีวิตประจำวันตาม
ธรรมชาติ ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้นความสามารถในการซ่อมแซมร่างกายน้อยลง
ความเชื่อตามทฤษฎีความเสื่อมโทรมนี้ทำให้มองเห็นประโยชน์ของการ
สร้างเสริมสุขภาพ และการชะลอความเสื่อมของร่างกาย
ผู้รับบริการ มีปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ในบางครั้ง ขัดข้อเข่า ความเจ็บป่วยกับการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุมีความสัมพันธ์กับทฤษฎีความเสื่อมโทรม คือ มีอาชีพเป็นช่างยนต์ซ่อมรถทำถนน ตั้งแต่อายุ 16 ปีถึงอายุ 60 ปี ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องใช้แรงงาน ใช้ร่างกายในการซ่อมรถและขับรถทำถนนซึ่งเปรียบกับทฤษฎีได้เป็นการใช้ร่างกายในการทำงานที่ค่อนข้างหนักซึ่งต้องใช้กล้ามเนื้อใช้กระดูกใช้ข้อต่างๆในการประกอบอาชีพช่างยนต์ทำมาตั้งแต่อายุ 16ปี จนถึง 60ปี รวมระยะเวลาทั้งหมดแล้ว 44 ปีซึ่งการทำงานนี้ ตามทฤษฎีบอกว่าร่างกายจะมีการซ่อมแซมใหม่เพื่อทดแทนตลอดระยะเวลาที่ทำมายังไม่เกิดอาการขัดข้อเข่าเนื่องจากร่างกายมีการสร้างทดแทนและรักษาตนเองได้ ตามทฤษฎีนี้มาโดยตลอดแต่หลังจากที่มีภาวะความสูงอายุเกิดขึ้นก็ทำให้การซ่อมแซมลดลง ซึ่งร่างกายได้ใช้หรือทดแทนไปแล้วในช่วงวัยผู้ใหญ่ จึงทำให้เกิดการเสื่อมของอวัยวะ ตามทฤษฎี จึงทำให้เกิดอาการอาการแสดงขึ้นมาคือ ขัดข้อเข่า
เซลล์จะซ่อมแซมตนเองได้โดยการสร้างใหม่เพื่อทดแทนเช่น เช่นเซลล์ของผิวหนัง เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือขาว แต่มีเซลล์บางชนิดไม่สามารถแบ่งตัวได้อีกเช่น เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์กล้ามเนื้อลาย และเซลล์ประสาท
เซลล์ร่างกายจะถูกทําลายเมื่อถูกใช้งานหนักมากเกินไป เป็นการสร้างสภาพเครียด
ให้กับร่างกาย ซึ่งความเครียดนี้จะเร่งให้เกิดความเสื่อมในอวัยวะต่างๆเร็วขึ้นโดยเฉพาะต่อมต่างๆและโครงสร้างของเซลล์
ความเครียดนั้นจะส่งผลต่อตับ กระเพาะอาหาร ไต ผิวหนัง รวมทั้งระบบชีวเคมีและฮอร์โมนในร่างกายเรา ทําให้เซลล์ทํางานผิดปกติร่างกายจึงทรุดโทรมและแก่ก่อนวัยได้
ทฤษฎีการเชื่อมตามขวาง
(Cross linkage theory)
ㆍ การแพร่เเละการขนส่งสารจำเป็นภายในเซลล์ ถูกขัดขวาง
Cell ตาย และเสียหน้าที่
. AGE(Advanceed Glycation End Products) โปรตีน + น้ำตาลเป็นสาร cross link ทำให้ collagen Fiber หดตัว แข็ง ไม่ยืดหยุ่น เหี่ยว แห้งแตก
. เชื่อว่า...สาร Fibrous Protein ( ได้แก่ คอลลาเจน อิลาสติน ฯ)ถูก AGE (จากกระบวนการ Glycation)มาเกาะ เกิดเป็นการ
เชื่อมตามขวางของสารใยโปรตีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พบการเชื่อมตามขวางมากที่สุด ในผิวหนัง เอ็น กระดูก
กล้ามเนื้อ ข้อหลอดเลือดและหัวใจ เลนซ์ตา เอ็นจะแข็ง ข้อติด
ผิวหนังแห้งเหี่ยวยน แตก เปื่อยยุ่ยฟันหลุดร่วง
กล้ามเนื้อไม่ยืดหยุ่น ผนังหลอดเลือดเปราะริ้วรอย (Wrinkling)อัตราของการเชื่อมตามขวางจะเป็นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นแต่จะเกิดเร็วในช่วงอายุ 30-50 ปีขึ้นไป
ปัจจัยเสริม น้ำตาลในเลือดสูง (hyperglycemia)
ㆍ เป็นสาเหตุที่ส่งเสริมให้ cross linkage เกาะกันมากขึ้น
ㆍ สูญเสียความยืดหยุ่นของเซลล์
รังสีอุลตราไว้โอเลต(แสงแดด)ผิวหนังเกิดริ้วรอย
ผิวเปราะเหี่ยว แตกเป็นขุย และเกิดมะเร็งผิวหนัง
ผู้รับบริการ มีผิวหนังเหี่ยวย่น ไม่ยืดหยุ่น ขัดข้อเข่า ซึ่งเกิดจากการที่สายใยโปรตีนมีความผิดปกติจากการมีโมเลกุลของกลูโคส ที่เพิ่มมากขึ้นจากการเป็นโรคเบาหวาน รวมถึงพฤติกรรมการชอบรับประทานอาหารที่มีรสหวาน และการมีสาร AGE เป็นสาร cross link ไปจับกับเซลล์ส่วนใดในร่างกายจะทำให้เซลล์นั้นเสื่อมสภาพ จะพบเยอะใน collagen,Elastic Fiber เกาะกันมากขึ้น ทำให้หดตัว แข็ง ไม่ยืดหยุ่น เหี่ยว แห้งแตก ซึ่งจะพบเยอะในอวัยวะ ผิวหนัง กล้ามเนื้อ หลอดเลือด กระดูกอ่อน
ทฤษฎีการสะสมของเสีย (Accumulative theory)
เชื่อว่าการสูงอายุเกิดจากการสะสมสารที่เป็นอันตรายต่อเซลล์คือ Lipofuscinรงควัตถุที่เปนไขมัน และโปรตีน ทำให้การทำงานของเชลล์ผิดปกติ
พบมากในตับ รังไข่ เชลล์ประสาท กล้ามเนื้อหัวใจ ผิวหนัง
วิตามินอี และSelenium ทำลายโซ่ Lipofuscin พบในผักใบ
เขียว เครืองในสัตว์ ผลไม้และธัญพืช
ผู้รับบริการ สูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ15ปี เลิกสูบตอนอายุ40ปี เป็นเวลา25ปี ดื่มแอลกอลล์ฮอล ตั้งแต่อายุ15ปี เลิกดื่มตอนอายุ 60ปี เป็นเวลา 45ปี เป็นโรคความดันโลหิตสูงมา 20ปี ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเกิดจากการสะสมของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและไขมันใน
ผนังหลอดเลือดทำให้ความสามารถในการหดตัวและคลายตัวลดลง และสูญเสียความสามารถในการหดตัวกลับ เมื่อได้รับแรงดันเลือดจากหัวใจ หลอดเลือดจึงมีความต้านทานส่วนปลายมากขึ้น
การดื่มเครื่องดื่มแอลลกอลล์ฮอล และการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยที่ส่งผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
ทฤษฎีการถดถอยจากสังคม (Disengagement theory)
ผู้สูงอายุและสังคมจะลดบทบาทซึ่งกันและกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ตามความต้องการของร่างกายที่ไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะคิดว่าตนเอง มีความสามารถลดลง
ต้องกระตุ้นให้ผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาชิกต่างวัยเพื่อลดความเชื่อดังกล่าว
ผู้รับบริการ มีหอพักเป็นของตนเอง ปัจจุบันให้หลานสาวเป็นคนช่วยดูแล จะคอยแนะนำและไปดูบ้างเป็นบางครั้ง
แนวคิดพัฒนกิจชีวิตของอีริคสัน(Erikson's
Developmental Tasks)
อธิบายถึงพันธกิจของบุคคลใน 8 ช่วงวัย
ของชีวิตแต่ละช่วงวัยต้องฝ่าฟันอุปสรรคให้สำเร็จเพื่อก้าวไปสู่ชีวิตช่วง
ต่อไปตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุโดยพันธกิจในช่วงวัยสูงอายุได้แก่
การปรับตัวต่อความเจ็บป่วย การสูญเสียและการเปลี่ยนแปลงการชื่นชม
กับชีวิตในอดีต และการเตรียมตัวเข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิตช่วงชีวิตระยะที่ 8 เป็นช่วงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป อิริคสันอธิบายว่าผู้สูงอายุต้องปรับตัวต่อความสิ้นหวัง ใช้ชีวิตที่
เป็นอิสระมากขึ้น หา
จุดมุ่งหมายใหม่ของชีวิตและทำบทบาทใหม่เพื่อดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมี
ความหมายเพื่อ
ผู้รับบริการเพศชาย อายุ 71 ปี เป็นวัยผู้สูงอายุตอนกลาง รับรู้ว่าตนเองเป็นวัยผู้สูงอายุ มีการปรับตัวและยอมรับในการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จากการเปลี่ยนแปลงและการยอมรับความตายได้
แนวคิดของเพค
( Peck's Theory)
แนวคิดนี้ขยายทฤษฎีของอีริคสัน เกี่ยวกับการสร้างความรู้สึกมีศักดิ์ศรีในตนเองของผู้สูงอายุ โดยกล่าวว่าผู้สูงอายุควรสร้างความพึงพอใจในตนเองในฐานะเป็นคนคนหนึ่ง ไม่ใช่จากบทบาททางสังคม ผู้สูงอายุควรหาความสุขทางใจและหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นกับร่างกายที่เสื่อมถอยตามธรรมชาติ และสะท้อนคิดถึงอดีตที่ประสบความสำเร็จอย่างชื่นชมแทนที่จะมองแต่ระยะเวลาชีวิตที่เหลือยูน้อยลง
-ผู้รับบริการมีความภาคภูมิใจและพอใจในตนเอง ไม่รังเกียจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตนเอง เช่นรูปร่างหน้าตา ฐานะของครอบครัว
-ผู้รับบริการภูมิใจคือการได้ทำงานเป็นพนักงานของรัฐ การมีหอพักเป็นของตนเอง มีรายรับเข้าทุกเดือนไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน มีลูกหลานคอยดูแล
ทฤษฎีระบบประสาท และต่อมไร้ท่อ
(Neuroendocrine theory)
ทฤษฎีนี้เชื่อว่า ความสูงอายุเป็นผลร่วมกันของการเปลี่ยนแปลงทั้ง ระบบประสาทและต่อมไร้ท่อที่ทำหน้าที่ลดลง หรือแตกต่างจากเดิมเมื่ออายุมากขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย
ต่อมไทรอยด์ มีขนาดเล็กลงหลังอายุ 50 ปีขึ้นไป
ต่อมใต้สมอง ต่อมใต้สมองส่วนหน้า จะเสื่อมหน้าที่ลงอย่าง
รวดเร็ว ทำให้อ่อนเพลีย ฮอร์โมนต่ำทำให้ผู้สูงอายุเบื่ออาหาร ขนบริเวณรักแร้ และหัวหน่าวร่วง อวัยวะเพศเสื่อมและเล็กลง
ตับอ่อน ผลิตอินซูลินได้น้อยลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทำให้เกิดโรคเบาหวาน
ผู้รับบริการ เป็นโรคเบาหวานมา 20ปี ซึ่งโรคเบาหวานเกิดจากการที่เซลล์ร่างกายมีความผิดปกติในขบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน โดยขบวนการนี้เกี่ยวข้องกับอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อนเพื่อใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อน้ำตาลไม่ได้ถูกใช้จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าระดับปกติ ซึ่งตรงกับทฤษฎี โรคประสาทและต่อมไร้ท่อที่เป็นความผิดปกติของ การทำงานของตับอ่อนโดยที่ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ลดลงในโรคเบาหวาน