Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ, 10.1) ในตอนเช้าดื่มน้ำ 240…
การพยาบาลผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
การรักษา
การรักษาด้านอายุรศาสตร์
2.1 บรรเทาอาการปวด ประคับประคองโดยให้ยาแก้ปวด ในรายที่ปวดมาก
2.2 กระตุ้นให้ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 3,000 ซีซีต่อวัน ในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม
2.3 งดอาหารที่ส่งเสริมให้เกิดนิ่ว ซึ่งขึ้นกับชนิดของนิ่ว พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจ เช่น นิ่วแคลเซียม มักพบจากการขาดอาหารประเภทโปรตีน ควรแนะนำให้รับประทานโปรตีนจากอาหารประเภทถั่วต่าง ๆ แทนโปรตีนจากสัตว์ เช่น ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วพู เป็นต้น ถ้าเป็นนิ่วกรดยูริก ให้ลดอาหารที่ทำให้เกิดกรดยูริกมาก เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ของหมักดองที่ใช้ยีสต์ ควรเลือกรับประทานปลา อาหารที่มีใยพืชมาก ได้แก่ ข้าวโพด ลูกเดือย งา เมล็ดฟักทอง มะม่วง ลำไย มังคุด ส้ม กล้วย ผักใบเขียวทุกชนิด นอกจากนี้อาจใช้หญ้าหนวดแมวเพราะมีฤทธิ์เป็นด่าง
2.4 ให้ยาละลายนิ่วตามชนิดของนิ่ว เช่น ให้อัลโลพิวรินอล (allopurinol) ในกรณีที่เป็นกรดยูริก หรือยาโซเดียมไปคาร์บอเนต (sodium bicarbonate) ปรับภาวะปัสสาวะให้เป็นด่าง ป้องกันการเกิดนิ่วกรดยูริก
การรักษาทางด้านศัลยศาสตร์
1.1 การผ่าตัดกรวยไตเอานิ่วในไตออก (pyelolithotomy) โดยผ่าเปิดบริเวณสีข้างเข้าไปที่กรวยไต (renal pelvis)
1.2 การผ่าตัดเข้าไปที่ไตโดยเปิดเข้าทางสีข้างเข้าไปที่ไต ผ่าไตตามยาวเป็น 2 ซีก เท่ากันและคีบนิ่วออก (nephrolithotomy)
1.3 การผ่าตัดไตออกเมื่อมีการอุดตันอยู่นานจนไตข้างนั้นใช้การไม่ได้แล้วอาจเป็นแบบตัดไตออกบางส่วน หรือตัดไตข้างหนึ่งออกทั้งหมด (nephrectomy)
1.4 การผ่าตัดเปิดเข้าไปทางสีข้างหรือหน้าท้องส่วนล่างไปถึงหลอดไตเปิดหลอดไตเอานิ่วในหลอดไตออก (ureterolithotomy)
1.5 การผ่าเหนือหัวเหน่าเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ แล้วเอานิ่วออก (suprapubic cystolithotomy)
1.6 การผ่าเข้าไปที่ท่อปัสสาวะ แล้วเอานิ่วออก (urethrolithotomy)
1.7 ใช้กล้องส่องผ่านกระเพาะปัสสาวะ (endoscopic basker) ลอดสอดเข้าท่อไตแล้วคล้องเอานิ่วออก โดยใช้เครื่องมือคล้องนิ่ว (stone basket)
1.8 การสอดกล้องเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ในรายที่นิ่วใหญ่ไม่เกิน 4 ซม. ไม่แข็งมาก แล้วขบนิ่วให้แตก (litholapaxy)
1.9 การเจาะผ่านผิวหนังเข้าสู่ไตเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณสีข้าง ใส่ท่อเล็ก ๆ ที่ติดกล้องส่องผ่านเข้าไปเพื่อขบนิ่วให้แตก หรือถ้าก้อนนิ่วโตมากอาจใช้ คลื่นเสียง หรือเลเซอร์ กระทบให้นิ่วแตก แล้วล้างออก (percutaneous nephrolithotripsy, PCNL)
1.10 การสลายนิ่ว อาศัยคลื่นเสียงความถี่สูงวิ่งผ่านน้ำ เล็งเข้าที่นิ่วคลื่นจะกระทบนิ่วแตกละเอียด และเศษนิ่วหลุดออกมาทางปัสสาวะ (extracorporeal shock wave lithotripsy, ESWL)
1.11 ก้อนนิ่วถูกทำให้แตกเป็นเศษเล็ก ๆ โดยการใช้เลเซอร์ (laser therapy) วิธีนี้เป็นการใช้เครื่องมือใส่เข้าไปทางกล้องส่องท่อไต การดูแลหลังทำคล้ายคลึงกับการทำการสลายนิ่วด้วยคลื่นเสียงความถี่
พยาบาล
หลักการดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษานิ่วทางศัลยศาสตร์
2) อธิบายและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา ขั้นตอนการเตรียมทำผ่าตัดโดยทั่วไป และการปฏิบัติตนทั้งก่อนและหลังผ่าตัดที่เหมาะสม
3) ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการระบายปัสสาวะทางสายยางต่าง ๆ ที่เหมาะสมโดยยึดหลักปราศจากเชื้อ เช่น การมีสายยางระบายน้ำปัสสาวะจากกรวยไต จากกระเพาะปัสสาวะเป็นต้น และป้องกันการอุดตันจากการระบายสายยางเหล่านี้ด้วย
4) ดูแลและป้องกันภาวะตกเลือดหลังผ่าตัด โดยการสังเกตบาดแผล ท่อระบายสายยาง ปัสสาวะที่สวนคาไว้ บันทึกสัญญาณชีพเป็นระยะเพื่อบ่งชี้ถึงอาการแสดงของภาวะตกเลือด
5) บันทึกจำนวนสารน้ำที่ได้รับและที่ขับออกจากร่างกายในแต่ละวัน และบันทึกลักษณะของปัสสาวะที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น ปัสสาวะขุ่นมีหนอง มีตะกอน มีเลือดปน เป็นต้น
6) การดูแลเกี่ยวกับบาดแผล เพื่อป้องกันและลดการติดเชื้อ โดยเฉพาะบาดแผลที่มีเลือดและน้ำปัสสาวะซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา ต้องหมั่นทำความสะอาดแผลอยู่เสมอ ทั้งนี้ควรปรึกษาและทำความตกลงกับแพทย์ผู้รักษาด้วย
7) การลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด และอาการปวดจากการมีปัสสาวะคั่งค้าง ควรหาสาเหตุและแก้ไข หรือรายงานแพทย์ถ้ามีเลือดออกมากและมีลิ่มเลือดอุดตันในทางเดินปัสสาวะหรือสายยางระบายปัสสาวะ
8) การกระตุ้นให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสภาพโดยเร็ว (early ambulation) โดยเฉพาะการฝึกไอและการหายใจเข้าออกลึก ๆ ในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด โดยเฉพาะแผลผ่าตัดบริเวณสีข้าง ซึ่งจะใกล้กับตำแหน่งของกระบังลม อาจทำให้ประสิทธิภาพในการหายใจลดลง เกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น ปอดแฟบ และปอดบวม ได้ง่าย
9) กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 3,000 ซีซีต่อวัน ถ้าไม่มีข้อจำกัดเพื่อให้พลาสมาในโกลเมอรูลัส ที่จะถูกกรองออกเป็นน้ำปัสสาวะเจือจางลง ไตสามารถกรองสารต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และเป็นการเพิ่มปริมาณน้ำปัสสาวะเพื่อชะล้างเศษนิ่วที่ค้างออกมาด้วย
10) การระบายเศษนิ่วในผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยการสลายนิ่ว (ESWL) การระบายเศษนิ่วออก หลังจากการทำสลายนิ่วแล้วซึ่งให้ผลดี ช่วยให้มีการระบายเศษนิ่วออกได้เพิ่มมากขึ้น
1) การเตรียมผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจและรักษาตามแพทย์นัด
หลักการดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากภาวะการเป็นนิ่วซ้ำ
1) บอกให้ทราบถึงโอกาสที่เกิดโรคนิ่วซ้ำได้อีก ซึ่งต้องดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวัน (วันละ 3,000 ซีซี) เพื่อให้มีปัสสาวะออกมาก ๆ ป้องกันระดับของสารก่อนิ่วในปัสสาวะสูงเกินไปหรือถ้าเป็นก้อนเล็ก ๆ ก็จะหลุดออกมาได้เอง
2) สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการ และอาการแสดงของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเกิดจากก้อนนิ่วอุดกั้น เพื่อรีบมารับการรักษา เช่น ปวดท้องหรือปวดหลัง ปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ปัสสาวะมีเลือดปน มีไข้สูง
3) อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงความสำคัญของอาหาร และแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ อย่างไรก็ตามการควบคุมอาหารบางประเภทเป็นสิ่งจำเป็น เช่น ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วกรดยูริก ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มียูริกสูง เช่น เครื่องในสัตว์ เป็นต้น
5) แนะนำผู้ป่วยให้มีการออกกำลังกายตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันการตกตะกอนจับตัวเป็นก้อนนิ่ว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่ต้องนอนกับเตียงนาน ๆ ต้องพยายามเปลี่ยนท่าบ่อย
6) เมื่อกลับไปอยู่บ้านแนะนำผู้ป่วยไม่ควรทำงานหนักหรือยกของหนัก อย่างน้อย 6 สัปดาห์
7) อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงความจำเป็นที่ต้องสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนวันนัด เช่น อาการอ่อนเพลีย มีไข้สูง ปวดบริเวณแผลผ่าตัด แผลเป็นหนองหรือมีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะแสบขัด น้ำปัสสาวะมีสีเหลืองขุ่นหรือเป็นสีแดง และน้ำปัสสาวะออกน้อย เป็นต้น
8) อธิบายให้ผู้ป่วยเห็นความสำคัญของการมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจสุขภาพและแผลผ่าตัด
4) แนะนำถึงวิธีการใช้ยาบางประเภท เพื่อขับปัสสาวะและลดระดับสารก่อนิ่วในปัสสาวะ เช่น ผู้ป่วยที่มีนิ่วแคลเซียม อาจจะได้รับยาประเภทไทอาไซด์ (thiazide) เพื่อขับปัสสาวะและลดระดับแคลเซียมในปัสสาวะ ถ้ามีกรดยูริกสูง ต้องได้รับยาประเภทอัลโลพิวรินอล (allopurinol) และยาที่ทำให้ปัสสาวะเป็นด่าง ถ้าเคยเป็นนิ่วเขากวางและถ้ามีการอักเสบติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อธิบายให้ผู้ป่วยเห็นความจำเป็นที่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ตามแผนการรักษา
หลักการดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนของการเป็นนิ่ว
1) ดูแลให้ได้รับความสุขสบายทางร่างกายและจิตใจ ลดความเจ็บปวด
2) กระตุ้นให้ผู้ป่วยได้รับน้ำดื่มอย่างน้อยวันละ 3,000 ซีซี ในรายที่ไม่มีข้อห้าม เพื่อช่วยลดการตกตะกอนของนิ่ว และให้นิ่วก้อนเล็ก ๆ เคลื่อนต่ำลงมาได้
3) กระตุ้นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอที่ไม่หักโหมและปลอดภัยกับผู้ป่วย เพื่อช่วยลดการตกตะกอนของนิ่ว และให้นิ่วก้อนเล็ก ๆ เคลื่อนต่ำลงมาได้
4) ดูแลให้ได้รับการระบายปัสสาวะที่ดีในรายที่สวนคาสายปัสสาวะและไม่กลั้นปัสสาวะ เพื่อมิให้มีการคั่งค้างของปัสสาวะ
5) สังเกตและบันทึกจำนวน ลักษณะของปัสสาวะ โดยให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะในภาชนะเพื่อวิเคราะห์ ส่วนประกอบเมื่อมีนิ่วหลุดออกมา ถ้าจำนวนปัสสาวะลดลงหรือไม่มีเลย อาจแสดงถึงการทำงานของไตลดลง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญที่ต้องรายงานแพทย์
6) สังเกตอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อันเกิดจากการอุดกั้นของนิ่ว เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น มีหนอง พบเม็ดเลือดขาว หรือแบคทีเรียในปัสสาวะสูงหรืออาจพบเชื้อในปัสสาวะจากการตรวจเพาะเชื้อ
7) การดูแลด้านจิตใจ เนื่องจากผู้ป่วยมักมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรค และการรักษาควรให้ความมั่นใจ กำลังใจ และร่วมวางแผนกับญาติในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
3.1 ตรวจเลือด พบว่า เม็ดเลือดขาว บียูเอ็น ครีเอตินิน แคลเซียม กรดยูริค อัลคาไลน์ฟอสเฟต (alkaline phosphate) สูงกว่าปกติ
3.2 ตรวจปัสสาวะ พบเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว แบคทีเรียสูงกว่าปกติ
การตรวจทางรังสี
4.1 การถ่ายเอ็กซ์เรย์ระบบทางเดินปัสสาวะ (plain K.U.B.)
4.2 การฉีดสารทึบแสงเข้าทางหลอดเลือดดำ (intravenous pyelography, IVP) เป็นการตรวจดูหน้าที่ของไต บอกตำแหน่งที่มีการอุดกั้น และสภาพการเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปร่างของทางเดินปัสสาวะ
4.3 การส่องกล้องดูกระเพาะปัสสาวะ (retrograde pyelography, RP) เป็นการตรวจดูตำแหน่งของการอุดกั้น หรือดูนิ่วชนิดโปร่งแสง
4.4 การเอ็กซเรย์ไต (renogram) เป็นการดูหน้าที่และลักษณะของการอุดกั้นของไตแต่ละข้าง
การตรวจด้วยเครื่องมือ
โดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะเขาสู่กระเพาะปัสสาวะ (cystoscope) เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงและความผิดปกติในกระเพาะปัสสาวะ
การตรวจร่างกาย
2.1 การสังเกต การแสดงความเจ็บปวดทางสีหน้า อาการกระสับกระส่าย พักหลับไม่ได้ ดูการเบ่งถ่ายปัสสาวะ ระยะเวลาการถ่ายปัสสาวะ ลักษณะสี เห็นสิ่งแปลกปลอมจากน้ำปัสสาวะ
2.2 คลำ โดยใช้สองมือ ถ้ามีการอุดตันอยู่นานจนมีการพองโต คลำได้ใต้ชายโครงด้านหน้า กดเจ็บบริเวณบั้นเอว ถ้ามีปัสสาวะคั่งในกระเพาะปัสสาวะมาก จะคลำได้กระเพาะปัสสาวะ โป่งตึงเหนือหัวเหน่า
2.3 เคาะ เหนือหัวเหน่ามีเสียงทึบของกระเพาะปัสสาวะที่มีน้ำเต็ม เคาะเจ็บบริเวณเหนือเอวใต้ชายโครง (costovertebral angle) เมื่อเกิดการอุดตันและอักเสบ
การซักประวัติ
1.1 ซักถามเกี่ยวกับประวัติการเป็นนิ่ว โรคประจำตัวที่เป็นสาเหตุชักนำให้เกิดนิ่ว เช่น โรคเกาท์ หรือต่อมพาราไทรอยด์โต (hyperparathyroidism) เป็นต้น
1.2 ประวัติสมาชิกในครอบครัวที่เป็นนิ่ว
1.3 อาการปวด ตำแหน่งที่ปวด ลักษณะการปวด เช่นปวดตื้อ ปวดเสียว ปวดดิ้น (colic) ตำแหน่งที่ความเจ็บปวดร้าวไปถึง เวลาที่ปวด ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือหลังถ่ายปัสสาวะ
1.4 อาการแสดงที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบติดเชื้อ เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น มักพบร่วมกับอาการปวดสีข้าง อาการคลื่นไส้ อาเจียน
1.5 ปัสสาวะ ซักถามเกี่ยวกับจำนวน สี กลิ่น ความยากง่ายในการถ่ายปัสสาวะพุ่ง หรือไม่พุ่ง ถ่ายไม่สุด ถ่ายบ่อย มีสิ่งแปลกปลอมในปัสสาวะหรือไม่ เช่น เม็ดกรวด เลือด หนอง
1.6 อาหารและน้ำที่ดื่มเป็นประจำ อาหารบางอย่างทำให้เกิดนิ่วได้ น้ำที่ดื่มขุ่นหรือเป็นน้ำกระด้าง น้ำบริเวณภูเขา เป็นสาเหตุการเกิดนิ่วได้
1.7 แหล่งที่อยู่อาศัย ผู้ที่อยู่ในเขตหน้าแล้ง อากาศร้อน เช่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นนิ่วได้มาก
1.8 อาชีพ ลักษณะงานที่ทำ มีการออกกำลังกายเพียงพอหรือไม่
อาการและอาการแสดง
ปวดบริเวณบั้นเอวหรือปวดท้อง ซึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งของนิ่ว
มีปัสสาวะเป็นเลือด
มีปัสสาวะแสบ ขัด ปัสสาวะลำบาก
มีไข้
มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ปัสสาวะไม่ออก กรณีเป็นนิ่วบริเวณท่อปัสสาวะ
ไม่มีน้ำปัสสาวะ กรณีที่มีภาวะอุดตันของไตอย่างรุนแรงทั้งสองข้าง
พยาธิสภาพ
นิ่วที่เกิดการอุดตันขึ้นในแต่ละตำแหน่ง
ทำให้เกิดการขัดของปัสสาวะเหนือตำแหน่งที่อุดตัน
ทำให้มีแรงดันเพิ่มขึ้นเหนือไตและกรวยไต
กล้ามเนื้อไตและกล้ามเนื้อกรวยไตจะมีการบีบตัวแรงขึ้น
ผลักดันน้ำปัสสาวะให้ผ่านลงมายังท่อไตได้ตามปกติ
กล้ามเนื้อไตและกล้ามเนื้อกรวยไตจะโตและหนาขึ้น
ไตยังคงทำงานได้ตามปกติ
ถ้าการอุดตันนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข
กล้ามเนื้อไตและกล้ามเนื้อกรวยไตจะอ่อนแรง บางลงและพองออก
เริ่มจากผนังกรวยไต ยืดขยาย บางลง พองออกและมีน้ำขังอยู่
สิ้นสุดลงด้วยผนังของเนื้อไตถูกเบียดจนบางลงและพองออกเต็มไปด้วยน้ำ
ทำให้เนื้อไตถูกเบียดทำให้บางลง
มีเลือดมาเลี้ยงไตน้อยลง
เมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้น ไตเสียหน้าที่ เกิดภาวะไตวาย ภาวะยูรีเมีย (uremia)
1 more item...
ความหมาย
โรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคที่พบได้ทั่วไป พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จากการสำรวจพบได้สูงถึง 20 – 30 % ของประชากรในชนบทของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สาเหตุ
กรรมพันธุ์ ผู้ป่วยที่มีพ่อแม่เป็นโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคนิ่วเช่นเดียวกันได้
อายุและเพศ นิ่วในไต พบได้ในชายมากกว่าหญิง ถึง 2 ต่อ 1 พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
ความผิดปกติในการทำงานของต่อมพาราทัยรอยด์ ซึ่งหลั่ง hormone ที่ควบคุมสาร calcium ออกมามากกว่าปกติ
มีการตีบแคบของระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้น้ำปัสสาวะคั่งค้าง การตีบแคบนี้อาจมีมาแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลัง
ความเข้มข้นของน้ำปัสสาวะ เกิดจากมีสารต่างๆ ถูกขับออกมาในน้ำปัสสาวะมากกว่าปกติ หรือเกิดจากการที่ผู้ป่วยดื่มน้ำน้อยกว่าปกติ หรือสูญเสียน้ำจากร่างกายทางด้านอื่นมาก เมื่อปัสสาวะเข้มข้นสูง โอกาสที่สารละลายในปัสสาวะจะตกผลึก ก็มีมากขึ้น
การอักเสบการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ยา บางอย่าง ทำให้เกิดนิ่วได้ ยาลดกรดที่กินอยู่เป็นเวลานานๆทำให้ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นด่าง จะเกิดนิ่วพวกphosphate ได้ง่าย
อาหารที่รับประทาน เช่น ชอบทานอาหารจำพวกเครื่องในสัตว์ ยอดผัก สาหร่าย จะทำให้เกิดกรดยูริคได้ และการกินอาหารจำพวกผักที่มีสารออกซาเลต สูง เช่น ผักโขม หน่อไม้ ชะพลู เป็นต้น
ตำแหน่งที่พบนิ่ว
ไต
ท่อไต
กระเพาะปัสสาวะ
ท่อปัสสาวะ
ภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษานิ่วในทางศัลยศาสตร์
การตกเลือด
การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะจากเศษนิ่ว
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
มีรูทะลุเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ
มีการฉีกขาดหรืออักเสบของทางเดินปัสสาวะ
10.1) ในตอนเช้าดื่มน้ำ 240 ซีซี 2 แก้ว
10.2) รอ 30 นาที เพื่อให้น้ำช่วยขับเศษนิ่วออกมาทางปัสสาวะ (ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน)
10.3) นอนตะแคง 30 – 45 องศา โดยตะแคงด้านที่ทำการสลายนิ่วขึ้นด้านบนศีรษะต่ำนาน 30 นาที
10.6) นอนคว่ำ 30 – 45 องศา ศีรษะต่ำ นาน 30 นาที
10.7) ลุกขึ้นนั่ง แล้วดื่มน้ำ 240 ซีซี 1 แก้ว
10.8) ทำเช่นนี้วันละ 2 ครั้ง
ระยะชดเชย (compensatory)
ระยะชดเชยไม่ได้ (decompensatory)
นางสาวพรรณิดา ภาระโข รหัสนักศึกษา 62108301065 ชั้นปี 2
10.4) ในตอนบ่ายดื่มน้ำ 240 ซีซี 2 แก้ว
10.5) รอ 30 นาที เพื่อให้น้ำขับนิ่วออกมาทางปัสสาวะ