Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้คลอดและทารกที่มีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ในระยะคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้คลอดและทารกที่มีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ในระยะคลอด
บทที่ 26 ภาวะแทรกช้อนที่เกี่ยวข้องกับรกและอื่นๆ
ภาวะรกค้างและการล้วงรก
ความหมาย
โดยทั่วไปรกและเยื่อหุ้มจะคลอดออกมาหลังจากทารกเกิด 5-เ5 นาที แต่บางครั้งไม่สามารถ
คลอดออกมาได้ ซึ่งถ้าไม่คลอดภายหลังเกิด 30 นาที เรียกว่ารกค้าง (retained placenta)
สาเหตุ
1.การทำคลอดรกไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่เกิดจากการคลึงมดลูกก่อนที่รกจะลอกตัว หรือการให้ยาmethergin ก่อนทำคลอดรก ทำให้เกิดการหดเกร็งของมดลูก (constriction) หรือปากมดลูกแข็งเกร็ง(cervical cramp)
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี อาจเนื่องมาจากการคลอดล่าช้า ผู้คลอดได้รับยาแก้ปวดมากเกินไปอ่อนเพลีย การ ได้รับยาสลบ กระเพาะปัสสาวะเต็ม รกจึงไม่ลอกตัวหรือลอกตัวไม่สมบูรณ์
รกมีความผิดปกติ เช่นมีรกน้อย รกมีขนาดใหญ่และแบน รกเกาะแน่น หรือรกฝังตัวลึกกว่าปกติ
มดลูกมีลักษณะผิดปกติ เช่นมีผนังกั้นภายในโพรงมดลูก (bicomuate uterus)
สายสะคือขาดเนื่องจ ากการทำคลอดรกผิดวิธี
การวินิจฉัย
1.การซักประ วัติ ประวัติการแท้งและการขูดมดลูก การตกเลือด หรือรกค้างในครรภ์ก่อน
2.การตรวจร่างกาย ได้แก่การตรวจการหดรัดตัวของมดลูก การตรวจสอบกระเพาะปัสสาวะจำนวนเลือดที่เสียจากการคลอด ระยะเวลาที่รอรกคลอด สัญญาณชีพ การตรวจรก
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการการตรวจพิเศษ ได้แก่การใช้อัลตร้าซาวน์ตรวจสอบมดถูกภายหลังรกคลอดในกรณีที่สงสัยว่ารกไม่ครบ การตรวจเลือดดูภาวะซีด
ผลต่อมารดา
ทำให้ตกเลือด และ Hypovolemic shock
การรักษา
กรณีที่มีรกค้างแพทย์จะตัดสินใจล้วงรก
ลักษณะของรกค้าง แบ่งได้ดังต่อไปนี้
รกลอกตัวไม่สมบูรณ์ การที่รกลอกตัวจากผนังมดลูกเพียงบางส่วนจะมีเลือดออกจากบริเวณนั้นอีกส่วนหนึ่งของรกที่ไม่ลอกตัวจะทำให้การหดรัดตัวและการคลายตัวไม่ดี จะมีเลือดไหลออกมาเรื่อย ๆจนกว่ารกลอกตัวหมดและคลอดออกมา
รกลอกตัวสมบูรณ์ แต่คลอดไม่ได้เพราะอาจเนื่องจากการห ครัดตัวที่ผิดปกติของมดถูก เช่นconstriction ring และปากมดลูกแข็งเกร็ง (cervical cramp) เป็นต้น
รกติดแน่นจากการฝั่งตัวลึกกว่าปกติ (Placenta adherens) ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ระดับ
3.1 Placenta accrcta villi จะฝั่งตัวลงไปในชั้นเชื่อบุมคถูกแต่ไม่ผ่านลงไปในชั้นกล้ามเนื้อ
3.2 Placenta increta vili จะฝังตัวลงไปในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก
3.3 Placenta percreta vill จะฝั่งตัวลงไปในชั้นกล้ามเนื้อมดลูกจนทะลุผนังมดลูกและอาจงอกเข้าไปในอวัยวะอื่นในอุ้งเชิงกรานที่อยู่ติดกับมดลูกด้วย
ภาวะช็อกทางสูติศาสตร์ (shock)
ความหมาย
ภาวะที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์ต่างๆขาดออกซิเจนจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ในทางสูติศาสตร์แบ่งชนิดของภาวะช็อก
ภาวะช็อกจากปริมาณเลือดน้อย (hypovolemic shock) เป็น ภาวะที่เกิดจากปริมาณเลือดพลาสม่าหรือน้ำในร่างกายลดลง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ภาวะช็อกจากประสิทธิภาพการบีบตัวของของหัวใจลดลง (cardiogenic shock) เป็นภาวะที่เกิดจากทำงานล้มเหลวของหัวใจด้านซ้ายทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงไม่สามารถบีบตัวได้แรงพอเกิดเลือดคั่งที่หัวใจซีกซ้ายและปอด ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับภาวะ coaulation defects, pulmonary embolism,thrombophlebitis และ amniotic fluid embolism
ภาวะช็อกจากการเปลี่ยนแปลงความตึงตัวของหลอดเลือด (vasogenic shock) เป็นภาวะที่เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดมีผลให้เพิ่มความจุของหลอดเลือดและแรงต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลายลดลง ทำให้ระบบไหลเวียนในร่างกายผิดปกติและเกิดภาวะช็อกได้หลายรูปแบบได้แก่
3.1 ภาวะช็อกจากการติดเชื้อในเลือด ( bacteriemic shock or Septic shock)
3.2 ภาวะช็อกจากระบบประสาท (neurogenic shock
33 ภาวะช็อกจากปฏิกิริยาแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylactic shock)
อาการและอาการแสดง
ชีพจรเบาเร็วประมาณ 100-120 ครั้งนาที ในรายที่รุนแรงมากจะเร็วกว่า 120 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิตลดลง pulse pressure แคบเข้า
มีการเปลี่ยนแปลงของการหายใจ การหายใจระยะแรกจะหายใจตื้น ต่อมาเมื่ออาการรุนแรงจะหายใจลึกและหอบ เกิดอาการขาดออกซิเจน
อาการซีดจะสังเกตสีหน้าซีดเผือด เยื่อบุต่าง ๆ ซีดขาว ผิวหนังเย็นซีด และเหงื่อแตก อุณหภูมิต่ำมีอาการกระสับกระส่าย กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย ถ้ารุนแรงมากอาจไม่มีปัสสาวะ แต่ภาวะจากการติดเชื้อ (septic shock) จะมีปัสสาวะออกมาก อุณหภูมิสูงเนื่องจากมีการติดเชื้อ นอกจากอาการรุนแรงมากปัสสาวะจะเริ่มออกน้อยลง
มีอาการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว ถ้าเป็นมากระดับความรู้สึกตัวลดลง เลอะเลือน
ผลต่อมารดาและทารก
ผลต่อมารดา หากได้รับการช่วยเหลือไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น ระบบหัวใจและการไหลเวียน โลหิตล้มเหลว ระบบหายใจล้มเหลว ไตวาย สมองบวมรวมถึงการทำงานของอวัยวะต่างๆส้มเหลวด้วย และอาจส่ งผลถึงหลังคลอดเกิด Shechan'syndrome จากเนื้อเยื่อของต่อม pituitary ตายผลต่อทารก กรณีที่มารดาเกิดภาวะช็อกก่อนคลอด ทารกในครรภ์อาจเกิดภาวะ fetal distress ได้และถ้ามารดาเกิดหลังคลอดส่งผลต่อการสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทรก ไม่สามารถดูดนมแม่ได้เพราะน้ำนมมีน้อย
การรักษา
1.ภาวะช็อกจากการเสียเลือดและน้ำ ควรรักษาสมดุลของปริมาณการไหลเวียนของเลือดให้เพียงพอ เช่น การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ เป็นต้น
2.ภาวะช็อกจากประสิทธิภาพการบีบตัวของของหัวใจลดลง ควรเพิ่มการทำงานของหัวใจเพื่อเพิ่มปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจและป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่นให้ออกซิเจน ให้ยากระตุ้น การทำงานของหัวใจ เป็นต้น
3.ภาวะช็อกจากการติดเชื้อในเลือด ควรให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
4.ภาวะช็อกจากการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของหลอดเลือดในสมองควรเพิ่มปริมาณการไหลเวียนของเลือด เช่นให้ขาที่ส่งเสริมการหดรัดตัวของเส้นเลือด เป็นต้น
วิธีการล้วงรก
ปกติต้องคมยาสลบและใช้เทคนิคปราศจากเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผู้ทำต้องสวมเสื้อกาวนั ผูกผ้าปิดปาก ใส่หมวก และถุงมือสำหรับล้วงรกที่ปราศจากเชื้อ ใช้มือหนึ่งจับมดลูกทางหน้าท้องไว้ อีกมือหนึ่งสอดตามสายสะคือเข้าไปในมดลุก เมื่อพบรกแล้วคลำหาขอบรก หงายมือขึ้น สอดปลายนิ้วระหว่างรกกับผนังมดลูก ก่อย ๆ แซะรกออกเมื่อรกหลุดออกหมดแล้วให้ใช้ถุงมือจับ ค่อย ๆ ดึงออกมาระวังเยื่อหุ้มทารกให้แน่ใจว่ารกออกมาหมด