Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

โรคระบบไหลเวียนโลหิต, เปรียบเทียบ ลิ้นหัวใจตีบกับลิ้นหัวใจรั่วลิ้นหัวในรั่…

- - - - เกิดจากแบคทีเรียชนิดรุนแรงน้อย มักเกิดกับความผิดปกติลิ้นหัวใจหรือลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนอด
        
        พบเชื้อStrep.viridans
    - - เกิดจากแบคทีเรียชนิดรุนแรงมักเกิดกับหัวใจปกติ
        
        พบเชื้อStaph. aureus
- - - - โป่งพองตามแนว axis of vessel
    - - โป่งพองตามแนวtangential of axis
    - - โป่งพองที่มีการแยกชั้น intima จากผนังหลอดเลือด
  - - - Berry aneurysm พบบ่อย
      - Acquired
        
        Trauma / iatrogenic (การบาดเจ็บ/)
        
        Inflammation / infection Syphilis(การอักเสบ / การติดเชื้อซิฟิลิส)
        
        Degeneration - atherosclerosis(ความเสื่อม - หลอดเลือด)
- - - - เกืดจากการอักเสบเรื้อรังในห้องหัวใจการตืดเชื้อ Group A Streptococcal pharyngitis ที่เรียกว่า Rheumatic heart disease(โรคหัวใจรูมาติก)
      - Acute rheumatic fever ทำให้หัวใจอักเสบได้ทุกชั้นเรียกรวมว่าเกิด Rheumatic
        carditis
    - - ภาวะที่พบบ่อยเกิดจากการสะสมของแคลเซียมและเซลล์อักเสบที่ลิ้นหัวใจพบบ่อยในผู้สูงอายุ
  - - - Bacterial endocarditis
      - Atherosclerosis
- - - - หัวใจมี 4 ห้อง
        
        ซีกซ้าย/ซีกขวา ประกอบด้วยห้องบนและล่าง
      - ระหว่างห้องบนและล่างมีลิ้นหัวใจ
        
        ทำหน้าที่เปิด-ปิด
        
        ทำให้เลือดไหลไปทางเดียวและไม่ไหลย้อนกลับ
- - - - นิ้วมื้อนิ้วเท้าเน่าตายต้องตัดทิ้ง
      - พบมากสุด คือเกิดหลอดเลือดเท้า
    - - ยังไม่รู้แน่ชัด
      - การสูบบุหรี่ ได้รับควันบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญทั้งการเกิดดรคและดำเนินการของโรค
      - พบมากในประเทศที่สูบบุหรี่จัด
- - - - เลี้ยงกล้าเนื้อหัวใจด้านขวาและกล้ามเนื้อหัวใจด้านล่างซ้าย
    - - เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจด้านล่างซ้ายทั้งหมด
      - แขนงที่มาด้านหน้าเรียกว่า Left anterior descending artery
      - แขนงที่อ้อมไปด้านหลัง เรียกว่า Left circumflex artery
  - - - แบบคงที่
        
        เส้นเลือดหัวใจตีบตันทั่วไปมีเลือดไหลผ่านไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเพียงพอถ้านั่งพักหรือหัวใจเต้นช้า
        
        ถ้าหัวใจเต้นเร็วเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอโดยไม่เป็นกล้ามเนื้อหายใจตาย
      - แบบไม่คงที่
        
        เส้นเลือดหลอดเลี้ยงหัวใจตีบตันอยู่อยู่ๆเลือดไม่ไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดขึ้นขณะนั่งพักหรือขณะใช้กำลัง
        
        เจ็บหน้าแชอกปานกลางหรือรุนเเรงเกิดขึ้นเมื่อไม่เคยเจ้บหน้าอกมาก่อน อาจกลายไปเป็นขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ
        
        เกิดรอยแตกที่คราบไขมันทีผอกเส้นเลือดแดงเมื่อเกิดรอยแตกเม็ดเลือดขาวมาควบคุมเกิดการอักเสบมีการคั่งของเลือดใกล้คราบไขมันที่แตกก้อนเลือดที่คั่งเกิดการอุดตันเจ็บหน้าอกมากอาจกลายเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- - - - จากเชื้อโรคBeta- hemolytic
        Streptococcus Group A
- - - - Primary varicose vein
        
        ผลมาจากincompetence ของone way valve ของSuperficial vein(ดลอกเลือดดำตื้น)
      - Secondary varicose vein
        
        เกิดจากvalvular incompetenceของPerforating
        veinมักเป้นตามหลัง DVT
    - - SEX
      - อายุ
      - การตั้งครรภ์
      - กรรมพันธุ์
      - ชนิดของงาน
      - โรคอ้วน
- - - - สาเหตุ
        
        เกิดจากductus arteriosusไม่ปิดตามธรรมชาติ ควรปิด 10-15 ชั่วโมงหลังคลอด ปิดสมบูรณ์ 15-20 วัน ไม่เกิน3เดือน
        
        คลอดก่อนกำหนด
        
        ภาวะขาดออกซิเจนขณะคลอด
        
        การติดหัดเยอรมันใน3เดือนแรกของการตั้งครรภ์
    - - Preductal type มีการตีบก่อนถึงductus arteriosus(โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน)
      - Ductal type ส่วนที่ตีบอยู่ตรงกับส่วนต่อของDuctus พอดี
      - Postductal type มีการตีบใต้ต่อductus arteriosus
        โดยทั่วไปสามารถมีชีวิตอยู่จนโตเป็นผู้ใหญ่ได้
  - - - Right Ventricular Hypertrophyกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาหนามากกว่าปกติ
      - Pulmonary Valve Stenosisลิ้นหัวใจหลอดเลือดแดงปอดตีบ
      - Overriding of aortaมีการคร่อมของหลอดเลือดแดงใหญ่
      - Ventricular Septal Defectความผิดปกติของหัวใจที่มีรูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่างขวา
    - - ผิดปกติที่ aorta ออกจาก ventricle ขวาและ pulmonary artery ออกจาก ventricle ซ้าย
    - - การที่ Pulmonary valve ตันจนเลือดผ่านไม่ได้อาจเกิดร่วมกับความพิการของหัวใจ
    - - ไม่มี Tricucpid valve ให้เลือดเข้าสู่หัวใจห้องล่างขวา ไม่ได้
      - ทำให้เลืดจากห้องบนขวาเข้าสู่ASDเข้าทางปอดPDAหรือVSD
- - - - ไม่มีอาการผิดปกติ
      - คลำชีพจรในท้องได้
      - คลำได้ก้อนเต้นในท้อง
      - เจ็บท้องหรือส่วนหลังล่างอย่างรุนเเรง
      - ถ้าหลอดเลือดโป่งพองใกล้จะแตก
        
        ผู้ป่วยอาจปวดขา ขาเปลี่ยนสี เป้นแผล